WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, May 28, 2009

ข่าวมอนิเตอร์ประจำวันที่ 26 พฤษภาคม 2552

ที่มา ประชาไท

การเมือง

ค้านสร้างพระวิหารจำลอง

โพสต์ทูเดย์ - นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงกรณีมีการเสนอแนวคิดให้สร้างปราสาทพระวิหารขึ้นในฝั่งไทย บริเวณผามออีแดง .ศรีสะเกษ หรือพื้นที่ใกล้เคียงว่า ยังไม่มีหน่วยงานไหนติดต่อมายังกรมศิลปากร หากติดต่อมาต้องสอบถามถึงความเหมาะสมและรายละเอียดในการสร้างปราสาทดังกล่าว เพราะการสร้างปราสาทต้องมีเหตุผล และมีคุณค่าทางจิตใจ หากมีการจำลองขึ้นมาจริงควรจำลองในรูปแบบของการให้ความรู้ อาทิ วิธีการสร้างรูปแบบสถาปัตยกรรม ความหมายของการสร้างปราสาท น่าจะมีประโยชน์กว่าการสร้างขึ้นมาเฉยๆ

ด้านนายศรีศักร วัลลิโภดม นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว มองว่าเป็นเรื่องตลกมาก ที่สำคัญมองไม่เห็นประโยชน์ของการจำลองปราสาทพระวิหารมาสร้างในประเทศไทย และที่เสนอให้สร้างบริเวณผามออีแดง จะเป็นการทำลายสภาพแวดล้อม ความงดงามของสถาปัตยกรรมและคุณค่าทางประวัติศาสตร์บริเวณดังกล่าวมากกว่าที่ จะส่งเสริมการท่องเที่ยว ดังนั้น ขอให้ล้มเลิกความคิดดังกล่าวและหันไปพัฒนาพื้นที่ผามออีแดงให้เป็นแหล่งท่อง เที่ยวที่มีศักยภาพดีกว่า ส่วนข้อพิพาทกรณีปราสาทพระวิหาร และพื้นที่ทับซ้อนต้องการให้รัฐบาลจริงจังและมีจุดยืนในการแก้ปัญหา โดยไม่โน้มเอียงตามกระแสการเมือง

ด้านนายวสุ โปษยะนันทน์ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ คณะกรรมการโบราณสถานแห่งชาติว่าด้วยสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (อีโคโมสไทย) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย และมองว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น การทำเช่นนี้จะเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เป็นการหลอกตัวเองมากกว่า และไม่ได้เกิดผลดีต่อประเทศเลย ซึ่งต่อให้สร้างปราสาทพระวิหารในฝั่งไทยให้ใหญ่โตกว่าของจริง หรือแค่สวยงามก็ตาม ซึ่งในความจริงเป็นปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บริเวณเขาพระวิหาร เส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่กำลังเป็นข้อพิพาทจนถึงทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม หากจะพัฒนาให้โบราณสถานแหล่งท่องเที่ยว ควรจะไปพัฒนาโบราณสถานขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว รวมทั้งที่อยู่ระหว่างขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า

มติสภาพันธมิตรฯ ตั้งพรรค ค้านแก้ม.190,237

ไทยรัฐ- ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ในงาน 193 วันรำลึก 1 ปีแห่งการต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตนั้น

ต่อมาเวลา 19.25 . ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ผู้ชุมนุมยังปักหลักชุมนุมอย่างไม่กลัวฟ้าฝน ขณะที่การแสดงยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลา 20.20 นายสมศักดิ์ โกสัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะประธานสภาพันธมิตรฯ ได้เปิดประชุมสภาพันธมิตรฯ อย่างเป็นทางการ เพื่อขอฉันทามติ จากผู้ชุมนุม ทั้งหมด 2 ประเด็น คือ เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 190, 237, 309 หรือไม่ ซึ่งผู้ชุมทั้งหมดมีความเห็นตรงกันว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ประเด็นที่ 2 เห็นด้วยหรือไม่กับการที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะจัดตั้งพรรคการเมือง ซึ่งเมื่อสิ้นคำถาม ผู้ชุมนุมต่างยืนขึ้นและปรบมือเป็นเวลานานกว่า 3 นาที นายสมศักดิ์ จึงได้สรุปว่า มติของพันธมิตรฯ เอกฉันท์เห็นด้วยกับการตั้งพรรคการเมือง ท่ามกลางเสียงปรบมือและร้องตะโกนอย่างกึกก้องของพันธมิตรฯ ที่มาร่วมชุมนุม กัน ก่อนจะปิดประชุมในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น ชื่อของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนสำคัญของพันธมิตรฯ ถูกชูขึ้นเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ และส่วนใหญ่เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาในด้านคุณสมบัติ

"สุเทพ"หนุนพธม.ตั้งพรรคสู้ในสภา

มติชน - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ต่างประสานเสียงตอบรับพร้อมต่อสู้ทางการเมืองในระบบสภาหากกลุ่มพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จะก่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ได้แสดงความเห็นต่อเรื่องการตั้งพรรคของ พธม. ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.30 . วันที่ 25 พฤษภาคม ว่ายินดีต้อนรับ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น เห็นด้วยอย่างยิ่งถ้าฝ่ายต่างๆ มีความคิดเห็นแล้วนำเสนอต่อประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้มอบความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนเข้ามาสู้กันในระบบของ รัฐสภา ซึ่งถ้าพันธมิตรตั้งพรรคการเมืองแล้วก็คงไม่ใช้มวลชนนอกสภามาเป็นเครื่องมือ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฐานเสียงของพรรคพันธมิตรอาจจะเป็นฐานเสียงเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพกล่าวว่า การตั้งพรรคการเมืองในประเทศไทยจะต้องแข่งขันกันอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา พรรคประชาธิปัตย์ตั้งมา 60 ปี มีคู่แข่งทุกๆ ปี "ไม่ขอวิจารณ์กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตร จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่ที่กลุ่มพันธมิตรบอกว่าผิดหวังการทำงานของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็น เรื่องธรรมดาต้องฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าเห็นว่ารัฐบาลทำไม่ดี ทางรัฐบาลก็ควรจะปรับปรุง"

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวถึงเรื่องพันธมิตรจะตั้งพรรคการเมือง ที่ราชบัณฑิตยสถาน สนามเสือป่า เวลา 10.15 . ว่าในส่วนของนักการเมือง มีพรรคการเมืองตั้งขึ้นมาใหม่ ก็ถือว่าเป็นทางเลือกใหม่ เขาก็ต้องตัดสินใจ แต่เชื่อว่าบุคลากรของพรรคประชาธิปัตย์ต่างทำงานร่วมกับพรรคมาอย่างต่อ เนื่อง และทราบแนวทางการทำงานอย่างชัดเจน จึงเชื่อว่าคนที่ตัดสินใจเข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรคแทบทั้งหมดจะยังยืนหยัด ทำงานร่วมกันต่อ ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินเรื่องนี้ การเปลี่ยนแปลงจะเห็นใกล้ๆ เลือกตั้ง

เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรให้เหตุผลตั้งพรรคเพราะผิดหวังการทำงานของพรรค ประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นความคิดเห็นที่สะท้อนได้ แต่ถ้ามีประเด็นทางการเมืองที่พธม.สามารถทำได้เองและดีกว่า ก็เป็นสิทธิจะลองทำดู และไม่กังวลว่าฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพันธมิตรจะเป็นกลุ่มเดียว กัน มีหน้าที่ที่จะแข่งขันให้ดีที่สุด ยิ่งมีคู่แข่งเพิ่มเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องมีความตื่นตัวสนองตอบกับประชาชนมากเท่านั้น พรรคการเมืองและนักการเมืองถ้าเป็นประชาธิปไตยต้องยอมรับการแข่งขัน ต้องไม่กลัวกัน

รายงานข่าวจากแกนนำพรรค ปชป.แจ้งว่า มีการประเมินถึงการตั้งพรรคพันธมิตรว่า หากเกิดขึ้นจริง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า น่าจะมีผลกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่มาก โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคกลางบางส่วน เนื่องจากพรรคมีฐานเสียงที่เข้มแข็งอยู่แล้ว แต่อาจจะมีผลต่อการแย่งชิง ..ในพื้นที่ซึ่งพรรคไม่เคยเป็นเจ้าของพื้นที่มาก่อน เช่น พื้นที่ภาคกลางบางจังหวัด และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นอาจมีผลบ้าง ส่วนที่แกนนำพันธมิตรระบุว่า จะได้ ..จากระบบสัดส่วนมากกว่า 10 คนนั้น ขณะนี้ยังประเมินไม่ได้ เนื่องจากไม่รู้ว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ ระบบการเลือกตั้งจะเป็นแบบใด

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคให้เกียรติทุกพรรค พร้อมร่วมงานด้วยหากมีอุดมการณ์ตรงกัน ส่วนการมองนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ..สัดส่วน ปชป. จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพรรคพันธมิตรกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะนายสมเกียรติมาจากภาคประชาชน น่าจะเชื่อมระหว่างพันธมิตรกับภาคประชาชนมากกว่า พรรคจะไม่บีบบังคับใครให้เลือกข้าง เพราะเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งจริงๆ ผู้สมัครก็ต้องเลือกสังกัดพรรคใดพรรคหนึ่งเอง

"สมเกียรติ-ประพันธ์" กั๊กย้ายค่าย

มติชน - ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ..สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตร กล่าวว่า เป็นคนมีมารยาททางการเมือง การจะย้ายพรรคหรือไม่คงต้องรอเวลาที่เหมาะสม ต้องรอดูโครงสร้างความชัดเจนของพรรคพันธมิตรก่อน แต่ตอนนี้ยังเชื่อมั่นในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคเดียวที่ยังไม่ถูกยุบ และยังมีคุณค่าต่อสังคม

นายประพันธ์ คูณมี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) 1 ในแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรกล่าวว่า ขณะนี้ภายในพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มี ..คนใดแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนว่าจะเข้าร่วม มีเพียงนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ที่ถูกจับตามอง

"อยู่ระหว่างตัดสินใจ ขอดูความชัดเจนเกี่ยวกับหัวหน้าพรรคก่อน ซึ่งสนับสนุนนายสนธิ เพราะมีคุณสมบัติพร้อม ขอดูโครงสร้างของพรรคก่อน คาดว่าภายใน 1 เดือน จะทราบ หากตัดสินใจจะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่จะต้องลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา รัฐมนตรี วท."

ถ้าหากหัวหน้าพรรคเป็น พล..จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร จะเข้าร่วมหรือไม่ นายประพันธ์กล่าวว่า พล..จำลอง เป็นคนดีมีความสามารถ แต่ขณะนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไป เหมาะสมกับยุคสมัยหนึ่ง แต่ขณะนี้ไม่ใช่ ควรเป็นที่ปรึกษาของพรรคมากกว่า

พท.ซัดพธม.เสียสัตย์-สาขาปชป.

มติชน - ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) อาคารบีบีดี บิวดิ้ง ถนนพระราม 4 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวถึงกลุ่มพันธมิตรจะตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่ายินดีกับแนวคิดการจัด ตั้งพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เพราะดีกว่าการเล่นการเมืองข้างถนนหรือเป็นอีแอบทางการเมือง แต่ขอตั้งข้อสังเกตว่าการตั้งพรรคของกลุ่มพันธมิตรจะเป็นเพื่อสาขาของพรรค ประชาธิปัตย์เท่านั้น เพราะ 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตร คือนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ..ประชาธิปัตย์ จึงไม่ทราบว่าการที่นายสมเกียรติไปร่วมกิจกรรมการตั้งพรรคการเมืองถือว่าขัด กับ ...ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่

"การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร 193 วัน พรรคเห็นว่าลวงโลก เพราะนายสนธิเคยประกาศไว้ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ภาคพิเศษที่ลานพระบรมรูปทรงม้าว่าถ้าตัวเองลงเล่นการเมืองหรือรับตำแหน่งรัฐมนตรี ผู้ชายเจอหน้าให้ถุยน้ำลายใส่ได้ ส่วนผู้หญิงอนุญาตให้ถอดรองเท้าตบหน้า"

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า แกนนำพันธมิตรคนอื่น อาทิ นายสุริยะใส กตะศิลา นายพิภพ ธงไชย พล..จำลอง เคยขับไล่ พล..สุจินดา คราประยูร ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬมาแล้ว ด้วยข้อหาเสียสัตย์เพื่อชาติ แต่แกนนำพันธมิตรกลับทำในสิ่งเดียวกันซึ่งถือว่าเป็นการตระบัดสัตย์ มาเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์และอำนาจของตัวเอง

"หากพรรคพันธมิตรเป็นพรรคการเมืองที่รับเงินสนับสนุนจากภาษีประชาชน ซึ่งเอเอสทีวี และหนังสือพิมพ์เอเอสทีวี อยู่ในความดูแลของนายสนธิ ซึ่งมีกฎหมายห้ามไม่ให้พรรคการเมืองครอบครองสื่อหรือเป็นเจ้าของสื่อ อยากถามว่า กรณีนี้จะขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 48 หรือไม่"

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยมองว่าพรรคของกลุ่มพันธมิตรเป็นคู่แข่งสำคัญหรือไม่ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ทราบมาว่าอดีตนายทหารจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จะตั้งพรรคการเมืองใหม่โดยเตรียมชื่อพรรคไว้หลายชื่อ ซึ่งจะมีความชัดเจนหลังการยุบสภา เห็นว่าพรรคพันธมิตรจะเป็นคู่แข่งสำคัญของประชาธิปัตย์ เพราะมีฐานเสียงเหมือนกัน แต่ไม่ทราบว่าทั้ง 2 พรรคจะประสานกันภายในเพื่อแบ่งเขตพื้นที่การส่งผู้สมัครหรือไม่ ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจากพรรคพลังประชาชน เริ่มที่จะติดต่อมายังแกนนำพรรคเพื่อไทย เพราะรัฐบาลชุดนี้ล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยกระแสยังดีอยู่

