ที่มา thaifreenews
โดย namome
บทเรียนในอดีต ไม่เคยจดจำทั้งที่มีตำรา มีประวัติศาสตร์ ให้ศึกษากันดู
กงเกวียนมักหมุนกลับมาที่เดิมเสมอ เฉกเช่นพระพุทธองค์ได้ทรงบัญญัติไว้
เรื่องของ “คน” มันคือเรื่องของการอยู่ร่วมกัน มันคือเรื่องของการให้ความเป็นธรรม ที่ทุกทฤษฎีหรือเหล่าปราชญ์ทั้งหลายได้เคยเขียนได้เคยกล่าวเอาไว้
เป็นแบบนี้ทั้งนั้นทุกทฤษฎีที่ได้มีมาในโลกใบนี้ แม้ว่าการปกครองนั้นๆจะเป็นเช่นไรก็ตามที การเสมอภาคในการปกครองพลเมือง การให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ทุกระบอบการปกครองต้องมี
ถ้า..แม้นผิดไปจากนี้อะไรก็เอาไม่อยู่ เมืองจะไม่เป็นเมือง ประเทศจะไม่เป็นประเทศอีกต่อไป
จากไพร่ มาสู่ประชาชนเมื่อครั้งล้นเกล้ารัชกาลที่5ทรงเลิกทาส จากชนชั้นล่างมาเป็นประชากรของประเทศมีสิทธิ์มีเสียงเท่ากันทุกคน
เมื่อครั้งล้นเกล้ารัชกาลที่7.ทรงสละพระราชอำนาจให้ ประเทศไทยคล้ายว่าเป็นประเทศที่มีอารยะขึ้นมาบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่ใช่
กว่า70ปีที่ประเทศไทยล้มลุกคลุกคลานกันมา ก้าวไปไม่ถึงไหนซักที
วีรชนเกิดขึ้นมากมายหลายครั้งหลายหน จนกระทั้ง ผู้สูญเสียชีวิตลงไปมากมายที่ส่วนใหญ่ฐานเดิมมาจากไพร่เกือบทั้งสิ้น
เหตุ ก็ เพราะสิ่งเดียวที่พวกเขาสูญเสียชีวิตไป ก็เพื่อทวงอิสรภาพความเป็นคนกลับคืนมา เท่านั้น
จนกระทั่งปี พศ.2544ประเทศไทยได้ก่อกำเนิน ผู้นำยุคใหม่ขึ้นมา นามว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร
จาก..ประเทศที่จัดอันดับว่ายากจน กลายเป็นประเทศที่มีวิวัฒนาการก้าวหน้าที่สุดขึ้นมาภายในระยะเวลาไม่ถึง4ปี จากประเทศลูกหนี้กลายเป็นเจ้าหนี้
ทุกชีวิตที่เกิดในประเทศไทย เริ่มเห็นแสงสว่างเกิดขึ้นมากมาย ทุกชีวิตมีความหมายทั้งนั้นทั้งสิ้น ความเป็นคนโผล่พ้นจากหลุมดำมืด
คล้ายว่าอำนาจการปกครองมาเป็นของประชาชนอีกจริงๆ ดังปณิธานที่พระองค์ท่านล้นเกล้า ร.7พระราชทานเอาไว้
สิ่งง่ายๆที่ท่านได้ทำอะไรไว้มากมาย ที่จะไม่อธิบายความให้มากเรื่องต่อ อาทิเช่น
โครงการโอท็อป 30บาทรักษาทุกโรค เรียนฟรีทุนการศึกษาไปเรียนต่างประเทศ พักชำระหนี้เกษตรกร กองทุนให้กู้ยืมเรียนเรียนฯลฯ
สาธารณูปโภคขยายกว้างไกล ไร้ยาเสพติด มีที่พักอาศัยราคาถูก สวัสดิการที่ดีเยี่ยม เข้าสู่ฐานเงินได้ง่ายขึ้นขั้นตอนน้อยลง ข้าราชการทำงานอย่างมีประสิทธิ์ภาพขึ้นเงินเดือนมีโบนัสฯลฯ
เปิดตลาดเสรีไม่มีการผูกขาดให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกแล้ว ทำให้มีสินค้าหลากหลายมากขึ้น ผู้คนที่บริโภคก็ได้รับสิ่งที่ดี และราคาถูก
