WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, January 21, 2011

เพื่อไทยสะท้อน 3 เงื่อนไข'เฉลิม'

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ รายงานพิเศษ



การออกมาทิ้งไพ่ 3 เงื่อนไขของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย คือ ชู 'ทักษิณ' หาเสียง แบ่งสนามเลือกตั้งกทม.เป็น 3 โซน และปรับดีกรีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

พร้อมคำขาดหากภายใน 3 เดือนไร้เสียงตอบรับก็จะทิ้งพรรคเพื่อไทยออกไปตั้งพรรคใหม่

ซึ่งตัวแทนกลุ่มต่างๆ ในพรรคเพื่อไทยได้สะท้อนความคิดเห็นต่อเงื่อนไขและคำขาดของร.ต.อ.เฉลิม ไว้ดังนี้

ไชยา พรหมา

ส.ส.หนองบัวลำภู

กลุ่มนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์



ต้องเคารพความเห็นของร.ต.อ.เฉลิม เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ในพรรค เป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อพรรค เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีความรู้เรื่องการเมืองอย่างลึกซึ้ง มีข้อมูลและศักยภาพในการหาข้อมูล

เมื่อเสนออะไรก็ต้องรับฟังเพราะพรรคจะขาดท่านไม่ได้ เพราะจะมีปัญหาเรื่องการปราศรัยหาเสียงและคะแนนนิยมในภาคอีสานทันที เพราะต้องยอมรับว่าคะแนนนิยมของ ร.ต.อ.เฉลิม ในภาคอีสานมีมากจริงๆ

ส่วนข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อนั้น ในส่วนของการปรับภาคส่วนกทม. ร.ต.อ.เฉลิม พูดมาหลายครั้งแล้ว โดยให้เหตุผลว่าเป็นพื้นที่ที่มีส.ส.มาก หากแบ่งกันดูแลเท่ากับการแบ่งเบาภาระ

แต่เป็นเรื่องที่ต้องเข้าสู่ที่ประชุมพรรคเพื่อหารือกัน และบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องตัดสินใจ

สำหรับเรื่องการชูพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการหาเสียงเลือกตั้งนั้น ต้องทำความเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยกับพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตัดกันไม่ขาด เหมือนเป็นสิ่งเดียวกันอยู่แล้ว

แต่ปัญหาคือขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อยู่ ต้องหาคนมานำพรรคแทน

โดยคนๆ นั้นต้องยึดหลัก 3 อย่าง คือ ชูพ.ต.ท. ทักษิณ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จในอดีต ต้องต่อยอดความสำเร็จให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ และพัฒนาแนวทางนโยบายต่อไป

นี่คือการทำให้พรรคเป็นสถาบัน ไม่ใช่เรื่องก้าวข้าม พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะหากก้าวข้ามคือการไม่สนใจ แต่นี่ยังไงเราก็ต้องชูพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว

ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะนี้พรรคยังไม่มีมติอะไรออกมา แต่คิดว่าการอภิปรายจะขาด ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ได้ เพราะคนติดตามข้อมูลและลีลาการอภิปรายของท่านจำนวนมาก

ที่สำคัญแนวทางของร.ต.อ.เฉลิม เป็นคนละแนวกับนายมิ่งขวัญ และทั้งสองเป็นบุคลากรที่สำคัญของพรรค ก็ไม่ควรมีความขัดแย้งกัน

พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ

ส.ส.ศรีสะเกษ

กลุ่มร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง



สิ่งที่ร.ต.อ.เฉลิม เสนอไปทั้ง 3 ข้อถือว่าถูกต้องแล้ว ทั้งเรื่องการเสนอให้ชูพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะถ้าไม่ชูพ.ต.ท. ทักษิณ แล้วจะไปชูใคร