เผย"เทียนแห่งธรรม"ใกล้สิ้นสภาพ

มติชน - ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ขณะนี้พรรคการเมืองที่จดแจ้งจัดตั้งกับ กกต.มีทั้งสิ้น 44 พรรค ได้รับรองการจดแจ้งจัดตั้งพรรคอย่างสมบูรณ์แล้ว 25 พรรค มีอีก 19 พรรคอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายภายใน 1 ปีที่ กกต.ได้รับจดแจ้งว่าพรรคการเมืองนั้นจะสิ้นสภาพหรือไม่ เช่น หาสมาชิกพรรคให้ครบ 5,000 คน ภายใน 1 ปี และต้องจัดให้มีสาขาพรรค 4 ภาค

"ส่วนพรรคการเมืองที่กลุ่มพันธมิตรจะใช้จดแจ้งกับ กกต.นั้น ทั้งพรรรคเทียนแห่งธรรม และพรรคประชาภิวัฒน์ เป็นพรรคการเมืองอยู่ระหว่างดำเนินการหาสมาชิกพรรคและจัดตั้งสาขาพรรคให้ครบ 4 ภาค ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 26 หากไม่ดำเนินการภายใน 1 ปี จะเป็นเหตุให้ต้องสิ้นสภาพไป และขณะนี้พรรคเทียนแห่งธรรมก็ครบ 1 ปีการจัดตั้งพรรคแล้วยังมีสมาชิกไม่เกิน 5,000 คน กกต.กำลังตรวจสอบ"

ชี้"สนธิ" นั่งหน.ต้องตีความล้มละลาย

นายปกครองกล่าวว่า ส่วนพรรคการเมืองใหม่ที่กลุ่มพันธมิตรคาดว่าจะใช้นั้น ยังไม่มีการยื่นขอจดแจ้ง ส่วนชื่อ พรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ กกต.ไม่เห็นชอบนั้นยังยื่นจดแจ้งได้อีก หากทำถูกต้องตามกฎหมาย เพราะนายทะเบียนยังไม่ได้ตอบรับการจดแจ้ง และหากจะขอซื้อหัวพรรคการเมืองที่ กกต.รับจดแจ้งไว้แล้วก็ทำได้ หากมีคุณสมบัติตามเกณฑ์

เมื่อถามว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองได้หรือไม่ นายปกครองกล่าวว่า หากนายสนธิเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองจะมีคุณสมบัติสูงกว่าการเป็นสมาชิก พรรคที่ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ระบุว่ากรรมการบริหารพรรคจะต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ใน มาตรา 102(2) ที่บัญญัติว่า ต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย หรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต ซึ่งหากนายสนธิจะมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น ก็ต้องมีการตีความเนื้อหาคำพิพากษาของศาลระบุไว้อย่างไร แต่หากนายสนธิเป็นเพียงสมาชิกพรรคเท่านั้นก็เป็นได้

อจ.มธ.ให้ดูถ้าพ้น3ปีไม่ต้องห้าม

มติชน -ด้านนายกิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า สนับสนุนให้มีการตั้งพรรคมาตลอดเพราะถือเป็นสิทธิพื้นฐานที่ทำได้ การตั้งพรรคควรเตรียมการให้ดีไม่ใช่ว่าอยากตั้งแล้วก็จะสามารถดำรงอยู่ได้ ต้องมีปัจจัยหลายอย่าง หากพันธมิตรตั้งพรรคแล้วดำรงอยู่ไม่ได้ อาจจะทำให้คนที่หวังกับพันธมิตรผิดหวัง ขณะเดียวกันหากตั้งพรรคแล้วยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองบนท้องถนนก็จะทำให้ สังคมสับสนและไม่ไว้วางใจกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ อยากให้พันธมิตรระมัดระวังเรื่องนี้ด้วย

เมื่อถามมีเสียงสนับสนุนให้นายสนธิเป็นหัวหน้าพรรค แต่เคยเป็นบุคคลล้มละลาย นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า ต้องดูข้อมูลว่านายสนธิถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายหรือศาลสั่งให้ บริษัทล้มละลาย รวมทั้งต้องดูด้วยว่านายสนธิถูกศาลสั่งให้ล้มละลายและพิทักษ์ทรัพย์เกินกว่า 3 ปีหรือยัง ถ้าหากพ้น 3 ปีแล้วได้รับการคืนสภาพก็ถือว่ากลายเป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา หน้า 61 เล่ม 118 ตอนที่ 17 ง ได้ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรื่องคำพิพากษาการล้มละลายของศาลล้ม ละลายกลาง กรณีให้บริษัท เดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด และนายสนธิเป็นบุคคลล้มละลาย เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2544 โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2544

ทั้งนี้มีรายงานว่า ก่อนที่แกนนำพันธมิตรจะตอบรับแนวคิดการตั้งพรรคการเมืองได้หารือกันค่อนข้าง มากเกี่ยวกับสถานภาพของนายสนธิที่ถูกศาลล้มละลายกลางสั่งให้เป็นบุคคลล้ม ละลาย แต่เมื่อปรึกษากับฝ่ายกฎหมายก็ได้ข้อสรุปว่ากฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 11 และรัฐธรรมนูญมาตรา 102(2) นายสนธิไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องนี้ เนื่องจากพ้นสภาพการเป็นการบุคคลล้มละลายมากว่า 3 ปีแล้ว แต่สิ่งที่ทีมกฎหมายและแกนนำพันธมิตรค่อนข้างกังวลคือ หากถูกดำเนินคดีทางอาญา จากกรณีปิดสนามบินดอนเมือง-สนามบินสุวรรณภูมิ และบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ถ้าหากต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอาจจะหมดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร และกรรมการบริหารพรรคทันที

"ธานี" มึนผบ.ตร.โอนคดี7ต.ค.ให้ทำ

มติชน - วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิว่า คดียังไม่เสร็จ แต่ตำรวจพยายามอย่างเต็มที่ นับตั้งแต่เกิดคดีประมาณ 1 เดือน 7 วัน ถือว่านานแล้ว ส่วนเบาะแสกลุ่มมือปืนต้องดูชัดเจนก่อนว่าเป็นกลุ่มใด การขออนุมัติหมายจับต้องดำเนินการอย่างรัดกุม ยืนยันว่าจะทำคดีให้เสร็จก่อนเกษียณแน่นอน เหลือเวลาอีก 4 เดือน

พล.ต.อ.ธานีกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. มีคำสั่งให้เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนปิดล้อมรัฐสภาในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 แทน พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่า คดีนี้เปลี่ยนตัวหัวหน้าพนักงานสืบสวนมาถึงตนเป็นคนที่ 4 แล้ว ไม่ทราบเหตุใดคดีนี้ถึงไม่มีใครรับทำ ต้องไปถามคนที่เคยทำ ขณะนี้มีคดีสำคัญๆ ที่รับผิดชอบอยู่หลายคดีแต่เมื่อมีคำสั่งมาต้องทำตาม จะเรียกประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ต่อไป

