ที่มา บางกอกทูเดย์ เริ่มแล้วสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางในนายกรัฐมนตรี พ่วงรัฐมนตรีอีก 5 คน ติดขวบนกฐินผ้าป่าไปด้วย แม้ว่าจะเป็นการอภิปราย ที่รู้ผลการลงคะแนนล่วงหน้า ว่าทั้ง 6 คนไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องผ่านการลงคะแนนได้แน่นอน ตามกระบวนการกลไกของรัฐและพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเป็นที่ชัดเจนพรรคร่วมยัง เหนียวแน่นหนายิ่งกว่ากาวตราช้าง ในการขอเกาะเกี่ยวใบบุญเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อไม่ให้อดอยากปากแห้ง เพราะฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องยกมือให้กันอย่างแน่นอน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ในส่วนของผู้ที่อึดอัด หรือยังมีมโนธรรมกระตุ้นต่อมสำนึก ว่าไม่ควรเห็ด้วยกับการสลายการชุมนุม ซึ่งมีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทำได้อย่างเก่งก็คือ ทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่โหวตให้ สิ่งที่ประชาชนจะได้เห็นก็เพียง รัฐมนตรีแต่ละคนจะได้คะแนนไม่เท่ากัน บางคนจะได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อน... งานนี้คงต้องดูว่าสุดท้ายใครจะได้คะแนนบ๊วย แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ เพราะแม้จะได้คะแนนโหล่สุด คำอ้างที่ติดปากสไตล์รัฐบาลประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมตีนตุ๊กแก ก็คือ ... ถึงอย่างไรก็ต้องถือว่าสอบผ่าน ประเด็นที่สังคมให้ความสนใจจับตามอง จึงไม่ใช่เรื่องของคะแนน แต่เป็นเรื่องของ ข้อมูลและข้อเท็จริง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีผลโพลออกมาว่า 74.56% ต้องการให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นผู้อภิปรายแฉขอมูลลึกๆ ให้สังคมได้รับรู้อะไรๆกันมากกว่าที่ผ่านมาบ้าง สังคมอาจจะตื่นเต้นอยากรู้ แต่ดูเหมือนบรรดาผู้ถูกเปิดอภิปราย และบรรดาองครักษ์พิทักษ์นายทั้งหลาย อาจจะกระสับกระส่ายกันไม่น้อย ขนาดเปิดประชุม ยังไม่ทันจะเข้าเนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เกิดการโต้เถียงกันกรณีคลิปภาพและเสียงที่จะ ใช้ในการประกอบการอภิปรายกันแล้ว โดยการโต้เถียงใช้เวลาอยู่พักใหญ่ทีเดียว ในที่สุดนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่า คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคลิปภาพและเสียงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายชัยเป็นคนแต่งตั้งและมีการเซ็นคำสั่งไปทั้งหมด 9 คน และหากตราบใดที่กรรมการ ยังลาออกไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็ยังถือว่ากรรมการชุดดังกล่าวยังทำงานได้ ดังนั้นจะไม่ยอมให้มีการใช้คลิปภาพและเสียงที่ไม่ผ่านการตรวจของคณะกรรมการมาใช้ในการอภิปราย โรคหวาดระแวงคลิประบาดหนักจริงๆสำหรับรัฐบาล ก่อนหน้าการประชุม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การอภิปรายครั้งนี้ เป็นเรื่องของกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งทุกคนที่ถูกอภิปราย ก็เตรียมความพร้อมในการชี้แจงไว้แล้ว ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะขอเปิดคลิปวิดิโอในการอภิปรายนั้น ประธานการประชุมและวิปทั้งสองฝ่ายต้องเป็นผู้ดูแลในเบื้องต้น ซึ่งวานนี้ทางคณะกรรมการได้ตรวจสอบ ส่วนจะสามารถเปิดได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ คณะกรรมการกับประธานในที่ประชุม นายอภิสิทธิ์ย้ำด้วยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน ที่จะไม่ใช้กำลังในการสลายการชุมนุม และไม่มีเจตนาจะทำร้ายประชาชน ในขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง มองกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย จะนำประเด็นการถือครองที่ดินบนเกาะสมุย ของบุตรชายมาอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ไม่รู้สึกหนักใจเนื่องจากบุตรชายได้ซื้อขายที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย และหากในอนาคตสามารถหาพยานหลักฐานและชี้ชัดได้ว่า การถือครองที่ดินของบุตรชายผิดจริง ก็พร้อมให้ดำเนินคดี แต่ถ้าใช้ข้อมูลเท็จมาอภิปราย จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา นายสุเทพ ยืนยันว่า การถือครองที่ดินของบุตรชาย เกิดขึ้นในช่วงเป็นฝ่ายค้าน และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้ทำผิดกฎหมาย ฉะนั้นกรณีนี้ก็คงต้องดูว่า สุดท้ายแล้วสังคมจะได้รับรู้ข้อมูลทีเด็ดอะไรหรือไม่... นายสุเทพ ซึ่งมักจะมีวิบากกรรมในเรื่องเกี่ยวกับที่ดิน โดยเฉพาะในอดีตเรื่องที่ดิน สปก. 4-01 ซี่งสังคมยังข้องใจมาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องที่ดินในครั้งนี้ จะซ้ำรอยอดีตหรือไม่ วัน 2 วันนี้ก็คงได้เห็นกันแน่!!! อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนน้ำหนักของการอภิปราย ที่พรรคเพื่อไทยโหมโรงเอาไว้หนักหน่วงในเรื่องของการจะเปิดคลิปวีดีโอ ให้คนไทยได้รับข้อมูล 2 ด้าน จนทำให้เกิดตื่นตัวอยากรู้กันทั้งประเทศ ยังเป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลกับฝ่ายค้าน ยังงัดข้อกันอย่างหนัก โดย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งระบุว่าจะไม่ส่งคลิปให้คณะกรรมการ 3 ฝ่ายตรวจสอบก่อนนำเข้าใช้ในการอภิปราย เพราะรัฐบาลควรใจกว้างให้ ฝ่ายค้านนำเสนอข้อมูลในส่วนที่ฝ่ายค้านได้รับข้อมูลจากเหตุการณ์จริง และฝ่ายรัฐบาลก็ทำหน้าที่แก้ข้อกล่าวหา เพราะนี่คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “เรานำเสนอข้อมูลส่วนหนึ่ง รัฐบาลก็ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไป ในประเด็นตรงกันข้าม หากคลิปต่างๆ ที่นำมาเสนอไม่เป็นความจริง เพราะถ้าวันนี้มีการมาเฉลยคำถามให้ รัฐบาลก่อน รัฐบาลก็รู้คำตอบ ซึ่งประชาชนจะไม่ได้ประโยชน์ ดังนั้นการนำเสนอของฝ่ายค้านก็นำข้อเท็จจริงในมุมต่างจากประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงที่เก็บภาพไว้ รวมถึงสื่อต่างชาติจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องแก้” เนื่องจากสุดท้ายแล้ว ตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ประชาชนนั่นแหละจะเป็น ผู้ตัดสินใจเองว่ารัฐบาลควรจะอยู่ต่อไปหรือยุบสภาหรือลาออก ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ยังคาดหวังว่าจะได้อภิปรายอย่างเต็มที่ สามารถใช้ภาพถ่ายรวมทั้งคลิปวิดีโอมานำเสนอ และไม่มีการประท้วงพร่ำเพรื่อ ถ้ารัฐบาลคิดว่าตัวเองไม่มีแผลก็ควรเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ โดยไม่ขัดขวางปล่อยให้ประชาชนรับฟังข้อมูลจากทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านแล้วตัดสินเอง นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบคลิปวิดีโอ ที่จะใช้ประกอบการอภิปรายในสภานั้น