ทีึ่มา บางกอกทูเดย์ มาช้ายังดีกว่าไม่มา! กลุ่มประชาคมธรรมศาสตร์ ได้ออกแถลงการณ์ “คัดค้านอำนาจนอกระบบ” เรื่อง ขอประณามพฤติกรรมคุกคามเสรีภาพทางวิชาการของรัฐบาลไทย ซึ่งตามที่รัฐบาลซึ่งนำโดย “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ได้ตัดสินใจประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เพื่อมาแก้ไขสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ (นปช.) หรือ “กลุ่มเสื้อแดง”นั้น...มิเพียงแต่จะไม่ได้ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย ไปในทางที่ดีขึ้นได้ แต่ได้ปรากฏว่าตลอดระยะเวลาที่ ศอฉ.ได้ปฏิบัติการ…ได้สร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่ “เลวร้าย” มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน...ปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร...ละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา...และเอื้อให้รัฐบาลใช้อำนาจเผด็จการในทางมิชอบในการทำลายศัตรูทางการเมืองได้ในหลาย ทาง และแม้ปัจจุบันการชุมนุมจะคลี่คลายแล้ว...แต่การใช้อำนาจในการ “กวาดล้างศัตรูทางการเมือง” ดูเหมือนจะยังคงมีต่อไป มีการเรียกบุคคล นักธุรกิจ รวมถึงนักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ดูเหมือนจะอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายรัฐให้เข้ามารายงานตัว ในกรณีล่าสุดนั้น คือ การควบคุมตัว “รศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ” อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปกักขังที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสระบุรี กลุ่มประชาคมธรรมศาสตร์คัดค้านอำนาจนอกระบบ...อันเกิดจากการรวมตัวของนักศึกษา และศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มีจุดยืนชัดเจนที่จะต่อต้านการใช้อำนาจนอกระบบ ในทุกรูปแบบ ขอแสดงจุดยืนที่จะขอประณามรัฐบาลไทยที่นำโดย “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในกรณีการกุมขัง “รศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ” และขอให้เรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัว รศ.ดร.สุธาชัย เป็นอิสระในทันที เพราะรัฐบาลเองก็ “ขาดความชอบธรรม” ที่จะกักขังตัวของ รศ.ดร.สุธาชัย เนื่องจากไม่มีหลักฐานแน่ ชัดที่เชื่อมโยงได้ว่า รศ.ดร.สุธาชัย เกี่ยวข้องกับความไม่สงบที่เกิดขึ้น นอกจากแผนผังเครือข่ายขบวนการล้มเจ้าที่เกิดจากการ “นั่งเทียน” ร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับ ศอฉ. และแม้รัฐบาลจะอ้างความตามพระราชกำหนดการบริหารราชการณ์ในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น…แต่รัฐบาลกำลัง ละเมิดมาตรา 50 แห่งรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันที่ระบุไว้ว่า... “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในทางวิชาการ” การจับกุมนักวิชาการที่มีจุดยืนตรงข้ามกับตนนั้น...เป็นการกระทำอันเป็นเผด็จการ มิต่างอะไรกับประเทศพม่า ประเทศเกาหลีเหนือ หรือแม้กระทั่งประเทศอิรักในยุคของ “ซัดดัม ฮุสเซน” แต่อย่างใด กลุ่มประชาคมธรรมศาสตร์คัดค้านอำนาจนอก ระบบ...มีจุดยืนที่อยากจะเห็นความสมานฉันท์เกิดขึ้นในชาติ แต่ทั้งนั้นความสมานฉันท์จะเกิดได้ก็ด้วยกระบวนการที่เป็นธรรมตามระบอบประชาธิปไตย การใช้อำนาจทหาร อำนาจปากกระบอกปืนในการกดขี่ข่มเหง รังแกคนที่มีความเห็นที่แตกต่างกับตนนั้น ไม่อาจสร้างความสันติสุขให้กับประเทศนี้ได้ รัฐบาลต้อง พึงสังวรไว้ว่า “ราษฎรเป็นดั่งน้ำ ผู้ปกครองเป็นดั่งเรือ น้ำอุ้มเรือให้ลอยได้ น้ำก็คว่ำเรือให้จมได้เช่นกัน” ฉันใดก็ฉันนั้น...สันติภาพความสงบสุขจะเกิดได้ด้วยการยอมรับด้วยใจ ไม่ใช่การสร้างความหวาดกลัวแต่อย่างใด