ตั้งจับ"เหลือง-แดง"หัว5หมื่น/คน

มติชน- พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยว่า จัดทำประกาศสืบจับบุคคลที่ไม่ทราบชื่อในช่วงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ที่ผ่านมาทั้งกลุ่มเสื้อเหลืองและเสื้อแดง โดยผู้ที่อยู่ในหมายจับให้ติดต่อเข้ามอบตัวเอง และบางส่วนผู้ที่ให้เบาะแสแจ้งข้อมูลจนจับกุมได้จะได้รายละ 50,000 บาท และส่งรายละเอียดข้อมูลทั้ง 2 กลุ่มได้ที่ ศส.บช.น. หมายเลขโทรศัพท์ 0-2345-3456 โดยในส่วนของกลุ่มเสื้อแดง แจ้งข้อมูลได้ที่ กก.สส.บก.น.6 หมายเลข 0-2223-4443 และฝ่ายสืบสวน สน.สำราญราษฎร์ หมายเลข 0-2226-2099 ส่วนกลุ่มเสื้อเหลืองแจ้งข้อมูลได้ที่ กก.สส.บก.น.2 หมายเลข 0-2585-5335 และฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ หมายเลข 0-2271-3456 โดยจัดทำแบบละ 500 แผ่น ไปแจกตาม สน.ต่างๆ ใน บช.น. ภายในวันที่ 30 กันยายน 2552

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกลุ่มเสื้อแดงมีรูปภาพบุคคล 29 คนจับกุมแล้ว 3 คน มีทั้งข้อหาพยายามฆ่า มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ร่วมกันบุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ สำหรับกลุ่มเสื้อเหลืองมีรูปภาพบุคคล 20 คน ถูกแจ้งข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้ร่วมกระทำผิดคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ

"เทพไท" จับผิด"นพดล-เฉลิม" โกหก?

มติชน - ที่พรรคประชาธิปัตย์ เวลา 11.00 น. นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตีสองหน้า ที่เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณมาต่อสู้คดีในประเทศ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะพิสูจน์ความเป็นธรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอเรียกร้องให้นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ไปคุยกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้ดีก่อนกรณีที่ปฏิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ใช้พาสปอร์ตประเทศเยอรมนีและกัมพูชา แต่ใช้พาสปอร์ตประเทศมอนเตเนโกร เพราะก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิมไปหา พ.ต.ท.ทักษิณที่นครดูไบ เป็นคนบอกเองว่ามีพาสปอร์ตของประเทศเยอรมนีและกัมพูชาอยู่ด้วย จึงไม่แน่ใจว่าใครโกหกกันแน่

"ที่นายนพดลระบุว่า ทางการเกาะฮ่องกงปฏิเสธจับกุมตัว พ.ท.ท.ทักษิณและส่งตัวมาให้ทางการไทยเพราะไทยไม่ระบุความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณชัดเจนนั้น อยากถามว่า หากมั่นใจว่าฮ่องกองจะไม่ร่วมมือกับทางการไทย เหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณไม่พิสูจน์โดยการเดินทางไปประเทศจีนและฮ่องกง ยืนยันทางการไทยแจ้งกับทุกประเทศไปแล้ว ว่า พ.ต.ท.ทักษิณถูกตัดสินจำคุก 2 ปี ในความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100" นายเทพไทกล่าว

กมธ.วุฒิสภาคงการเลือกตั้ง-สรรหา ชงเปลี่ยนชื่อเรียกส..

มติชน - เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ที่รัฐสภา เวลา 14.30 น. มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 วุฒิสภา มีนายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ ส.ว.ปทุมธานี ประธาน กมธ.เป็นประธานประชุม โดยนายไพบูลย์กล่าวว่า ส.ว.ชุดนี้มาจากการเลือกตั้งและสรรหา ร่วมงานมา 1 ปีกว่า ปรากฏว่า ส.ว.จาก 2 ฝ่ายได้เติมเต็มความรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งด้านวิชาการและภาคประชาชน จึงน่าจะคงไว้ให้มีสองประเภท การเรียกชื่ออาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ดังนั้น อาจเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ จาก ส.ว.สรรหา เป็น ส.ว.ภาคคุณวุฒิ ส่วน ส.ว.เลือกตั้งใช้ว่า ส.ว.ภาคประชาชน ส่วนจังหวัดไหนใหญ่มาก ก็น่าเพิ่มจำนวน ส.ว.ให้ได้ ที่ผ่านมาต่างทำงานร่วมกันได้ไม่มีปัญหาอะไร ทำหน้าที่ได้ดีกว่าชุดก่อนก็ไม่มีเหตุที่จะต้องแก้ไข

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นได้มีการเสนอความเห็นหลากหลาย และในช่วงท้าย นายนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการกล่าวสรุปผลการหารือว่า กรรมาธิการได้แสดงความคิดเห็นโดยสรุปดังนี้ 1.ที่มาของ ส.ว.มีความจำเป็นให้คงไว้ทั้ง 2 ประเภท คือจากการสรรหาและการเลือกตั้ง โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า กระบวนการเลือกตั้งของ ส.ว.ควรทำอย่างไรให้มีการแยกฐานเสียงที่ชัดเจนจากส.ส. รวมถึงกระบวนการสรรหาที่เป็นธรรมเพื่อให้มีจุดยึดโยงกับประชาชนเพิ่มมากขึ้น ถ้าหากจะให้มีแต่ ส.ว.เลือกตั้งทั้งหมด กรรมาธิการบางคนมีความเห็นว่า อาจให้เหลือเพียงสภาเดียว คือ สภาผู้แทนราษฎร 2.กรณีการทำหน้าที่ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง หากยังคงมีสัดส่วนของ ส.ว.สรรหาอยู่นั้น กรรมาธิการมีการตั้งข้อสังเกตว่าจะมีความเหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งมีข้อเสนอว่า กระบวนการในการสรรหา ส.ว.นั้นควรที่จะมีการคลอบคลุมกลุ่มวิชาชีพและกลุ่มประชากร

หมอพรทิพย์เผยผลตรวจคอนเทนเนอร์ไม่พบกัมมันตภาพรังสี

เดลินิวส์ - วันนี้ (25 ..) ..คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงผลการตรวจฟองน้ำที่เกาะอยู่บนตู้คอนเทนเนอร์ที่พบในอ่าวแสมสาร .สัตหีบ .ชลบุรี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ ว่า ไม่พบกัมมันตภาพรังสีที่เป็นอันตราย แต่จะมีการตรวจสอบอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินการขั้นต่อไปขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมว่าหารือเรื่องอะไรต่อไป เบื้องต้นพบว่าตู้คอนเทนเนอร์มีพื้นเป็นไม้ สำหรับการเคลื่อนย้าย คาดว่าน่าจะมีผลกระทบต่อหลักฐานได้

คมนาคม

เปิดใช้แอร์พอร์ตเรลลิงก์ 6 ..

เดลินิวส์ - นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ รองปลัดกระ ทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่าวันที่ 6 ธ.ค. นี้ จะเปิดให้บริการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและ สถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ต เรลลิงก์) โดยการจัดเก็บค่าโดยสารระบบรถไฟด่วนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สุวรรณภูมิแอร์พอร์ตเอ็กซ เพรส) เป็นระบบรถด่วนจอดเพียงสถานีต้นทางและปลายทาง (มักกะสัน-สุวรรณภูมิ) ราคา 150 บาท และระบบรถไฟท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สุวรรณภูมิแอร์พอร์ตซิตี้ไลน์) ซึ่งเป็นรถที่จอดทุกสถานีราคา 15-45 บาท ตามระยะทาง

สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างดำ เนินงานเสร็จไปแล้วกว่า 98% เหลือเก็บรายละ เอียดงานก่อสร้าง และยังมีการก่อสร้างทางเชื่อมระหว่างสถานีในโครงการแอร์พอร์ตลิงก์กับ รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้าใต้ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งในที่ประชุมบอร์ด รฟท.เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้กำชับให้ทางการรถไฟฯ เร่งรัดดำเนินการทั้งในส่วนของการจัดจ้างบุคลากรเข้ามาดำเนินงาน, การติดตั้งระบบความปลอดภัย และการปรับปรุงทางเข้าออกของสถานีรถไฟให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

คุณภาพชีวิต - สุขภาพ

จี้รัฐบาลทบทวนลดเงินสมทบ นัดประท้วง 2 มิ..

