ที่มา ข่าวสด
รายงานพิเศษ
ข่าวความขัดแย้งแตกแยกในพรรคเพื่อไทย มีมาเป็นระลอก
สะท้อนได้จากการแต่งตั้งผู้นำ ที่จนบัดนี้ยังไม่มีความชัดเจน
ยังผลให้การขับเคลื่อนของพรรคทั้งในสภา และการตรวจสอบรัฐบาลขาดเอกภาพ พูดกันไปคนละทิศละทาง
โดยเฉพาะการสรุปญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่กลายเป็นปมปัญหาล่าสุด
กระแสข่าวทางหนึ่งระบุพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สนับ สนุนนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นผู้นำอภิปราย
อีกฝ่ายก็ว่าต้องขึ้นกับเสียงส่วนใหญ่ของส.ส.ในพรรค
รอยร้าวถ่างชัดขึ้นอีกเมื่อมีกระแสข่าวร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เตรียมแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่
ร.ต.อ.เฉลิม เปิดใจกับสื่อระหว่างงานแต่งงานลูกชาย เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ไว้ดังนี้
กระแสข่าวตั้งพรรคการเมือง
ยอมรับว่ามีแนวคิดนี้ ที่ผ่านมาผมทำงานให้พรรคเต็มที่ ทั้งรณรงค์หาเสียงเมื่อมีการเลือกตั้ง บรรยายให้สมาชิกพรรค ทำให้เห็นว่ามีประชาชนชื่นชมพ.ต.ท.ทักษิณมาก จึงได้ขายแนวคิดนี้ ไม่ใช่อยู่ๆ ไปประกาศจะเอาพ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน
แต่ได้อธิบายว่าตั้งแต่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร มีรัฐประหารและมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น วันนี้ต้องลดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง ผมเสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทุกภาคส่วน ตั้งแต่หลังเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 และรับพ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน
แต่คนในพรรคหลายคนออกมาคัดค้าน และเห็นว่าใครก็ตามที่ผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณ แปลว่าไม่ได้ออกเงินและหวังได้ดี ซึ่งไม่ใช่ ผมไม่ได้ออกเงินจริง เพราะไม่มีเงิน และไม่มีเงินมาเล่นการเมืองเนื่องจากไม่เคยทุจริต ผมไม่มีเงินมากพอที่จะไปแจกคนในพรรค
เมื่อเริ่มมีแนวคิดไม่ตรงกันก็ต้องแสดงความเห็น เมื่อในพรรคยังพิจารณาว่าจะไม่ขายพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วจะขายใครเพื่อให้ชนะเลือกตั้ง เพราะขี้เหร่ทั้งนั้น ผมก็ขายไม่ได้ เพราะมีตำหนิและถูกมองว่ารักลูกเกินไป
อีกกรณีหนึ่ง ผมเคยเสนอแนวคิดว่ากรุงเทพฯ มีขนาดใหญ่ มีส.ส. 36 คน พรรคควรปรับปรุงบ้าง แต่ไม่ใช่ผมจะมากุมอำนาจ
เสนอให้แบ่งกรุงเทพฯ ออกเป็น 3 โซนคือ รอบนอก กรุงเทพฯ ตรงกลาง และกรุงเทพฯ ฝั่งธนฯ แต่พรรคก็เฉย ตรงกันข้ามกลับสกัดกั้น พูดจาแขวะไปมาทำนองว่าผมจะเอาบุตรชายลงสมัครรับเลือกตั้ง ยืนยันว่าบุตรชายจะไม่ลงสมัครส.ส.
