WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, January 18, 2011

งบดับไฟใต้ เผาซ้ำรัฐนาวา

ที่มา บางกอกทูเดย์

งบดับไฟใต้ เผาซ้ำรัฐนาวา



เหลืองไล่! แดงก็ยี้!
พรรคร่วมเบื่อหน่าย
ถ้าทำดี ต้องมีคนเห็น... และเมื่อมีคนเห็น ก็ต้องมีคนนิยมชมชอบ
นี่คือหลักธรรมดาๆ ที่ทุกสังคมล้วนยอมรับเป็นหลักสากล ยอมรับกันมาทุกยุคทุกสมัย
ดังนั้นระหว่างการทำงานเป็น การทำงานจริง กับการสร้างภาพประชาสัมพันธ์ โฆษณาชวนเชื่อเก่ง ตรงนี้ผู้นำรัฐบาลจะต้องแยกแยะให้เป็น จะต้องยอมรับให้ได้ว่า ประชาชนในยุคสมัยดิจิตอล 3 มิติ 4 มิติ ไม่ใครโง่กว่าใคร

กรณีที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในยุคที่มีนายกรัฐมนตรี ชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นผู้นำรัฐบาลก็เช่นเดียวกัน นายอภิสิทธิ์จะต้องไม่ประเมินต่ำเพียงแค่ว่า ด้วยต้นทุนทางสังคมที่มีในเรื่องของหน้าตา ชาติตระกูล การศึกษา พูดอะไรประชาชนจะต้องเชื่อหมด
คนไทยไม่ได้โง่ ที่จะไม่รู้ทัน... หรือไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ข้อมูลว่านายอภิสิทธิ์ทำงานเป็นแค่ไหน รัฐบาลผสมของนายอภิสิทธิ์ ทำอะไรเอาไว้บ้าง

ถ้าผลงานของนายอภิสิทธิ์ดีจริง หรือว่ามีจริงๆ คงไม่โดน โน๊ต อุดม แต้พานิช แต่งเพลงล้อเลียนว่า
“นโยบายที่มีก็ลอกพรรคเก่า อะไรดีเอาเข้าพรรคเรา ความชั่วให้เขา แก๊งภูมิใจไทย”
ขนาดคนบันเทิงยังมองแบบนี้ แล้วสำหรับคนที่สนใจการเมืองโดยตรง คนที่ทุ่มเทให้กับประชาธิปไตยที่แท้จริง แทบไม่ต้องบอกเลยว่า ภาพลักษณ์ของนายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลจะเละเป็นโจ๊กขนาดไหน!!!

ที่สำคัญแม้แต่กลุ่มการเมืองที่เคยสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ อย่างกลุ่มม็อบพันธมิตรฯ กลุ่มการเมืองใหม่
วันนี้ยังส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา... และเปลี่ยนใจหันมาขับไล่นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว

ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดง ก็ยังคงยืนหยัดเหนียวแน่นในการทวงความเป็นธรรม และปฏิเสธไม่เอารัฐบาลมาร์คมาโดยตลอด ไม่ว่าจะมีขั้วอำนาจพิเศษหนุนหลังอยู่กี่กลุ่มก็ตาม
จุดนี้นายอภิสิทธิ์ และคนรอบข้างจะต้องมองให้ทะลุ
และวันนี้ถึงขนาดที่บนเวทีพันธมิตรนามของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ จะมีคนเสื้อแดงบางกลุ่มบางสายที่ยอมเดินขึ้นเวทีไปร่วมไฮปาร์ค แสดงจุดยืนว่าไม่เอารัฐบาล

แม้ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง จะพูดถึงกรณีที่เครือข่ายคนไทยฯ จะยื่นถวายฎีกาเพื่อขับไล่รัฐบาลในวันที่ 18 ม.ค.นี้ว่า เกิดมาเป็นคนไทย ต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และต้องตระหนักว่าคนไทยทั้งประเทศไม่ประสงค์ที่จะให้มีอะไรที่เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ฉะนั้นการที่จะดำเนินการอะไรขอให้คิดถึงหัวใจของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศด้วย

ส่วนการที่คนเสื้อแดงไปให้กำลัง และขึ้นเวทีของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาตินั้น กลัวหรือไม่ว่ากลุ่ม คนเสื้อแดงจะแตะมือกับคนเสื้อเหลือง และจะส่งผลเป็นแรงกดดันอย่างใดอย่างหนึ่งต่อรัฐบาล
นายสุเทพ กล่าวว่าไม่มีอะไรที่ต้องกังวลใจ เพราะรัฐบาลถูกกดดันมาตลอด