กรุงเทพธุรกิจ - ที่โรงแรมรามาการ์เด้น -คณะกรรมการธิการการแรงงานและสวัสดิการสังคม วุฒิสภา จัดสัมมนา การลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของนายจ้างและลูกจ้างใครได้ประโยชน์... ใครเสียประโยชน์ โดย ..วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคระกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวกว่า การลดเงินสมทบครั้งนี้เมื่อคำนวณลูกจ้างได้ประโยชน์น้อยมาก คือจะได้มีเงินกลับมาเพียงเดือนละ 33.50-300 บาท เทียบไม่ได้กับราคาสินค้าอุปโภค บริโภคในชีวิตประจำวัน เป็นการแบ่งเบาภาระลูกจ้างน้อยมาก ทั้งนี้ ในวันที่ 2 มิ..นี้กลุ่มผู้ใช้แรงงานในนาม คสรท.ร่วมกับเครือข่ายสภาองค์กรลูกจ้าง 12 องค์กร นัดหมายชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นข้อเรียกร้องใน 3 ประเด็น คือ ไม่เห็นด้วยกับการลดเงินสมทบ เรียกร้องให้มีการทบทวนมติ ครม.รัฐบาลต้องเลิกตีตั๋วเด็ก คือ จ่ายเงินสมทบน้อยกว่าลูกจ้างและนายจ้าง ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลจ่ายในอัตราเพียง 2.75 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่นายจ้างและลูกจ้างจ่ายในอัตรา 5%

ด้านนายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) กล่าวว่า ประโยชน์ของการลดเงินสมทบ คือ กำลังซื้อในประเทศจะเพิ่มสูงขึ้น สามารถรักษากระบวนการผลิตไว้ได้ และเสถียรภาพของกองทุนไม่เสียหาย สำหรับเงินที่หายไป สปส.จะพยายามดูแลจัดการบริหารหากำไรเข้ากองทุน โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะทำกำไรให้ได้มากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกัน ยืนยันว่า กองทุนประกันสังคมใน 4 กรณี (ตาย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ คลอดบุตร) ที่มีเงินสำรองไว้ 8 หมื่นกว่าล้านบาท เพียงพอในการดูแลผู้ประกันตน เพราะเป็นการบริหารเงินแบบปีต่อปี แต่ละปีจึงมีเงินเหลือสะสม ดังนั้น การปรับลด เงินสมทบของนายจ้างและลูกจ้าง จาก 1.5 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ผู้ประกันตนยังคงได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนเดิม

นายปั้น กล่าวอีกว่า กล่าวอีกว่า แต่สิ่งที่เป็นกังวล คือ กองทุนว่างงานที่มีเงินอยู่ 3 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งเตรียมไว้จ่ายให้กับผู้ที่ตกงาน อาจไม้เพียงพอต่อการรับมือกับวิกฤตการเลิกจ้างที่คาดการณ์ว่าอาจสูงถึง 2 ล้านคน ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วต้องใช้เงินกว่า 8 หมื่นล้านบาท จึงจำเป็นต้องนำเงินกองทุนชราภาพมาใช้ คาดหวังว่าในปีนี้การเลิกจ้างจะไม่ถึง 1.5 ล้านคน อย่างที่วิตก

"การลดเงินสมทบก็เพื่อที่จะรักษาคนไว้ในระบบประกันสังคมให้ได้ระดับหนึ่ง เพราะเมื่อเทียบเงิน 1.56 หมื่นล้านบาทที่หายไปกับเงินประกันการว่างงานที่ไม่รู้ว่าต้องเสียอีกกี่ หมื่นล้านบาท ให้กับผู้ตกงาน ก็ถือว่าจิ๊บจ๊อย" นายปั้น กล่าว

นางวิจิตรา วิเชียรชม รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เท่าที่พิจารณาร่างกฏกระทรวงแรงงาน ที่ สปส.ขอลดเงินสมทบ พบว่ามีจุดบกพร่องอยู่บ้าง จากการคิดอัตราเงินสมทบในกองทุนชราภาพเป็นอัตราเดียวกันกับเงินกรณีตาย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ และสงเคราะห์บุตร และกรณีว่างงาน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แคบเกินไป อาจเป็นซ่องโหว่ต่อเสถียรภาพของกองทุนและสิทธิประโยชน์การคุ้มครองผู้ประกัน ตนในระยะยาว โดยขอให้กระทรวงแรงงานนำกลับไปทบทวนและนึกถึงผู้ประกันตนมากกว่านี้

ด้านนายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน กล่าวยืนยันจะไม่ทบทวนนโยบายอีก เพราะเป็นนโยบายที่มีประโยชน์ สามารถช่วยให้นายจ้างมีเงินทุนในการประกอบกิจการได้นานขึ้น โดยไม่ต้องปลดคนงาน ขณะที่ลูกจ้างจะมีเงินมาใช้สอยในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นนโยบายที่เคยใช้ได้ผลเมื่อครั้งเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ปี 2540 ขณะเดียวกันก็มีการศึกษาแล้วว่าวิธีนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับสิทธิประโยชน์ของ ผู้ประกันตน โดยเฉพาะกองทุนชราภาพ ที่หลายฝ่ายยังคงแสดงความเป็นห่วง ซึ่งตนพร้อมรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ที่ต้องเดินหน้าโครงการเพราะเห็นถึงผลดีมากว่าผลเสีย เพราะหากไม่ทำอะไรเลยอาจทำให้กองทุนประกันสังคมได้รับผลกระทบจากการที่คนงาน ถูกปลดมากนับล้านคน ซึ่งจะเป็นตัวเลขมากว่า 3 หมื่นล้านบาท

สปสช.จ่ายค่าฟอกไตให้เพิ่มเป็น 1,700 บาท/หัว

ไทยรัฐ - วันนี้ (25 พ.ค.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีมติเห็นด้วยให้เพิ่มอัตราค่าบริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมสำหรับผู้ สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโรคแทรกซ้อนอื่นร่วมด้วยโดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ จากเดิมครั้งละ 1,500 บาท เป็นครั้งละ 1,700 บาท โดยประชาชนมีส่วนร่วมจ่าย 500 บาทต่อครั้งเช่นเดิม เนื่องจากขณะนี้มีผู้ป่วยโรคไตที่ต้องฟอกเลือดประมาณ 6,000 คน ในจำนวนนี้มีผู้สูงอายุกว่า 2,000 คน แต่ไม่แน่ว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าผู้ป่วยอาจจะไม่ต้องออกค่าบริการฟอกไตเลย เพราะสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)จะออกค่าบริหารฟอกไตให้ทั้ง หมด

