WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, July 13, 2011

เสียงครวญ "ฉายแสง" 19 ปี ไม่เคยสอบตกยกตระกูล Share42

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ





ว่าที่ ส.ส. 17 ตระกูล 38 คน ภายในพรรควิ่งวุ่นทวงสิทธิ-บำเหน็จรางวัล หลังจากกรำศึกในพื้นที่จนได้รับชัยชนะ

แต่ยังมีบางตระกูลที่พ่ายแพ้ให้แก่พรรคคู่แข่ง แม้ผลสำรวจ-คะแนนเสียงจะ "นอนกิน" มาตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

หนึ่ง ในนั้นคือตระกูล "ฉายแสง" เจ้าถิ่นจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่คว้าชัยมา ตั้งแต่รุ่นพ่อ "อนันต์ ฉายแสง" ซึ่ง ดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี

กระทั่งสืบสายเลือด ส่งไม้ผลัดต่อให้ลูกหญิง-ลูกชาย 3 คน "จาตุรนต์-

วุฒิพงศ์-ฐิติมา" ทำให้ตระกูล "ฉายแสง" ยังคงวนเวียนอยู่บนเวทีการเมืองตลอดมา

ครั้งนี้แม้พี่ชายคนโต "จาตุรนต์ ฉายแสง" ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี ตามก๊วนบ้านเลขที่ 111

แต่ยังมี "ฐิติมา-วุฒิพงศ์" ที่ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้งในจังหวัดฉะเชิงเทรา เขต 1 และ 4 ตามลำดับ

ด้วยบารมี-ผลงานที่สั่งสมกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่า ตระกูล "ฉายแสง" จะตกเก้าอี้ ส.ส.

พ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับคู่แข่งคนสำคัญ "พรรคประชาธิปัตย์" ทั้ง 2 เขต

บรรทัด ต่อจากนี้ คือความในใจของ "ฐิติมา ฉายแสง" ที่เปิดเผยผ่านสายโทรศัพท์กับนักข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความลับ-หมัดเด็ด ที่คู่แข่งยิงตรง ล้มยักษ์ตระกูล "ฉายแสง" ได้สำเร็จ

"เรา แพ้ยกตระกูลในรอบ 19 ปี ทุกครั้งที่สมัครรับเลือกตั้ง อย่างส่ง 2 คน อาจจะมีตกบ้าง ได้บ้าง แต่ที่ผ่านมา มีเพียงปี 2535 และครั้งนี้เท่านั้น ที่ไม่มีคนนามสกุลฉายแสงอยู่ในเก้าอี้ ส.ส."

"ปี 2535 คุณพ่อ (อนันต์ ฉายแสง) ซึ่งลงสมัครด้วย แต่ไปช่วยหาเสียงในเขตพี่อ๋อย (จาตุรนต์ ฉายแสง) จนเกิดความประมาท เสียเก้าอี้ให้กับคนอื่น"

เธอบอกว่า "โพลลับ" ก่อนวันเลือกตั้งแค่ 1 วัน ชี้ชัดว่า มีคะแนนนิยมถึง 75% ขณะที่คู่แข่งมีเพียงแค่ 25% แต่ผลลัพธ์ออกมากลับพลิกล็อกสวนทาง

"ครั้งนี้ต้องพูดว่าแพ้เพราะซื้อเสียง แพ้เพราะความไม่ยุติธรรมตามกติกาการเลือกตั้ง"

ปัจจัยแรกที่ทำให้ตระกูล "ฉายแสง" แพ้ เพราะถูกอิทธิพลใหญ่จากเครือข่ายพ่อค้ายาต้องห้ามสกัดดาวรุ่ง

เธอ บอกว่า "จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นถิ่นอิทธิพลใหญ่ของพ่อค้า จากอดีตที่เคยเป็นแค่เส้นทางการค้า พัฒนาสู่การเป็นคลังกักเก็บ กระทั่งปัจจุบัน กลายเป็นฐานการผลิตรายใหญ่ในประเทศไทย"

"ในเขตของดิฉัน มีคนเขาว่าพ่อค้าขนเงิน ขนคน มาเล่นงานอย่างเต็มที่ในการเลือกตั้งครั้งนี้"

เธอ ยืนยันคำพูดด้วยข้อมูลที่ได้รับจากเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้ง (แอมเฟล) ว่า การซื้อเสียงครั้งนี้ อาศัย "ยา" แทนการใช้เงินสด จึงทำให้ผลประโยชน์ของนักการเมือง-พ่อค้า เอื้ออำนวยซึ่งกันและกัน

ปัจจัยที่สอง มาจากการซื้อสิทธิ-ขายเสียงผ่านเงินสดด้วยวิธีการที่แยบยล

"เดี๋ยว นี้การซื้อเสียงมีกระบวนการที่แยบยลมากขึ้น ให้ชาวบ้านธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียงเป็นหัวคะแนนรายย่อย ชนิดที่เรียกว่าดูแลเพียงแค่ 10-15 คน แล้วค่อยรวมกันเป็นเครือข่าย เรียกได้ว่าซื้อเสียงแบบแชร์ลูกโซ่"

