ที่มา ประชาไท
กองพิสูจน์หลักฐานระบุ เหตุถล่มฐานทหารริมถนนมะรือโบตก-รือเสาะ อ.ระแงะ เมื่อคืนวันที่ 19 ม.ค. กองกำลังติดอาวุธใช้ไม้กระดานพาดเพื่อปีนกำแพงเพื่อเข้าถล่มฐานแบบรบประชิดตัว พบปลอกกระสุนเอ็ม 79 และกระสุนปืนกลเอ็ม 60 และกระสุนอื่นๆ เกลื่อนที่เกิดเหตุกว่า 700 นัด
หลังจากที่เมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 19 ม.ค. มีกองกำลังติดอาวุธใช้อาวุธสงครามยิงถล่มฐานปฏิบัติการพระองค์ดำ สังกัด ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายมะรือโบตก-รือเสาะ ช่วงบริเวณบ้านมะรือโบตก ม.1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
โดยผลการโจมตี ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย คือ 1. ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ หัวหน้าฐานปฏิบัติการ 2. ส.ท.อับดุลเลาะห์ ตาหยี 3. ส.อ.เทวรัตน์ กาวา 4. พลทหาร ประวิทย์ ชูกลิ่น และได้รับบาดเจ็บ 13 นาย นั้น
ล่าสุด เช้าวันนี้ (20 ม.ค. 54) นายเดชรัฐ สิมศิริ รอง ผวจ.นราธิวาส พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และคณะทีมงานของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม รวมถึงชุดคลี่คลายคดีความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการ
โดยจากข้อมูลของกองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส มีรายงานว่า จากการตรวจสอบความเสียหายพบว่า โรงเรือนแบบน็อกดาวน์และเพิงพักของทหารถูกวางเพลิงได้รับความเสียหาย 4 หลัง รถจักรยานยนต์ถูกวางเพลิง 1 คัน โดยเฉพาะที่บริเวณโรงเรือนแบบน็อคดาวน์ที่ได้ดัดแปลงใช้เป็นสถานที่เก็บคลัง อาวุธประจำฐาน ได้ถูกงัดประตู และมีการขโมยอาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 และอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 11 ม.ม. ไปจำนวนกว่า 50 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนกว่า 4,000 นัด
นอกจากนี้บริเวณรั้วสนามที่ใช้ทำเป็นกำแพงด้านหลังของฐาน เจ้าหน้าที่พบว่ากองกำลังที่เข้ามาโจมตีได้ใช้ไม้กระดานขนาดยาวประมาณแผ่นละ 3 เมตร จำนวนกว่า 10 แผ่น วางพาดเพื่อใช้เป็นสะพานในการวิ่งกรูเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารแบบประชิดตัว และเจ้าหน้าที่สามารถเก็บรวบรวมหลักฐานและชิ้นส่วนของวัตถุระเบิด ซึ่งกลุ่มคนร้ายใช้เป็นอาวุธในการบุกโจมตีเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบพบหลุมเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม.79 จำนวนกว่า 20 จุด ปลอกกระสุนปืน เอ็ม.16 เอ็ม.60 อาก้า ลูกซอง อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. ขนาด 11 ม.ม. ตกอยู่เกลื่อนบริเวณฐานทหาร รวมทั้งสิ้นกว่า 700 นัด
แหล่งข่าวชุดคลี่คลายคดีความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้าร่วมตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ได้ประเมินว่า ในปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ ใช้กำลังไม่ต่ำกว่า 30 คน และมีการวางแผนบุกโจมตีฐานไว้อย่างดี และมีระบบกว่าเหตุคนร้ายบุกปล้นปืนที่กองพันพัฒนา 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2547 ที่ผ่านมา ซึ่งกองกำลังดังกล่าวรู้ความเคลื่อนไหวกำลังพล และความเคลื่อนไหวภายในฐาน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาการ และอาศัยอยู่น้อย จึงได้มีการบุกโจมตีในช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งกำลังที่ปฏิบัติการในครั้งนี้อย่างน้อย 80 เปอร์เซ็นต์ เคยร่วมบุกปล้นปืนด้วย นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่ามีนายมะแซ อุเซ็ง เป็นผู้บงการในการรวบรวมอาวุธ เพื่อเตรียมนำมาใช้ก่อเหตุร้ายครั้งใหญ่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ราวประมาณเดือนกุมภาพันธ์ และ มีนาคม ที่จะถึงนี้
ส่วนการติดตามไล่ล่าฝ่ายกองกำลังติดอาวุธนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจและฝ่ายปกครองที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ อำเภอระแงะ ได้ร่วมสนธิกำลังประมาณ 300 นายพร้อมสุนัขสงครามดมกลิ่น ได้กระจายกำลังกันโอบล้อมเทือกเขาซึ่งตั้งอยู่หลังฐาน และเป็นเส้นทางหลบหนีหลังจากปฏิบัติการณ์ถล่มฐานทหารแล้ว เสร็จ ซึ่งในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบร่องรอยเลือดตามเส้นทางที่ มุ่งหน้าขึ้นสู่เทือกเขา ซึ่งห่างจากฐานประมาณ 500 เมตร
คาดว่ากองกำลังดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ยิงได้รับบาดเจ็บไปจำนวนหลายคน แต่ถึงอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามโรงพยาบาลและสถานอนามัย เกรงว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวจะแฝงตัวปะปนกับชาวบ้านเดินทางไปรักษาอาการบาดเจ็บ
สำหรับ ร.อ. กฤช คัมภีรญาณ หัวหน้าฐานปฏิบัติการณ์พระองค์ดำ ซึ่งเสียชีวิต เป็นหลานชายของ พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม สมัยรัฐบาลทักษิณ เป็น นตท. รุ่น 38
ที่มา: เรียบเรียงจาก เว็บไซต์สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย