ที่มา บางกอกทูเดย์ คือคำที่ถูกพูดถึง และนำมาใช้หลังเกิดการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 เป็นคำที่มีความหมายในตัวของตัวเองชัดเจนอยู่แล้ว ภาษาไทยมีคำแปลความหมายว่า ไม่มีอะไรชัดเจน กระจ่างแจ้ง ของสถานการณ์ ไม่ว่าจะเกิดจากการคิด หรือการกระทำของใครก็ตาม ก็ไม่มีผลดีต่อส่วนรวมของประเทศเลยแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นชัดเจนว่า...ยังมีบางฝ่ายที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของสังคมไทย แต่มีอิทธิพลต่อการเกิดขึ้นของเกมการ เมือง สรุปง่ายๆ ตรงไปตรงมา บอกได้ว่า... “ลับ ลวง พราง” ยังเป็นสถานการณ์ของเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยังมีอะไรแอบแฝง ลึกลับซับซ้อน พร้อมที่จะทำให้เกิดสถานการณ์ร้อนแรงขึ้น เป็นอันว่า... ถ้าหากยังมีเรื่องราวของ “ลับ ลวง พราง” ก็หมายความว่า ประเทศไทยยังไม่มีการคลี่คลาย สถานการณ์ทางการเมือง เรื่องของการต่อสู้กันทางการเมืองลงได้ ประเทศจะวุ่นวายต่อไป ประชาชนก็จะต้องเดือดร้อน และได้รับความวุ่นวายอยู่ต่อไปไม่รู้จักจบสิ้น นี่คือ “พิษ” ของ “ลับ ลวง พราง” ที่วันนี้ไม่ใช่เรื่องราวเล่าขานจากตำนานปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 อย่างเดียว จาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ผู้ทำปฏิวัติ สถานการณ์ นั้นน่าจะหมดไปจากการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ซึ่งเป็นการคืนประชาธิปไตยกลับมาให้จากภาวการณ์ปฏิวัติ แต่สถานการณ์ “ลับ ลวง พราง” หาได้หมดไปกับประชาธิปไตยที่ได้รับกลับคืนมาใหม่ อย่างที่คนคิดคนหวังไว้ สถานการณ์ “ลับ ลวง พราง” ยังมีต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ เหมือนเป็นโรคติดต่อมาถึงรัฐบาลที่ อ้างตัวว่ามาจากประชาธิปไตย คือ รัฐบาลของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นโรคติดต่อที่รัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไม่ยอมแก้ หรือแก้ไม่ได้จริงก็ไม่ทราบ แต่ที่คนไทยอยากรู้ก็คือ...ประเทศไทยจะยัง “ลับ ลวง พราง” อีกนานแค่ไหนกันครับ หรือจะต้องรอให้มันวอดวายทั้งหมดก่อน?