นอกจากนี้ นายวิทยา ยังเผยว่า ในอนาคตจะประสานกับภาคเอกชนที่เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องฟอกไต ให้มาร่วมลงทุนกับ สธ. โดยให้มาตั้งเครื่องฟอกไตในสถานพยาบาลของรัฐและเก็บค่าบริการประมาณ 1,500 บาทต่อครั้ง เป็นอัตราเดียวกันกับที่ สปสช. คิดค่าบริการ ทางบริษัทเอกชนก็จะได้ค่าเครื่องฟอกไตจากการรับบริการด้วย โดยขณะนี้ที่โรงพยาบาลที่ จ.เชียงราย นำร่องมาบ้างแล้วเบื้องต้น ดังนั้นจะตั้งคณะทำงานศึกษารูปแบบความเป็นไปได้ของการดำเนินการลักษณะนี้ ขยายผลในระดับประเทศต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันยังมีแนวทางการพัฒนาระบบบริการทดแทนไต โดยเน้นไปที่การล้างไตทางช่องท้องและการปลูกถ่ายไตเป็นหลัก ในปีในปีงบประมาณ 2552 ตั้งเป้าให้มีผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องในระบบ 3,000 ราย แต่เมื่อเข้าสู่ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณก็มีผู้ป่วยกว่า 2,300 ราย สะท้อนว่าจำนวนผู้ป่วยที่จะเข้าสู่ระบบมีจำนวนมาก

ด้าน นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า การเน้นวิธีการล้างไตทางช่องท้องนั้น เป็นวิธีการที่สะดวกที่สุด ผู้ป่วยทำเองได้ภายใต้การติดตามอย่างใกล้ชิดของโรงพยาบาล ไม่ต้องมารอคิวฟอกเลือดที่โรงพยาบาล เหมาะสมกับสภาพปัจจุบันของระบบสาธารณสุขไทยที่ผู้ให้บริการมีน้อยกว่าผู้รับ บริการ ซึ่งจากการประเมินผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาได้ร่วมกับศูนย์ล้างไตผ่าน ทางช่องท้องในสถานพยาบาลระยะที่ 1 จำนวน 23 แห่ง ระยะที่ 2 จำนวน 52 แห่ง พบว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยไตวายเรื้อรังอยู่ที่ประมาณร้อยละ 9 ต่อปี ซึ่งอยู่ในมาตรฐานสากล และถือเป็นอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าสิงคโปร์ที่มีอัตราการเสียชีวิต ร้อยละ10 ต่อปี

"สำหรับแนวทางการพัฒนาระบบบริการทดแทนไตในระบบ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านั้น จะให้ดำเนินการบริการทดแทนไต ควบคู่กับการป้องกันโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำ ให้เกิดภาวะไตวาย พัฒนาระบบบริการทดแทนไตให้มีมากเพียงพอ ได้มาตรฐาน เป็นธรรมในการเข้าถึง รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ป่วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสังคมมีส่วนร่วม" นพ.ประทีป กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการฟอกเลือดด้วยเครื่องนั้นจากเดิมครั้งละ 1,500 บาท โดย สปสช.ออกค่าใช้จ่ายให้หน่วยบริการที่เข้าร่วมครั้งละ 1,000 บาทผู้ป่วยเสียค่าใช้จ่ายเอง 500 บาท ขณะที่สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยและกรมการแพทย์ สธ.ได้เสนอที่ราคาครั้งละ 1,700-2,000 บาท และระบบประกันสังคมให้ชดเชยที่ 1,500 บาท/ครั้ง โดยโรงพยาบาลเก็บส่วนเกินเพิ่มจากผู้ป่วยได้ (ทั่วไปเก็บที่ 1,700 บาท/ครั้ง)

พม.เปิดให้ผู้พิการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพ500./.

เดลินิวส์ - วันนี้(25 พ.ค.) นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการคนพิการแห่งชาติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีมติให้ผู้พิการทุกคน มีสิทธิรับเบี้ยยังชีพคนพิการได้คนละ 500 บาทต่อเดือน จึงขอให้ผู้พิการมาลงทะเบียนเพื่อขอรับเบี้ยยังชีพ ที่จะเริ่มจ่ายในเดือนเมษายนปี 2553 แต่ระหว่างนี้ ผู้พิการสามารถมาลงทะเบียนก่อนได้ นอกจากนี้ยังร่วมกับบริษัทเอกชนที่เป็นสมาชิกสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดฝึกฝีมือแรงงานผู้พิการ เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานผู้พิการเข้าทำงานในบริษัทเอกชนต่อไป ทั้งนี้จะมีการแถลงข่าวในเดือนมิถุนายนนี้

สธ.ผวา"หวัด2009"ระบาดหนักหน้าฝนหวั่นกลายพันธุ์จับตาไวรัส 3โรค ปท.เอเซียเข้าขั้นวิกฤตติดเชื้อเพิ่ม

มติชน - นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า เป็นช่วงขาขึ้นของเอเซีย และเป็นช่วงขาลงในทวีปยุโรป ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม องค์การอนามัยโลก (ฮู) แจ้งว่า ฮอนดูรัส ไอซ์แลนด์ และคูเวต เป็นประเทศล่าสุด ที่ยืนยันพบผู้ติดเชื้อ "ไข้หวัดใหญ่ 2009" ขณะนี้มีประเทศที่พบผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 46 ประเทศ รวมทั้งหมด 12,515 คน และเสียชีวิตแล้ว 91 คน ครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ในสหรัฐอเมริกา ส่วนที่ฮอนดูรัสและไอซ์แลนด์พบประเทศละ 1 คน ขณะที่ประเทศคูเวตพบผู้ติดเชื้อ 18 คน

นายวิทยา กล่าวว่าขณะนี้สถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในทวีปยุโรปความรุนแรงของโรคลดลงเรื่อยๆ ถือเป็นช่วงขาลง ส่วนในแถบประเทศเอเชียผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าเป็นช่วงขาขึ้น ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งช่วงเวลาประมาณ 1 เดือนมานี้มาตรการเฝ้าระวังที่ สธ.ดำเนินการทั่วประเทศพบว่าได้ผลดีมากยังไม่มีปัญหาโรคแพร่ระบาดในประเทศ คงมีผู้ป่วยยืนยันเพียง 2 คน ซึ่งเป็นการติดเชื้อมาจากต่างประเทศ ยอดผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวังจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ประชาชนไม่ต้องกังวล ยิ่งมีจำนวนผู้ป่วยที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังมาก หมายถึงระบบการค้นหาและเฝ้าระวังโรคของ สธ. เป็นไปอย่างเข้มข้น และหากมีผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัย จะได้รับการดูแลรักษาอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด

นายวิทยา กล่าวว่า สิ่งที่จะต้องเคร่งครัดคือ การเฝ้าระวังป้องกันโรคทางเดินหายใจที่มีความรุนแรง 3 โรค เกิดจากเชื้อไวรัสที่สำคัญ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล โรคไข้หวัดนก และโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนไทยทุกคนป้องกันตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปลูกฝังด้านพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ ทั้งการออกกำลังกายเพิ่มภูมิต้านทานโรค การล้างมือ การคาดหน้ากากอนามัยเมื่อเป็นหวัด ป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่สู่คนอื่น การกินอาหารร้อน การใช้ช้อนกลาง ได้ให้ทุกจังหวัดรณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตัวจนเป็นนิสัย

