แกนนำพันธมิตรฯ แถลงเรียกร้องรัฐบาล เร่งปราบปรามม็อบเสื้อแดงอย่างเป็นรูปธรรม ขณะเตรียมบุกกรมทหารราบที่ 11 ยื่นหนังสือรัฐบาล 29 เม.ย. ไฟเขียว พันธมิตรฯทั่วประเทศจัดชุมนุมสันติ...
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 26 เม.ย. 2553 ที่บ้านพระอาทิตย์ ภายหลังจากการประชุมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 8/2553 ดังนี้
แถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 9/2553 รวมพลังประชาชน หยุดยั้งอำนาจรัฐเถื่อน
สืบเนื่องจากมติของที่ประชุมเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตยทั่วประเทศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553 ที่ ม.รังสิต โดยมติที่ประชุมได้ให้เวลารัฐบาลดำเนินการจัดการกับการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย และดำเนินการกับกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุมภายใน 7 วันตามแถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยฉบับที่ 8/2553 นั้น
บัดนี้ระยะเวลาดังกล่าวได้ครบกำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กลับพบว่ารัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงยังมิได้ดำเนินการตามที่ภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้อง ส่งผลให้สถานการณ์เข้าสู่วิกฤติมากขึ้น ผลกระทบและความเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจและสังคมรุนแรงและขยายตัวอย่างน่าเป็น ห่วง ความรุนแรงในรูปแบบของการท้าทายกฎหมายและกติกาของบ้านเมือง ได้กลายเป็นค่านิยมที่ลุกลามไปยังต่างจังหวัดไม่ว่าจะเป็นการซ่องสุมกอง กำลังติดอาวุธ ตั้งด่านยึดรถทหารและตำรวจ ตรวจค้นเอาผิดกลุ่มประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อ แดง เป็นต้น
จึงกล่าวได้ว่าวิกฤตการณ์ประเทศไทยได้ขยายตัวรวดเร็วและรุนแรงจน เรียกได้ว่าเข้าสู่มิคสัญญี แล้ว แต่ในขณะเดียวกันรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงกลับยังไม่มีมาตรการที่สามารถ ยับยั้งและหยุดความเลวร้ายของวิกฤติการณ์ลงได้ ปล่อยให้การชุมนุมที่ผิดกฎหมาย และมีลักษณะก่อการร้าย ตลอดทั้งการก่อวินาศกรรมคุกคามสังคมและประชาชน เสมือนจับประชาชนเป็นตัวประกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
รัฐบาลในฐานะที่ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องประชาชนกลับไม่ได้ทำ หน้าที่อย่างเข้มแข็ง ซ้ำร้ายรัฐบาลยังแสดงความอ่อนแอไม่บังคับใช้กฎหมาย จนเจ้าหน้าที่สับสน ฉวยโอกาสเฉื่อยงานกระทั่งเป็นไส้ศึกให้กับกลุ่มก่อการร้ายจนเกิดภาวะ สุญญากาศทางอำนาจ
สภาวะไร้ระเบียบทางทางการเมืองหรือ อนาธิปไตย ดังที่กล่าวมาข้างต้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงมีความเห็นและความจำเป็นที่จะต้องใช้ สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70 เพื่อทำหน้าที่เป็นพลเมืองปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดังนี้
1. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเห็นว่าสถานการณ์ในขณะนี้กลุ่มคนเสื้อแดง ได้ทำการยึดอำนาจรัฐในหลายพื้นที่ไปแล้วไม่ว่าจะเป็นการยึดรถทหารและตั้ง ด่านตรวจค้นที่จังหวัดขอนแก่น การบุกเผาที่ราชธานีอโศก การปิดถนนตรวจค้นประชาชนทั่วไปที่ถนนพหลโยธิน การก่อวินาศกรรมและความรุนแรงในหลายๆ พื้นที่ กลุ่มคนเสื้อแดงได้สถาปนาอำนาจรัฐเถื่อนขึ้นมาซ้อนอำนาจรัฐ แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้ประชาชนเผชิญหน้ากับอำนาจรัฐเถื่อนตามลำพัง
2.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศจุดยืน นโยบายและกรอบปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมต่อการเอาผิดการชุมนุมที่ผิด กฎหมายและการก่อการร้าย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศจะต้องแสดงให้เห็นถึงมาตรการและ แนวทางที่ชัดเจนต่อการ กอบกู้วิกฤติการณ์ของบ้านเมืองในครั้งนี้ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีทราบดีว่าวิกฤติในขณะนี้เป็นวิกฤติความมั่นคงของประเทศ ซึ่งต้องใช้มาตรการทางการทหารและเป็นการยากที่จะแก้ด้วยวิถีทางการเมืองปกติ ซึ่ง ผบ.ทบ.ก็กล่าวยอมรับในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยว่าพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของ รัฐบาลทุกประการ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่ได้ประกาศมาตรการที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการกับกลุ่ม กลุ่มการร้ายอย่างไร จนสร้างความสับสนให้กับประชาชน
จนทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ แม้นายกรัฐมนตรีจะได้มอบอำนาจให้กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. รับผิดชอบศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการควบคุมสถานการณ์ก็ตาม แต่ทุกอย่างยังคลุมเคลือไม่รู้ว่าใครมีอำนาจสูงสุดเด็ดขาดในการสั่งการและ จัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในขณะนี้
3.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในจังหวัดที่มีพื้นที่สุ่มเสี่ยงและมีการ สถาปนาอำนาจรัฐเถื่อนซ้อนอำนาจรัฐ และเพื่อให้มาตรการในการกอบกู้สถานการณ์บ้านเมืองเท่าทันและมีประสิทธิภาพ รัฐบาลและกองทัพจะต้องใช้มาตรการทางทหารโดยการประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่ ที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อยุติการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและจัดการกับกลุ่มก่อการ ร้ายโดยเร็ว
4.สำหรับแนวทางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาย หลังจากครบเงื่อนไข 7 วันนั้น ที่ประชุมมีมติและกำหนดมาตรการเคลื่อนไหว 5 มาตรการโดยลำดับดังนี้
4.1 ขอให้พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศสนับสนุนและเข้าร่วม เป็นพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดินร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ และดำเนินการจัดตั้งกลุ่มทุกระดับทั้งในระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับภูมิภาค เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวัง ปกป้องชุมชนของตัวเอง ต่อต้านการกระทำที่ผิดกฎหมายและเป็นภัยต่อราชบัลลังก์และความมั่นคงของ ประเทศ
4.2 ขอให้พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกจังหวัดจัดกลุ่มและตัวแทนไป ยื่นหนังสือให้กับหน่วยงานทหารในแต่ละจังหวัดเพื่อกระตุ้นสำนึกให้กองทัพและ ทหารออกมาทำหน้าที่ทหารหาญของชาติเพื่อจัดการขบวนการก่อการร้ายและการชุมนุม ที่ผิดกฎหมาย คืนความสันติสุขให้กลับคืนสู่สังคมไทยโดยเร็ว โดยนัดหมายยื่นหนังสือพร้อมกันทั่วประเทศหน้าหน่วยทหารในแต่ละจังหวัดเพื่อ ทวงถามนโยบายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการจัดการกับขบวนการก่อการร้าย ในวันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ.2553 เวลา 10.00 น โดยแกนนำส่วนกลางจะไปยื่นหนังสือที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
4.3 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะจัดพิมพ์เอกสาร และซีดีเปิดโปงขบวนการล้มเจ้า และแผนการยึดอำนาจรัฐเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเบื้องหลังของขบวนการก่อการร้าย เพื่อเผยแพร่ให้กับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้รับรู้ข้อเท็จจริงและสาเหตุ ของวิกฤติการณ์ในครั้งนี้
4.4 ขอให้พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศไม่สังฆกรรมกับกลุ่ม ผู้สนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายและการก่อการร้าย ไม่ซื้อขายสินค้าและต่อต้านธุรกิจในเครือของคนเสื้อแดง โดยให้ติดตามรายละเอียดในคำประกาศของพันธมิตรฯ อีกครั้งหนึ่ง
4.5 ขอให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในแต่ละจังหวัดที่มีความพร้อมจัดชุมนุมโดยสงบสันติ และรณรงค์ในแต่ละจังหวัดให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องกับประชาชนทั่วไป
ทั้งนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะมีการประเมินสถานการณ์และ มาตรการการเคลื่อนไหวเป็นระยะๆ และหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะยกระดับการเคลื่อนไหวให้มีความเข้มข้นขึ้นเป็น ลำดับ ซึ่งจะมีการประชุมรับฟังความคิดเห็น และมีการประเมินผลจากพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง จนกว่าความสงบสุขจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ
ด้วยจิตคารวะ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ณ บ้านพระอาทิตย์