“เราก็ทำหน้าที่ของเราโดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่สามารถทำตามสิ่งที่คนอื่นกดดันได้”
ก็ดีที่มีความอึด ซึ่งจะเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นว่าทหารยังให้การสนับสนุน แถมยังมีขั้วอำนาจพิเศษให้พิงหลังอยู่ หรือว่าเชื่อมั่นเพราะอะไรก็ตาม

แต่ดูเหมือนว่า ลึกๆแล้วพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเขี้ยวในเกมการเมือง ก็เริ่มเครียดกับท่าทีของเหลืองและแดงแล้วเหมือนกัน เพราะยุทธศาสตร์ “แยกกันเดิน รวมกันตี” เป็นสิ่งที่ประชาธิปัตย์รู้ดีว่ามีพลังเพียงใด
ซึ่งครั้งนี้ไม่ว่าเหลือง หรือว่าแดง ล้วนมีเป้าหมายที่พ้องกัน คือ ไม่เอานายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลชุดนี้แล้ว ดังนั้นแม้ว่าจะมีสไตล์ที่แตกต่างกัน มีแนวทางในการดำเนินการที่แตกต่างกัน จนยากที่จะผสมเป็นเนื้อเดียวกันได้

แต่ประชาธิปัตย์ก็ประมาทไม่ได้ เพราะตอนนี้ไม่ว่ากลุ่มไหนก็ส่ายหน้าหนีไม่เอานายอภิสิทธิ์ ไม่เอานายสุเทพ กันหมดแล้ว
งานนี้บอกได้เพียงว่า ถ้าเป็นสงคราม ก็แปลว่านายอภิสิทธิ์และรัฐบาล กำลังเจอศึกกระหนาบ 2 ข้าง ที่ตีเข้ามาพร้อมกัน

ในขณะที่ผลงานของรัฐบาลก็ป้อแป้เหลือเกิน ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอึดได้นานถึงปลายปี อย่างที่ใครบางคนต้องการหรือไม่???
เพราะตอนนี้ปัญหาไฟใต้ก็ปะทุ ตบหน้าอยู่ตลอดเวลา ว่าขนาดเป็นพื้นที่ภาคใต้ซึ่งประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นเจ้าถิ่น แต่เป็นรัฐบาลมานาน 2 ปี กลับไม่สามารถแก้ปัญหาให้เบาบางลงได้อย่างราคาคุยเลย

ล่าสุดโจรใต้ก็ยิงคุณครูในช่วงวันครูอย่างหน้าตาเฉย... ทำลายขวัญของครูชายแดนภาคใต้ไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เพราะแม้แต่นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวถึงเหตุคนร้ายลอบยิงครูเสียชีวิตว่า การกระทำครั้งนี้ค่อนข้างหน้ากลัว
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 138 แล้ว

“ทุกครั้งที่ครูถูกทำร้ายก็เสียขวัญตลอดเวลา แต่ด้วยหน้าที่ที่ครูต้องรับผิดชอบก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป”
นี่คือชีวิตของครูภาคใต้ และแน่นอนว่าไม่ใช้เฉพาะแค่อาชีพครูเท่านั้น อาชีพอื่นๆของผู้ไปรับราชการอยู่ที่ภาคใต้ ก็ล้วนแล้วแต่เหมือนกับมีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเปื่อยๆ ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือคราเคราะห์จะมาเยือนวันไหน

จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ผลงานของรัฐบาลในเรื่องการดับไฟใต้ นั้นต้องถือว่าคะแนนไม่ผ่าน
ไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนได้ว่า การออกจากบ้านทุกวันในตอนเช้าเพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือไปทำธุรกิจประกอบสัมมาอาชีพ แล้วจะต้องได้กลับมาเห็นหน้าครอบครัวลูกเมีย
นี่คืออีกหนึ่งจุดอ่อนที่รัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะต้องตระหนักและเร่งแก้ไขปัยหา ไม่ใช่มัวแต่มาเล่นเกมการเมืองอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อที่จะประวิงเวลาในการยืดอายุรัฐบาลไปเรื่อยๆ

ที่สำคัญที่สุดซึ่งประชาชนภาคใต้กำลังจับตามองเป้นอย่างยิ่งก็คือ เรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งพรรคฝ่ายค้าน มีการหยิบยกประเด็นขึ้นมาว่า ได้มีการใช้งบประมาณไปร่วมแสนล้านบาท

นี่คือสิ่งที่ประชาชนต้องการรู้ว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่??? และรัฐบาลใช้จ่ายอะไรไปถึงได้มากมายขนาดนั้น
ถือเป็นประเด็นถามที่รัฐบาลไม่ควรมองข้าม เพราะก่อนหน้านี้เรื่องของการใช้งบประมาณทางทหาร เรื่องของงบประมาณศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ล้วนแล้วแต่เป็นงบประมาณที่อยู่ในการจับจ้องมองของประชาชนมาโดยตลอด