นายวิทยา กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคชิคุนกุนยา หรือโรคไข้ปวดข้อยุงลายนั้น จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก อาจจะต้องออกประกาศเพื่อให้รายงานโรคเมื่อเกิดการติดเชื้อ เพื่อให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและแก้ปัญหาการระบาดได้ทันท่วงที ซึ่งจะให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ผลิตยาทากันยุงราคาถูก เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ระบาดได้ใช้อย่างทั่วถึง และจะจัดงบประมาณเพื่อดูแลแก้ไขสถานการณ์เพิ่มเติมด้วย

นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารรสุข ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กล่าวว่า เน้นหนักขณะนี้คือเฝ้าระวังไม่ให้มีการระบาด เพื่อไม่ให้เกิดการข้ามสายพันธุ์ของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ไข้หวัดใหญ่ทั่วไปซึ่งจะแพร่ระบาดมากในฤดูฝน และโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีกซึ่งเป็นโรคประจำถิ่น และมีโอกาสหวนมาระบาดอีกได้หากมีสิ่งแวดล้อมเหมาะสม สธ.ได้วางมาตรการป้องกัน โดยให้ทุกจังหวัดดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้ประชาชนกลุ่ม เสี่ยง เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ บุคลากรสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ที่ดูแลและเกี่ยวข้องกับสัตว์ปีก ในเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป โดยส่งวัคซีนส่งไปให้ทุกจังหวัดแล้ว 2 ล้านโดส

"ขณะนี้มีผู้ป่วยที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค และการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ 11 คน การตรวจที่ผ่านมาจำนวน 233 คน พบเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม" นพ.ไพจิตร์ กล่าว

วันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นรายที่ 2 ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และเป็นรายที่ 10 ของประเทศ ขณะที่เอพีรายงานว่า สาธารณสุขจีนยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มขึ้นอีก 3 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 11 คน โดยเหยื่อรายที่ 11 พบที่นครเซี่ยงไฮ้ เป็นชายชาวจีนที่เพิ่งเดินทางมาจากนครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม และถูกกักตัวไว้เนื่องจากมีไข้สูง ส่วนที่เกาหลีใต้ยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่2009 เป็นรายที่ 22

นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ในอเมริกาใต้เพิ่มขึ้นถึงกว่า 20 คน รวมถึง 2 รายล่าสุดในประเทศชิลี ทำให้มีผู้ติดเชื้อในชิลีเพิ่มขึ้นเป็น 74 คนมากที่สุดในอเมริกาใต้ ส่วนที่เปรูพบผู้ติดเชื้อใหม่อีก 4 คน รวมทั้งหมดเป็น 25 คน และที่อาร์เจนตินาพบเพิ่ม 3 คน รวมทั้งสิ้นเป็น 5 คน

สธ.ชงกฎหมายคุมเหล้าเข้าครม.-เปิดช่องให้โฆษณาได้

มติชน - นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ถึงร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ....ซึ่งออกตามความมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่ สธ.จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 26 พฤษภาคม ว่า กฎกระทรวงผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ถือว่ามีความเหมาะสม ไม่ได้สุดโต่ง จนตึงหรือหย่อนจนเกินไป โดยเปิดช่องให้โฆษณาได้และทำให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ ซึ่งเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย คาดว่ากว่าจะผ่านขั้นตอนการพิจารณาของ ครม. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต้องใช้เวลา 1 เดือน

"ส่วนเรื่องการล็อบบี้นั้น คาดว่ามีทุกขั้นตอน เพราะอยากให้กฎกระทรวงที่ออกมาผ่อนปรนมากที่สุด แต่ถ้าผ่อนปรนมากก็อาจทำให้เกิดโฆษณาตรงได้ และไม่ต่างกับการควบคุมปกติทางกฎหมาย อย่างไรก็ตาม สำนักนายกรัฐมนตรี มีข้อกังวล 3-4 ข้อ โดยเฉพาะประเด็นกรณีการถ่ายทอดสดนั้น ในกฎหมายมีข้อยกเว้นไว้อยู่แล้ว หากโฆษณามีต้นกำเนิดนอกราชอาณาจักร รวมถึงกรณีที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางยี่ห้อ ใช้ตราสัญลักษณ์สินค้าแอลกอฮอล์เป็นแบบเดียวกับสินค้าประเภทอื่นของบริษัท ไม่สามารถทำได้ จะต้องเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ให้มีความแตกต่างกัน เพราะอาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดได้" นพ.สมานกล่าว และว่า ขณะนี้ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีมีร้านอาหาร โรงแรม ส่งเสริมการขายโดยการลด แลก แจก แถม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ราคา 850 บาท ลดเหลือ 450 บาท สำนักงานดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว 3 แห่ง คือ โรงแรมริชมอนด์ โรงเบียร์สยาม และร้านอาหารย่านเกษตร-นวมินทร์ อย่างไรก็ตาม ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จังหวัด ทั่วประเทศ และคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพฯให้ดำเนินการจับกุมผู้ที่ ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเข้มงวดด้วย

ศิลปะ-วัฒนธรรม

เตือนคนซื้อ-ครอบครองซีดีผี ระวังเจอโทษทาง"แพ่ง"

มติชน -นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิด ทรัพย์สินทางปัญญา ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ว่า วันที่ 1 มิถุนายนนี้ กระทรวงพาณิชย์จะระดมความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องการละเมิด ทรัพย์สินทางปัญหา โดยเฉพาะการกำหนดบทลงโทษทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิดอย่างเป็นทางการ โดยกลุ่มคนที่อยู่ในข่ายที่จะมีต้องมีการกำหนดบทลงโทษ ได้แก่ กลุ่มผู้ซื้อและครอบครอง จะมีโทษทางแพ่ง ผู้ที่ให้เช่าอาคารสถานที่ สำหรับผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า หรืออาคารพาณิชย์ จะถือว่ากระทำความผิดเช่นเดียวกับผู้ผลิต มีโทษทั้งทางอาญา และแพ่ง ส่วนความรุนแรงของโทษตามกฎหมาย ว่าจะเป็นอย่างไรนั้น น่าจะได้ข้อสรุปภายหลังการระดมความเห็นครั้งนี้

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า จะประสานงานไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอแก้ไขกฎหมายปราบปรามการฟอกเงิน ให้มีการบรรจุความผิดเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญหา เป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดตามกฎหมายนี้ด้วย ส่วนการป้องกันปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าละเมิด เบื้องต้นได้ประสานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ช่วยควบคุมปัญหานี้ พร้อมแจ้งให้ศุลกากร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้มงวด ตามด้านนำเข้าสินค้าทั่วประเทศแล้ว

ไอที

ซิป้าโยก ไทยกริด สังกัดกระทรวงวิทย์

กรุงเทพธุรกิจ - นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ รักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ไทยกริดแห่ง ชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (ซิป้า) ช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้มีมติเห็นชอบให้โอนโครงการศูนย์ไทยกริดทั้งหมดเข้าไปอยู่ในการดูแลของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งทั้ง สองหน่วยงานมีมติเห็นชอบในหลักการแล้ว