ส่วนเรื่องภาคกทม. ที่เสนอให้ปรับก็มีเหตุผล ถามว่าฝั่งธนบุรีตอนนี้พรรคมีส.ส.หรือไม่ ก็ให้ร.ต.อ.เฉลิม มาดูแลบ้าง จะเป็นอะไร ยุทธวิธีต้องปรับเปลี่ยนตลอดเวลา

ตอนนี้กทม.มีส.ส. อยู่กี่คนก็รู้ๆ กันอยู่ ให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ดูแลมา 2 สมัย ก็เห็นกันอยู่ว่าเป็นยังไง มีส.ส.อยู่กี่คน

หรือจะให้นายวิชาญ มีนชัยนันท์ มาดู คนๆ นี้เป็นส.ส.หลังผมเสียอีก แล้วเมื่อร.ต.อ.เฉลิม มีศักยภาพทำได้ ทำไมจะไม่ให้มาดู วันนี้มามัวเกรงใจคนๆ เดียว มันก็ไม่ไหว

สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไงก็เชื่อว่าร.ต.อ. เฉลิม ต้องร่วมวงด้วย แต่อาจแบ่งกันดูแลรับผิดชอบ

ร.ต.อ.เฉลิม ดูประเด็นเรื่องการเมือง เรื่องการเสียชีวิต 91 ศพ ส่วนนายมิ่งขวัญ ดูเรื่องประเด็นเศรษฐกิจ ต่างคนต่างสรุปในประเด็นของตัวเอง ไม่มีปัญหา

เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ทำให้เกิดความแตกแยกแน่นอน

ไม่มีทางที่ร.ต.อ.เฉลิมจะทิ้งพรรค ท่านเป็นคนมีเหตุผล ที่ผ่านมาได้โทรศัพท์คุยกันอยู่ เชื่อว่าท่านไม่ทิ้งพรรคแน่ เพราะร.ต.อ.เฉลิม เป็นคนมีเหตุผล

ที่สำคัญคนแดนไกลไม่ยอมให้ท่านไปไหนแน่นอน

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ

รองประธานภาคกทม.

กลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์



ที่ผ่านมาหากผู้ใหญ่ในพรรคต้องการเสนอปรับปรุงรูปแบบของพรรค สามารถเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคได้อยู่แล้ว หากที่ประชุมเห็นชอบก็นำเรื่องเข้าที่ประชุมส.ส.พรรคเพื่อลงมติ

ดังนั้น ข้อเสนอของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่เสนอให้ปรับ เปลี่ยนรูปแบบภาคกทม. ก็ทำได้ แต่ทุกอย่างอยู่ที่ประชุมพรรคจะมีความ เห็นอย่างไร

ในส่วนของภาคกทม. เท่าที่หารือกันยังเห็นว่ารูปแบบการบริหารงานที่เป็นอย่างนี้ คล่องตัวดีอยู่แล้ว แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคจะมีความเห็นอย่างไร

สำหรับการเสนอชูพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจุดขายนั้น

พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมจากประชาชนส่วนใหญ่อยู่แล้ว เพราะประชาชนเห็นถึงความสำเร็จในการแก้ปัญหาโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ

ดังนั้น การจะนำแนวความคิดหรือนโยบายในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณขึ้นมานำเสนอต่อประชาชน เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับ

ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องดูที่เนื้อหาสาระ การอภิปรายที่ผ่านมาถือว่ามีประโยชน์กับประชาชน ด้วยการเน้นเรื่องเนื้อหาสาระมากกว่าเน้นวาทกรรมหรือวิวาทะกัน ดูได้จากการพิจารณาของสื่อมวลชน อย่างผู้ที่ได้เป็นดาวสภาคือส.ส.ชวลิต วิชยสุทธิ์ ซึ่งไม่ใช่คนดุดัน แต่ได้รับการยอมรับจากสื่อ