อะไรที่คนที่ชื่อทักษิณทำได้ประโยชน์ทั้งหมดกับประชาชน
และแน่นอนเมื่อมีผลประโยชน์เกิดขึ้นมันก็ต้องมีผู้ที่เสียผลแระโยชน์ตามมาด้วย
19กย.49 ผู้ที่เสียผลประโยชน์ทั้งหมดได้แก่ พวกเจ้านายชั้นสูง พวกศักดินาโง่แล้วขี้เกียจทำกินไม่เป็น กลุ่มทุนผูกขาด และชนชั้นในอดีต จึงได้ร่วมหัวกัน ทำการรัฐประการอีกครั้ง
ได้ยึดอำนาจจากประชาชนไป ทุกอย่างกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ นับหนึ่งใหม่ โดยมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนที่จะกำจัดชายที่ชื่อทักษิณนั้นให้สิ้นซาก
อาศัยรัฐธรรมนูญที่ตนเองร่างเอาไว้เป็นตัวกำหนดเป็นกฎกติกา อาศัยเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้กระบวนการเริ่มต้นบิดเบี้ยวผิดเพี้ยน และเอากลุ่มศักดินาเก่าที่รับใช้กันมาขึ้นมาเป็นตุลาการตัดสินคดีความ เอากันจนชายที่ชื่อทักษิณสิ้นสภาพมิอาจกลับเข้ามาในประเทศไทยได้
นัยเรื่องนี้มันคืออะไร
กล่าวกันว่าก็เพราะ ประเทศไทยได้แบ่งประชาชนออกเป็นสองส่วนไปแล้ว
1.กลุ่มหัวโบราณ กลุ่มนี้ประกอบด้วย
1.1นายทุนเก่าที่เคยผูกขาดขูดรีดประชาชนมาก่อน
1.2ประชาชนที่ยังยึดติดกับระบบเจ้าขุนมูลนาย นับถือเทพเจ้ามากกว่าความจริง เหตุผลเป็นเรื่องรองและพร้อมที่จะลุกขึ้นมาสู้หากแม้ว่า สิ่งที่เขาเคารพนับถือถูกแตะต้องหรือถูกพาดพิง หรือแค่มีกระบวนการจัดตั้งขึ้นมากล่าวร้ายคนอื่นโดยอ้างเทพเจ้า คนกลุ่มนี้ก็จะเชื่ออย่างสนิทใจ และพร้อมที่จะออกไปร่วมด้วยช่วยกันทันที
1.3ทหารที่ปลูกฝังอย่างผิดๆมาตั้งแต่เด็กให้เห็นว่า ประชาชนมีค่าน้อยกว่าหมา แม้จะฆ่าตายฆ่าทิ้งซะบ้างก็คงไม่กระทบกระเทือนอะไร
1.4ผู้มากบารมีในตัวเอง พวกนี้เกลียดประชาชนมาก หากแม้ว่า ศักดิ์ศรีของการเป็นมนุษย์ของตนเองมีค่าเทียบเท่ากับประชาชนทั่วไป ยอมไม่ได้แน่นอน
ทั้งหมดนี้รวมตัวกันอิงสถาบันฯ อ้างสถาบันฯ เอามาเป็นธงนำของฝ่ายตนเอง อ้างตนเองว่าผู้จงรักภักดีฯ แย่งชิงการปกครองมาเป็นของฝ่ายตนเอง
2.กลุ่มประชาชนโดยทั่วไปที่ต้องการอิสรภาพในตัวเอง ไม่ต้องการระบบการปกครองแบบเก่าๆเข้ามาครอบงำอีกแล้ว ประกอบไปด้วย
2.1พวกคนยากจนที่เคยได้ประโยชน์จากรัฐบาลพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เช่น สินค้าโอท็อป 30บาทรักษาทุกโรค กองทุนกู้ยืมเรียน ปราบปรามยาเสพติดฯลฯ คนพวกนี้มีความต้องการเอาสิ่งที่เคยได้รับกลับคืนมาเหมือนเดิมในความเชื่อ ที่ว่า ผู้นำต้องชื่อทักษิณคนเดียวเท่านั้น