พร้อมกันนี้บอร์ดซิป้ายังได้มีมติแต่ง ตั้งให้เขารักษาการผู้อำนวยการศูนย์ฯ ในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนผ่านหน่วยงาน เพื่อให้การดำเนินการ และการตัดสินใจต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น มีผลตั้งแต่เดือนมี.. เป็นต้นมา

อีกทั้งช่วงนี้เป็นการทบทวนโครงการและ สรุปผลการทำงานนับตั้งแต่ก่อตั้งศูนย์ฯ เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา และทำแผนแนวทางการดำเนินงานอีก 5 ปีข้างหน้าเสนอให้คณะรัฐมนตรีลงมติเห็นชอบการเปลี่ยนสังกัด ล่าสุด ศูนย์ฯ ได้จ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประเมินผลงาน คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือน

"ไทยกริดจำเป็นต้องเร่งดำเนินการส่งเรื่องเข้า ครม.ให้ทันภายในปีนี้ เพราะมีผลต่อการจัดตั้งงบประมาณปีต่อไป ช่วงนี้ไทยกริดยัง ใช้งบประมาณจากซิป้าเป็นหลัก ราวปีละ 15 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นต้นทุนค่าบำรุงรักษา และการดูแลระบบอินฟราสตรักเจอร์ของศูนย์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์"

นายยืน ภู่วรวรรณ รองอธิการบดี ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ปรึกษาสำนักบริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คาดว่า โครงสร้างการบริหารงานศูนย์คงไม่เปลี่ยนแปลงนัก เพราะเป็นเพียงการเปลี่ยนหน่วยงานกำกับดูแลเท่านั้น ซึ่งทางกายภาพที่ตั้งของศูนย์ฯ รวมทั้งบุคลากรยังเป็นทีมเดิม

เขาให้ความเห็นว่า หากไทยกริดเข้า สังกัดภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ก็จะส่งผลดีต่อหน่วยงานมากกว่า เนื่องจากสามารถใช้ทรัพยากร และร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงได้มาก เช่น ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ซึ่งจะช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีกริดในไทยก้าวหน้า และต่อยอดใช้ในเชิงพาณิชย์ได้เร็วขึ้น

นายพันธ์ศักดิ์ กล่าวเสริมว่า แนวทางการพัฒนาไทยกริดจาก นี้ คงจะเริ่มให้น้ำหนักการผลักดันการใช้งานเทคโนโลยีกริด คอมพิวติ้งในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจแอนิเมชันและสาธารณสุข เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นการพัฒนาใช้เพื่อการวิจัยเป็นส่วนมาก และจะขอความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ มากขึ้น ได้แก่ "ยูนิเน็ต"

ทั้งต้องเร่งพัฒนาบุคลากร ซึ่งล่าสุดไทยกริดยัง คงนโยบายจัดงานประกวดนวัตกรรมเทคโนโลยีกริดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนและนักศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาเทคโนโลยีกริด เริ่มเปิดรับสมัครวันที่ 25 .. นี้ ดูรายละเอียดที่ www.ku.ac.th/scc2009

ต่างประเทศ

เวิลด์แบงก์เตือนเสี่ยงวิกฤติสังคม

กรุงเทพธุรกิจ - นายโรเบิร์ต เซลลิค ประธานธนาคารโลก ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์สเปน เมื่อวันอาทิตย์ (24 พ.ค.) ว่า วิกฤติการเงินที่ขยายตัวกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจโลกครั้งร้ายแรง กำลังจะกลายเป็นวิกฤติการว่างงานครั้งใหญ่ และหากปราศจากมาตรการจัดการ ก็จะกลายเป็นความเสี่ยงต่อวิกฤติสังคมและมนุษยชาติ ซึ่งจะส่งผลกระทบสำคัญทางการเมือง และนำไปสู่นโยบายประชานิยมและกีดกันทางการค้า

นายเซลลิค กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี 7) และประเทศเศรษฐกิจสำคัญ 20 ชาติ (จี 20) แสดงความโล่งอกที่การหดตัวทางเศรษฐกิจเริ่มผ่อนคลายลง แต่นักเศรษฐศาสตร์และนักอุตสาหกรรมตระหนัก ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นไปอย่างเชื่องช้าและน้อยเกินคาด แม้การตอบสนองเชิงนโยบายดำเนินมาถูกทางแล้ว แต่ยังมีอันตรายในระบบการเงินสหรัฐ และตลาดเกิดใหม่ที่เปราะบาง

ประธานธนาคารโลกชี้ ว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่การสะสางระบบการเงิน ขณะที่สหรัฐดำเนินขั้นตอนถูกต้อง แต่ยังมีธนาคารบางแห่งที่ประสบปัญหายุ่งยากเกี่ยวกับสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค บัตรเครดิต และอสังหาริมทรัพย์ และสหรัฐยังพึ่งพาตลาดซิเคียวริไทเซชั่นมากกว่ายุโรป ซึ่งตลาดประเภทนี้ยังไม่ฟื้นตัว

ขณะเดียวกัน นายมาซาอากิ ชิรากาวะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวว่า สถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกที่เลวร้ายลงอย่างรุนแรงจะเริ่มดีขึ้น แต่ปัจจัยแวดล้อมที่ย่ำแย่จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น การขยายตัวทางเศรษฐกิจคงจะฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาเชื่อว่าเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวปานกลางช่วงครึ่งหลังปีงบประมาณ 2552 จากปัจจัยหนุนของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว แต่ถึงกระนั้น ยังมีความวิตกกังวลว่า ปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบในแง่ลบทางเศรษฐกิจจะยังมีอยู่ต่อไป

โอบามาย้ำคุกอ่าวกวนตานาโมควรถูกปิด

ไอเอ็นเอ็น - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แถลงว่า การจัดตั้งเรือนจำสหรัฐที่อ่าวกวนตานาโมถือเป็นการทดลองที่ผิดพลาด ทำให้สหรัฐอยู่ในความเสี่ยงต่อภัยก่อการร้ายและเพิ่มศัตรูให้กับประเทศ เขายืนยันว่า ต้องการที่จะปิดเรือนจำแห่งนี้ภายในเดือนมกราคมปีหน้า ตามที่เคยให้คำมั่นไว้ โดยแน่ใจว่าระบบศาลยุติธรรมในสหรัฐสามารถพิจารณาคดีนักโทษที่ถูกคุมขังที่ เรือนจำอ่าวกวนตานาโมได้ อย่างไรก็ดี เขาก็พร้อมที่จะเคารพในการตัดสินใจของสภาและกฎหมายของสหรัฐด้วย

ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนน 90 ต่อ 6 เสียง คัดค้านแผนการของประธานาธิบดีโอบามา ที่ร้องขอให้นำเงิน 2,800 ล้านบาทไปใช้ดำเนินการปิดเรือนจำที่อ่าวกวนตานาโมในคิวบา และนำผู้ต้องขังมาควบคุมตัวไว้ในสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้เขาไม่สามารถปิดเรือนจำได้ตามที่ตั้งใจไว้