ดังนั้น บุคคลใดจะเป็นผู้นำการอภิปราย ต้องดูจากเนื้อหาสาระเป็นหลักเช่นกัน



สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์

ส.ส.ขอนแก่น

แกนนำกลุ่มขุนค้อน

เชื่อว่าข้อเสนอ 3 ข้อของร.ต.อ.เฉลิม ไม่ทำ ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในพรรค แต่เป็นเพียงมุมมองแตกต่างกันซึ่งเป็นเรื่องปกติ หากทุกคนเห็นตรงกันหมดก็เป็นเผด็จการ

เรื่องนี้เชื่อว่าสุดท้ายแล้วผู้ใหญ่คงพูดคุยกันได้ด้วยดี อธิบายกันด้วยเหตุผลจะได้ข้อสรุปที่ดี เรื่องนี้ไม่ใช่การเอาชนะด้วยทิฐิ แต่เป็นการเสนอแนวทางกันด้วยเหตุและผล สุดท้ายก็มีทางออก

ในส่วนของส.ส.ภาคอีสาน มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับทั้ง 3 แนวทางของร.ต.อ.เฉลิม แต่ผมขอไม่ลงลึกในรายละเอียด แต่อยากย้ำว่าหากชี้แจงกันด้วยเหตุ ปัญหาคงได้ข้อยุติ

ผมมั่นใจว่าร.ต.อ.เฉลิม จะไม่ทิ้งพรรคเพื่อไทยออกไปตั้งพรรคใหม่แน่นอน เพราะท่านมีเหตุผลและหวังดีกับพรรค จึงเสนอแนวทางเพื่อปรับปรุงพรรค

หากมีการรับฟังกันทั้งสองฝ่าย ไม่มีอะไรต้องกังวล



ไพจิต ศรีวรขาน

ส.ส.นครพนม

แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา

ข้อเสนอของร.ต.อ. เฉลิม เรื่องการชู พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นจุดขายนั้น ผมเห็นด้วยและไม่มี ส.ส.อีสานคนไหนที่จะไม่เห็นด้วย

ส่วนอีก 2 ข้อเสนอที่เหลือ โดยเฉพาะการแบ่งโซนกทม. ควรไปถาม ส.ส.กทม. เราจะไม่เข้าไป ก้าวล่วง เพราะแต่ละภาคจะมีการแบ่งการจราจรของเขา

เรื่องที่เกิดขึ้นทุกฝ่ายควรรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน ผู้เสนอก็ควรรับฟังความคิดเห็นของส.ส.และสมาชิกพรรค ขณะที่ส.ส.เองก็ต้องรับฟังเสียงของผู้เสนอเช่นเดียวกัน

เพราะเราอยู่กันแบบครอบครัว เมื่อมีอะไรก็ต้องพูดคุยซึ่งกันและกัน สิ่งใดที่รอมชอมผ่อนสั้นผ่อนยาวกันได้ ก็ควรต้องร่วมมือกัน

ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงสำคัญที่ต้องร่วมมือกันโดยเฉพาะเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ควรจับมือกันทำงานให้กับพรรค ไม่ควรมีเงื่อนไขอะไรมากดดัน เพื่อให้เกิดความระส่ำระส่ายขึ้นภายในพรรค ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนในที่ประชุมส.ส.

ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม ระบุหากภายใน 3 เดือนไม่ได้รับการตอบรับจากภายในพรรคเพื่อไทยจะลาออกไปตั้งพรรคใหม่นั้น

ปกติแล้วนักการเมืองจะไม่พูดว่าอยากได้อะไร หรือไม่อยากได้อะไร พอไม่ได้ดั่งใจแล้วออกมาพูด ไม่มีใครเขาทำกัน เป็นเรื่องไม่สร้างสรรค์ที่จะออกมาพูดให้เป็นเงื่อนไข สุดท้ายจะเกิดปัญหาขึ้นและเป็นการกดดันกันเอง

แต่กรณีนี้เป็นกรณีพิเศษและเป็นคนพิเศษ จึงมีการออกมาพูดเช่นนี้

ผมอยากย้ำว่าทุกคนเมื่อฟังกันแล้วปัญหาจะคลี่คลาย และมีทางออกได้แน่นอน