2.2พวกคนที่ทนเห็นความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นภายในบ้านเมืองนี้ไม่ไหว สองมาตรฐานเป็นที่รู้กันโดยกว้าง สุดที่จะแก้ตัวได้ จึงออกมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม
2.3ผู้ที่โดนเอาเปรียบในสังคมมาช้านาน ด้วยระบบเก่า เช่นการรับราชการในระบบเส้นสาย ที่ตนเองไม่เคยมี จึงไม่ได้เติบโต หรือการถูกอภิสิทธ์ชนพวกนี้เอารัดเอาเปรียบมาช้านาน ตนเองทำอะไรก็ผิดแต่ถ้าเป็นพวกมีอภิสิทธิ์ชนกลับตรงข้าม ทำอะไรก็ถูกตลอด
ทั้งหมดนี้รวมตัวกันออกมาสู้อีกครั้ง เพื่อทวงทุกอย่างจากประชาชนที่หายไปกลับคืนมา
ภายในปี2552และ2553ได้เกิดสงครามประชาชนขึ้น ถึงสองครั้งสองคลา ประชาชน ที่ออกมาต่อสู้กับอำนาจเถื่อน มีผู้คนล้มตายไปมากมายกว่า100คนบาดเจ็บพิการกว่าสามพันคน ถูกจับและหนีออกนอกประเทศไทยออกไปกว่า500คน
ทั้งหมดทั้งสิ้นกลุ่มอำนาจที่เข้ามาใหม่นี้ ไม่ยี่หระ เดินหน้าต่อไปเป็นกระบวนการอย่างไม่หยุดยั้งไล่ล่าต่อไปไม่เลิกรา มีคนตายคนหายไปเฉยๆเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นทุกวัน
คล้ายว่าจะสัมฤทธิ์ผลแล้วทุกอย่างคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
แต่..หาเป็นเช่นนั้นไม่
กลายเป็นว่าทุกหัวระแหงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่พร้อมจะออกมาสู้ใหม่
นักสู้มีทุกระดับชนชั้นมากขึ้น การสื่อสารแบบไร้พรหมแดนมีส่วนช่วยได้มาก
ทุกแห่งประกาศตน “กูไม่เอามรึง”
10ธค.2553 วันรัฐธรรมนูญ ประชาชนผู้ถูกระทำไม่กลัวอีกแล้ว เต็มถนนราชดำเนินรอบล้อมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทั้งที่ยังพรก.ฉุกเฉินคงไว้ กล่าวกันอย่างไม่อายวันนั้นมีคนมากว่า5หมื่นคน
19ธค.2553 อีกครั้งที่ผู้คนแออัดไปแสดงตนที่ราชประสงค์ “กูไม่เอามรึง” มากกว่า5หมื่นคนเช่นกัน
ทั้งหมดอีกครั้งที่จะบอกข่าวดีปีใหม่ที่จะมาถึงปี2554 นี้
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแน่จับตาดูให้ดี
ข่าวหลายข่าวทั้งทางตรงและทางอ้อมออกมา ไม่หยุดหย่อน
บทเรียนในอดีต กำลังจะกลับมาอีกครั้ง
กงเกวียนมักหมุนกลับมาที่เดิมเสมอ
ถ้า..แม้วันนั้น จะมีศึกชิงบัลลังก์เลือดกันเกิดขึ้น ทหารแยกไม่ออก ใครรับคำสั่งใคร ประชาชน ไม่ต้องออกแรงมากมาย สงครามครั้งสุดท้ายของประชาชนเกิดขึ้นแน่ เพียงฉวยโอกาสให้เป็นเท่านั้น และไม่ปล่อยให้เหตุการณ์คล้ายเมื่อพ.ศ.2475หลุดลอยไปอีกครั้ง
“ไพร่จะกลับฟื้นคืนชาติมาอีกครั้ง ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”
หมายเหตุ.. ข้อเขียนทั้งหมดนี้ผมขอยกเครดิตให้กับ วิศวกร ท่านหนึ่งที่ ใช้ล็อกอินว่า “ตาสว่างหมายเลข007” ครับ