เรื่องญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผมไม่ได้น้อยใจ แต่มีข่าวว่าการอภิปรายครั้งนี้จะดุเดือดเลือดพล่านเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ แสดงว่าคุณแขวะใคร ทำไมเมื่อก่อนคุณไม่แขวะผม เพราะรับประโยชน์มาหรือไม่
การอภิปรายเป็นแนวทางที่ไม่ตรงกับผม แนวทางผมคือเมื่อเราเป็นฝ่ายค้านไม่ไว้วางใจรัฐบาล ต้องเน้นเรื่องทุจริต การบริหารงานที่ผิดพลาด ต้องเต็มที่ เปิดโปง เปิดแผล เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง มั่นใจว่าที่ผ่านมาผมได้ฝากแผลเป็นให้กับพรรคประชาธิปัตย์
หากข้อเสนอของผม พรรคเพื่อไทยปฏิเสธแล้วยังเดินแนวทางตามเดิม ไม่ยอมขายพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ปรับปรุงกทม. ไม่คิดทำแนวทางใหม่ๆ ผมก็มี 2 ทางเลือก คือ 1.ยุติการเมือง 2.ถ้าจะเล่นการเมืองต้องตั้งพรรคขึ้นใหม่ แต่จะถึงขั้นนั้นหรือไม่ขอดูท่าทีก่อน
ยืนยันถ้าผมออกจากพรรคจะไม่ทำให้พรรคปั่นป่วน ผมมาคนเดียว ขอไปคนเดียว และไม่ได้พูดคุยกับพ.ต.ท. ทักษิณ เรื่องนี้
ไม่ต้องห่วง ผมเป็นหัวหน้าพรรคมาตั้งแต่ปี 2529 ถ้าตั้งพรรคใหม่ก็หวังได้ 5 ที่นั่งก็พอใจแล้ว การหาเสียงก็จะนำพ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน เพราะพรรคเพื่อไทยเขาขอให้ก้าวข้ามพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ก้าวข้าม
พรรคใหม่ก็จะดึงคนที่พรรคเพื่อไทยไม่รับจำนวนมาก หรือเรียกว่าเป็นไวน์น้ำสอง เอามาลงรับสมัคร อย่านึกว่าผมไม่มีพวกนะ เพราะพวกของผมเกิดจากที่ผมทำงาน ไม่ได้เกิดจากการที่ผมเอาสตางค์มาไล่แจก และผมไม่มีวันทำอย่างนั้น
การตั้งพรรคใหม่จะได้ข้อสรุปเมื่อใด
อย่างน้อย 3 เดือนนับจากนี้ เพราะถ้าปล่อยยาวไปจะเตรียมตัวไม่ทัน ผมยังชื่นชมพ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนเดิม ไปหาเสียงก็จะพูดว่าอยู่พรรคเพื่อไทยช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ก็ให้มาทางนี้
สำหรับชื่อพรรคคิดไว้แล้วจะใช้ชื่อ "พรรคทางเลือกใหม่" หรือ "นิว อัลเทอร์เนทีฟ ปาร์ตี้" โดยมีจุดมุ่งหวังลดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง และผมจะลงสมัครเขตกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการพิสูจน์ พวกปากหอยปากปูจุ๊บจิ๊บในพรรคว่าคนกรุงเทพฯไม่เลือกเฉลิม น้องชายผมได้คะแนนสูงสุด ส.ก. ผมมีที่มาที่ไป
ขอบอกถึงนายมิ่งขวัญ ขอให้ตั้งใจทำงานให้ดี อย่ามาห่วงผม แล้วใครก็ตามที่ออกมาพูด ถ้าเป็นคนที่รับเงินจากคุณ คุณต้องห้ามเขาเพราะพวกในพรรคผมก็มี เดี๋ยวเขาก็ออกไปสวนบ้าง เดี๋ยวไปกันใหญ่ ผมอดทนมามาก อะไรก็ไม่เคยพูด
นึกว่าผมไม่รู้หรือไปจ่ายสตางค์กันชั้นไหน ที่สภาใครจ่ายเงิน ผมรู้ทั้งนั้น ใครจ่ายอะไรผมรู้หมด แต่ว่าอย่าทำลายกัน เพราะผมไม่ได้เป็นอุปสรรคในพรรค