เนื่องจากว่ามีสารพัดข่าวลือ... ในเรื่องของการใช้งบประมาณกันอย่างสนุกสนาน
เมื่อมาเกิดคำถามเกี่ยวกับงบดับไฟใต้เข้าให้อีก ตรงนี้ไม่สนุกแน่

เพราะสิ่งที่ประชาชนจำได้ก็คือ ในการประชุมให้ความเห็นชอบกรอบงบประมาณปี 53 ผนวกแผนกระตุ้นศก.ระยะ 2 รวม 1.8 หมื่นล้าน ซึ่งนายสุเทพได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงเกี่ยวกับสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาค ใต้ ที่ตึกสันติไมตรี ทําเนียบรัฐบาล โดยมีนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบกในขณะนั้น พล.ท.พิเชษฐ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่สี่ในขณะนั้น นายพระนาย สุวรรณรัตน์ ผอ.ศอ.บต. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

สรุปว่าในปี 2553 จะใช้งบประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยใช้จากงบประมาณประจำปีปกติ 6,000 ล้านบาท ส่วนอีก 1 หมื่นล้านบาท นั้นจะใช้จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ!!!
ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์ ได้พูดถึงตัวเลขของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ภาคใต้ ทุกหน่วยงานมี 6.6 หมื่นคน

หรือแม้แต่จะว่าเป็นไปตามแผนใหญ่ นั่นคือ การอัดฉีดเม็ดเงินก้อนใหญ่ตามแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2552-2555 ซึ่งผ่านมติ ครม.เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2552
จัดสรรงบประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ใน 6 แผนงานดับไฟใต้

ตรงนี้ก็ยังไม่ถึงแสนล้านบาทอยู่ดี...
ดังนั้นเมื่อมีข่าวว่า มีการใช้งบกันเป็นแสนล้านบาท ก็เป็นธรรมดาที่ต้องสะดุ้ง และงุนงงสงสัยไปตามๆ กัน ว่าทำไมตัวเลขมันจึงบานปลายไปได้ขนาดนั้น
ที่สำคัญ หากว่าสูญเสียงบประมาณแสนล้านบาทจริงๆแล้วสามารถดับไฟใต้ได้สำเร็จ เทียบกับชีวิตของครูภาคใต้ ของข้าราชการ ของประชาชนภาคใต้ ก็ต้องถือว่าคุ้มค่า

จะได้ไม่มีการสูญเสียชีวิตอีก จะได้ไม่ต้องมีลูกกำพร้าเป็นจำนวนมาก
แต่ปรากฏว่าล่าสุดต้อนรับนายอภิสิทธิ์ลงไปปลอบขวัญครูภาคใต้ ก็เกิดโจรใต้ป่วนรับอรุณของวันที่ 17 มกราคม 54! วางกับระเบิดหนักไม่ต่ำกว่า 30 กก. ที่ยะลา ทำให้ 2 สามีภรรยาถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บซึ่งทางเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นของคนร้ายพวกก่อความไม่สงบแอบนำมาฝังไว้จนเกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนร้ายคาดว่าเป็นกลุ่มที่พยายามก่อเหตุการณ์ลอบวางกับระเบิดในสวน ยางพารามาแล้วหลายครั้งเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มึนไปเลยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
อย่างไรก็ตามในเรื่องของการใช้งบประมาณเป็นจำนวนมหาศาลนั้น ทางนายสุเทพ ยืนยันว่าในยุคของตนเองได้ใช้งบประมาณในการดำเนินงานโครงการพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีละประมาณ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาทต่อปีเท่านั้น

ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่าไม่ได้ใช้เงินเป็นแสนล้านอย่างที่มีการพูดกัน
แต่ไม่ว่าอย่างไร หากมองถึงสถานการณ์ของรัฐบาลในขณะนี้ คงต้องบอกว่าหากจะอยู่ต่อให้ถึงปลายปี รับรองว่าเหนื่อยแน่ๆ เพราะไหนจะเจอกับการขับไล่ของทั้งสีเหลือง และ สีแดง ในขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจก็ยังเหนื่อยกับการอุดรูรั่ว แถมไฟใต้ก็ยังไม่ยอมดับ
ในขณะที่กับพรรคร่วมรัฐบาลก็ระหองระแหงหนัก ในเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ
รวมทั้งเรื่องปัญหาคนไทย 7 คนที่ถูกจับในเขมร
รอด ไม่รอด ... ประชาธิปัตย์น่าจะรู้อยู่แก่ใจ!!!