ที่มา thaifreenews
โดย ting tuan
ชาวมุสลิมตูนิเซี่ยนแหกม่าน ส่องนำทางเสรีภาพทางด้านปชต…ตาสว่างทั้งโลก
ประธานาธิบดีซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลีของตูนิเซีย ก้าวขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหาร
ซึ่งไร้การนองเลือดในปี 1987 ครองอำนาจมาสองทศวรรษกว่า ด้วยการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยผสมผสานกึ่งเผด็จการ ได้วางเครือข่ายกองทัพตำรวจของตัวเองกว่า 80%
โดยใช้สายลับตำรวจคอยสอดส่องพฤติการณ์ของประชาชน คอยสอดส่องการพูดคุยของ
ประชาชน คล้ายกับหน่วยเกสตาโป (Gestapo)ของเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ติดตามความเคลื่อนไหวของประชาชน ที่มีแนวคิด ไม่เห็นด้วยและเป็นปฏิปักษ์ต่อต้าน
อำนาจรัฐ แต่เพราะตัวนายเบน อาลีเอง มีหัวค้อนข้างก้าวหน้าในสายมุสลิมชีอะห์ ซึ่ง
ต่างจากโลกมุสลิมแถบทะเลทรายของทวีปแอฟริกาตอนเหนือและมุสลิมแถบทะเลทราย
ตะวันออกกลางในอาเซีย มองดูแล้วประชาชนจะได้เสรีภาพทางด้านศาสนามากกว่า
ประเทศอื่นๆที่เคร่งครัดกว่า กรณีเช่น ผู้หญิงไม่ต้องปิดหน้า การแต่งกายก็ไม่บังคับและ
ไม่ห้ามสื่อดาวเทียม สามารถมีใช้จานดาวเทียมและชมกันได้อย่างอิสระเสรี
แต่ความพลิกผันที่สืบเนื่อง คุกกรุ่นมายาวนานของชนชั้นที่ถูกปกครอง ถูกเหยียบย่ำ
ถูกเอารัดเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมในโลกของสังคม เพียงแค่น้ำผึ้งหยดเดียว เหมือน
สมัยหนึ่งที่ประชาชนเดินไปขอขนมปังหน้าพระราชวังของพระเจ้าซาร์ นิโคลัสแห่งรัสเซีย
แล้วถูกทหารม้าคอสแซครักษาการณ์อยู่ด้านหน้าประตูพระราชวังยิงประชาชนตรงนั้นและ
ยังลุยตามติดไปปราบปรามอีกหลายแห่ง จนประชาชนล้มตายและบาดเจ็บหลายคน เป็น
มูลเหตุและเชื้อปะทุทำให้เกิดการปฏิวัติประชาชนครั้งนั้น ตามประเทศฝรั่งเศสขึ้นมาอีกชาติหนึ่ง
ก็เพราะตัวนายเบน อาลี ครองอำนาจมายาวนาน จนมองข้ามประขาชนและยังประกาศตัวเองจะเป็น
ประธานาธิบดีตลอดกาล เปิดศักราช 2554 แห่งการต่อสู้ระบอบประชาธิปไตยที่กำลังครอบ
คลุมไปทั่วโลก มองยังไงก็ต้องเกี่ยวพันธ์ เกี่ยวข้องด้านประชาธิปไตยอย่างหลีกหนีไม่พ้น
เรื่องเลยมาเกิดขึ้นในตูนิเซีย เกิดผลกระทบจากอัตราการว่างงาน ราคาสินค้าทั่วไปขึ้นราคา
อย่างสุดโต่ง แต่พวกวงศาคณาญาติของตนเอง กลับใช้ชีวิตอู้ฟู่ ฟุ่มเฟือยท่ามกลางความร่ำรวย
ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจ ตูนีเซีย ขยายตัวในอัตราเฉลี่ย 5 % แต่ทรัพยากรต่างๆ ไปกระจุกอยู่ที่กลุ่มอภิ
สิทธิชนเท่านั้น รากเหง้าแห่งความขัดแย้งระหว่างอำนาจเผด็จการกับประชาชน ฝังลึกแนบแน่น
อยู่กับกาลเวลามาร่วม 20 ปี การกระทำการ การใช้อำนาจข้างเดียวและมีผลประโยชน์มากมาย
นั้น กำลังถูกลิดรอน ถูกประชาชนจ้องจะเอาคืนกลับตลอดมา
ความสำเร็จของการเรียกร้องของประชาชนครั้งนี้ ก็มาจากเรื่อง การจุดประกาย เมื่อนักศึกษา
อายุ 26 ปี ที่กำลังขายผักผลไม้เพื่อเสริมรายได้ ถูกยึดรถเข็นโดยตำรวจ หลังจากนั้นนักศึกษา
คนนี้ก็จุดไฟเผาตัวเอง พร้อมกับการใช้หน้าตาการต่อสู้ในเชิงสัญลักษณ์ก็ถูกชูประเด็น คือ
การโบกขนมปังฝรั่งเศสขึ้นมา เป็นการประท้วงผสมประเด็นเศรษฐกิจปากท้องกับประเด็นการ
เมืองประชาธิปไตย และไม่มีการนำศาสนาอิสลามเข้ามาเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหวแต่
อย่างใด ความกล้าหาญชาญชัย เป็นครั้งแรกในหลายสิบปีที่ประชาชนกล้าออกมาตะโกนว่า
“เบน อาลี ฆาตกร”และ “ลีล่า เทรปเบลซี่ จอมโกง” (เมียของ เบน อาลี “) ประชาชนรวมตัว
ประท้วงขยายวงกว้าง จนทำให้ประชาชนต้องสังเวยชีวิตไปถึง 23 คน เผด็จการประธานาธิบ
ดีเบน อาลี พร้อมครอบครัว ต้องเผ่นหนีไปลี้ภัยอยู่ในดินแดนประเทศซาอุดิอาระเบีย และให้
นายกรัฐมนตรีรักษาการแทนต่อไป
ประเทศอื่นๆในกลุ่มมุสลิมไม่ว่าจะเป็นประเทศอัลจีเรีย อียิปต์และจอร์แดน ประชาชนในประเทศเหล่านี้
ต่างก็ตาสว่างและคงพร้อมจะแหกม่านเรียนแบบเช่นเดียวกับประเทศตูนิเซีย ยักษ์หลับแห่งโลกมุสลิม
ผลพวงการปฏิวัติของประชาชนครั้งนี้ จะเป็นอุทาหรณ์ให้ชนชั้นปกครองของประเทศต่างๆคงต้อง
รวมมาถึงประเทศเราเองด้วย ต้องลงมาเหลียวมองดูและใส่ใจ ในเรื่องการต่อสู้ เรียกร้องสิทธิ์ เพื่อเสรี
ภาพ เพื่อความเสมอภาค ความเที่ยงธรรมทางกฎหมายและสังคม ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย
มีรายละเอียดมากมายจาก-
ที่มา http://www.go6tv.com/2011/01/blog-post_1551.html
และ
ที่มา http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=88185.0;wap2
และ
ที่มา http://translate.googleusercontent.com/translate_chl=th&sl=th&tl=en&u=http://webwarper.
net/ww/~av/www.huffingtonpost.com/2011/01/14/tunisiarevolutionliveu_n_809294.html
&rurl=translate.google.com&anno=2&usg=ALkJrhglk5ijpOr06Uq9J-i3JYF6dQ2xZg
และ
ที่มา http://thaienews.blogspot.com/2011/01/blog-post_6600.html