การจ่ายเงินส.ส.เพื่อให้มาเป็นพวกมีจำนวนมากน้อยเท่าใด
เวลาจ่ายสตางค์ผู้แทนฯ ก็รับทั้งนั้น แต่เวลามาเป็นพวก เป็นหรือไม่ผมไม่ทราบเพราะไม่เคยใช้วิธีการนี้ ผมใช้สมอง ไม่ได้ใช้สตางค์ และยังหลับตานึกไม่ออกว่าที่แอ๊กชั่นกันอยู่ในขณะนี้ ในสภาจะพูดอะไรกัน เพราะไปข้างนอกนั่งกันเงียบกริบฟังผมพูดทั้งนั้น
วันดีคืนดีได้รับเงินทองไปหน่อยมาด่าผม อย่างนี้มันไม่ยุติธรรม หัวใจผมทำด้วยเนื้อไม่ใช่เหล็ก
แกนนำพรรคใหม่ที่จะตั้ง
ไม่มี ผมคิดว่าจะคุยกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และร.ต.อ. นิติภูมิ นวรัตน์ รวมถึงคนที่อยากลงกรุงเทพฯ แต่ถูกสกัดกั้น ผม 3 คนตอนลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ได้ 1.7 แสนคะแนน ร.ต.อ.นิติภูมิ ลงส.ว. ได้ที่หนึ่ง นายชูวิทย์ได้ 3.38 แสนคะแนน รวมกันมันก็ไปได้
แต่ก่อนไปถึงจุดนั้นจะขอดูท่าทีพรรคเพื่อไทยก่อน ถ้าปฏิเสธแนวคิดที่บอกก็เป็นเรื่องที่ตัดสินใจง่ายขึ้น
พุดคุยกับนายชูวิทย์ และร.ต.อ.นิติภูมิ แล้วใช่หรือไม่
กับนายชูวิทย์ พูดคุยแล้ว แต่ร.ต.อ.นิติภูมิ ยังไม่ได้คุย ต้องให้ผมตัดสินใจก่อนว่าพรรคเพื่อไทยไม่เอาแนวทางที่ผมคิดเลย เมื่อตัดสินใจแล้วถึงจะพูดคุยกับร.ต.อ.นิติภูมิ
ในส่วนของนายชูวิทย์ ที่ตั้งพรรค"รักประเทศไทย" สามารถพูดคุยกันได้แล้วค่อยมาเปลี่ยนชื่อภายหลัง
ถ้าพรรคเพื่อไทยแก้ไขบางเรื่องใน 3 แนว ทางที่ให้ไว้พร้อมจะอยู่กันต่อไปหรือไม่
ต้อง 3 ข้อ ถ้าไม่ทำทั้ง 3 ข้อผมก็คิดใหม่ และไม่ได้บังคับเพราะข้อเสนอของผมเป็นเรื่องดี
ขอถามนิดนึงถ้าขายนายมิ่งขวัญ เอาอะไรไปขาย ขายผมก็ไม่ได้ ต้องขายพ.ต.ท.ทักษิณ คุณเก่งกันนักเคยออกพื้นที่ไหม ก็ไอ้นักรบห้องแอร์ สร้างความปั่นป่วน บางคนมีสตางค์หน่อยก็สร้างความยุ่งยากในพรรค ผมรับไม่ได้
เชื่อว่าเรื่องนี้อยู่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจ เพราะในพรรคไม่มีใครตัดสินใจได้ มีพ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียว ถามว่าผมเอาประโยชน์อะไรเข้าตัว ที่ผมเสนอไป 3 ข้อ ถ้าคุณมาเป็นราหูอมจันทร์อย่างนี้ มันไม่ได้ แล้วมันไม่ชนะ มันพากันแพ้หมด
พรรคเพื่อไทยวันนี้ถ้าอยู่ในพื้นที่อันตราย ถ้าคุณไม่ได้เกินกึ่งหนึ่งไม่ได้ตั้งรัฐบาล ถ้าได้เกินกึ่งแต่ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่รับรอง แต่หากคุณได้มากก็อาจมีการเปลี่ยนแปลง
ฉะนั้นคราวนี้ต้องชนะแลนด์สไลด์ ซึ่งมีทางเดียวต้องขายทักษิณ จะเอานายมิ่งขวัญ ประกบคุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) หรือ มันไม่ได้ แต่ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไปได้ ชายหล่อกับหญิงสวย ทั้งสองคนนักเรียนนอก
ไม่ใช่ว่าผมคัดค้านนายมิ่งขวัญ ก็เพราะมันไม่ชนะ