ต้องเข้าใจว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการชิงไหวชิงพริบกัน ถ้านำข้อมูลไปเปิดเผยก่อนก็เหมือนกับไป บอกข้อสอบให้รัฐบาลเตรียมตัว และประชาชนจะไม่ได้ประโยชน์อะไร ดังนั้นจะไปบอกก่อนไม่ได้เรื่องคลิปถือเป็นจุดสำคัญที่เราจะนำมาเปิดเผยว่าในเรื่องเดียวกัน แต่มีความจริงที่ต่างกับรัฐบาลนำเสนอ ยืนยันว่าไม่มีการตัดต่อแน่นอน แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบ ก็ขอให้ทำก่อนการอภิปรายไม่กี่นาที และดูแวบเดียวก็พอแล้ว เพราะยืนยันว่ามีหลายเหตุการณ์ที่สำคัญที่จำเป็นที่ต้องอภิปรายชี้แจง เนื่องจากมีข้อน่าสงสัยเช่น การเผาห้างร้าน อาคารต่างๆ ภายในกรุงเทพมหานคร เหตุใดจึงจับผู้ลงมือเผาไม่ได้แม้แต่รายเดียว “วันนี้รัฐบาลพยายามบอกว่าคนที่เสียชีวิตไปนั้นสมควรตาย เพราะว่าไปเผาตึกรามบ้านช่อง แต่ความจริงแล้วคนตายก่อนที่จะมีการเผาทั้งสิ้น และน่าแปลกใจว่าเหตุใดไฟถึงไหม้แต่ตึกที่มีไมตรีกับคนเสื้อแดง ขอย้ำว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการเผา และไม่เคยบอกให้ใครไปทำ” จริงๆแล้วต้องยอมรับความจริงว่า นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ จนนำไปสู่การสลายการชุมนุมในที่สุดนั้น ฝ่ายรัฐบาล ฝ่าย ศอฉ. ได้มีการนำเสนอข้อมูล นำเสนอคลิป ของรัฐบาลและศอฉ. อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งหากมองกันด้วยใจเป็นธรรม รัฐบาลควรยอมรับว่า ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องยาวนานร่วมเดือนแล้ว ไม่ว่าอย่างไรต้องถือว่ามากกว่าที่พรรคฝ่ายค้านจะมีโอกาสนำเสนอใน ระยะเวลาเพียงแค่ 2 วันนี้อย่างมากมายมหาศาล ฉะนั้นหากเป็นทองแท้ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวไฟ หรือกังวลใจอะไรเลย พรรคประชาธิปัตย์ ควรจะเชื่อมั่นในศักยภาพและความสามารถในการพูดของนายอภิสิทธิ์ ว่าจะสามารถแก้ต่างข้ออกล่าวหาได้ตามสไตล์ถนัดของนายอภิสิทธิ์ได้เป็นอย่างดี จึงไม่มีเหตุอันควรแก่การ กังวลเลยสักนิด ไม่มีเหตุที่จะต้องทำให้การออกอากาศของช่อง 11 สะดุดในบางจังหวัด ในบางพื้นที่ จนทำให้เกิดเสียงครหา เกิดเสียงลือกันไปต่างๆนานา ซึ่งแน่นอนว่าไม่เป็นการดีกับรัฐบาล กับนายอภิสิทธิ์เลย ใครที่คิดทำ จนกระทั่งประชาชนรู้สึกว่าถูกปิดหูปิดตา ... สมควรบอกว่า ปัญญาอ่อนมากๆ ดังนั้น เรื่องนี้ควรจะเป็นดุลพินิจของนายชัย ชิดชอบ ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่น่าจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เป็นกลางให้ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน เห็นว่าเป้นผู้ที่เหมาะสมในการที่จะช่วยคลี่คลายวิกฤตการแตกต่างความคิดในสังคมไทยรอบนี้ นายชัยไม่ควรที่จะประกาศล็อคตัวเองว่า หากคลิปวีดีโอไม่ผ่านการตรวจสอบ ของคณะกรรมการฯ จะไม่อนุญาตให้เปิดในสภาฯ ส่วนถ้าฝ่ายค้านจะนำคลิปไปเปิดให้สื่อมวลชนดู ก็ต้องรับผิดชอบเอง 2 วันแห่งการอภิปราย จริงๆแล้วนายชัยต้องถือว่า นี่คือโอกาสสำคัญของรัฐบาล ที่จะได้ชี้แจงตอบข้อสงสัยให้กระจ่าง... ดีกว่าที่จะปล่อยให้ไปพูดไปลือกันนอกสภา ซึ่งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ จะไม่มีโอกาสได้ชี้แจงเลย ฉะนั้นคงต้องฝากไว้กับวิจารณญาณของ นายชัย ประธานสภาฯแล้วว่า... จะให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูล 2 ด้านอย่างเพียงพอหรือไม่ พึงระลึกไว้เสมอว่า... การให้ข้อมูลด้านเดียวไม่เคยสร้างความยอมรับนับถือที่แท้จริงได้เลย