"วิธีการซื้อเสียงเหล่านี้ก็ เพิ่งทราบหลังรู้ผลการเลือกตั้ง คืนวันเลือกตั้งเราหมดแรงแล้ว เรารู้ว่าเราแพ้ แต่มีชาวบ้านเดินถือใบแจ้งความมาให้อ่าน มีเนื้อหาสารภาพว่า ได้รับเงินจากนาย ก. มาจริงเพื่อทุจริตการเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน นาย ก. ในฐานะหัวคะแนนก็ไปสารภาพที่สถานีตำรวจ เพราะเห็นว่ายังไม่พ้น 7 วันหลังเลือกตั้ง จะถูกกัน ให้เป็นพลเมืองดีแทนผู้ต้องหา ปรากฏว่าวันนั้นวันเดียวเราได้หลักฐานเป็นใบแจ้งความทั้งผู้ซื้อผู้ขาย"

"บาง คนเคยประกาศว่าเป็นนัดล้างตา ต้องใช้เงินถล่มกันเพื่อเกณฑ์คนมาลงเลือกตั้ง ในเขต 1 ลงทุน 50 ล้านบาท ส่วนเขต 4 ของพี่ชาย ซึ่งคู่แข่งไม่ค่อย มีผลงานทางการเมืองต้องใช้เงินถึง 100 ล้านบาทในการเอาชนะเรา"

หมัด เด็ดที่เธอเชื่อว่าจะล้มคู่แข่งจนนำไปสู่การเลือกตั้งซ่อม ไม่ได้มีเพียง คำพูดจากปากพยานเท่านั้น แต่ยังมี "คลิปลับ" ที่เป็นบทสนทนาจากเจ้าตัวกับทีมงานของตนเอง

"ในบทสนทนาเขายอมรับว่า ได้มี การจัดเลี้ยงและสัญญาว่าจะให้ ขณะที่กฎหมายการเลือกตั้งระบุชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่ห้ามทำ ซึ่งเหตุการณ์นี้อยู่ในช่วงที่พรรคการเมืองสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงระบบเขต แต่มันก็ชัดเจนว่าพรรคไหนเบอร์อะไร แถมมี คำอุทานที่ว่า ตายแล้วยังไม่ได้ทำเรื่องนี้เรื่องนั้นเลย ถ้าไม่ทำเดี๋ยวจะผิดกฎหมาย"

สิ่งที่ "ฐิติมา ฉายแสง" เป็นห่วงมากที่สุด ไม่ใช่ข้อมูลจากหลักฐานไม่ชัด แต่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

"บาง ส่วนของการคัดค้านได้แจ้งเรื่องไปถึง กกต.จังหวัดตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. ซึ่งแนบเอกสารและข้อมูลไปหมดแล้ว โดยตามหลักการจะต้องถึงมือ กกต.ใหญ่ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งก็ไม่มั่นใจว่า ขณะนี้เขารับรู้เรื่องเหล่านี้แล้วหรือยัง เพราะหากรับรู้แล้ว ส.ส.ชุดแรกที่จะได้ การรับรองสิทธิจะต้องไม่มีชื่อของเขต 1 และ 4 จังหวัดฉะเชิงเทรา"

หาก ผลลัพธ์สุดท้ายการคัดค้านครั้งนี้จะไม่สำเร็จ แต่ตระกูล "ฉายแสง" อยู่เคียงข้าง "ทักษิณ ชินวัตร" มาตั้งแต่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เธอจึงเชื่อว่า ยังมีโอกาสได้เข้าไปทำงานในรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ 1"

"ท่าน ไม่เคยพูดกับเราโดยตรง แต่ทุกครั้งที่มีประชุมท่านมักจะพูดถึงเรา อย่างโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ ท่านก็ถามว่า เป็นไงบ้าง จะไปถึงฉะเชิงเทราแล้ว ดีใจไหม คนในพรรคเองก็ยังพูดแซวกัน ว่า จะเอากระทรวงไหนที่เป็นอย่างนี้เพราะผู้ใหญ่ทั้งหมดก็รู้ว่าเราทำงาน"

"หาก ไม่ได้เป็น ส.ส.เราก็ไม่ทวงสิทธิทวงเก้าอี้อะไร เราก็เกรงใจ เพราะมีคนต่อสู้ ทำงานในพื้นที่มาเยอะ แต่ทุกวันนี้ยังช่วยงานพรรคอยู่ คุณปู (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ก็เรียกเราเข้าประชุมทุกวัน ท่านให้ความสำคัญกับเราตลอด ซึ่ง ตอนนี้แม้จะยังไม่ได้เป็น ส.ส. ก็รับหน้าที่ดูแลนโยบายเรื่องสตรีให้พรรค"

เธอบอกว่าตำแหน่ง "รัฐมนตรี" อาจไกลเกินไปที่จะพูดถึงวันนี้ แต่ตำแหน่ง ที่ ส.ส.เป็นไม่ได้ตามกฎหมายอย่าง "เลขาฯ-ที่ปรึกษา" คงไม่ไกลเกินไป สำหรับเส้นทางการเมืองครั้งนี้

"แม้จะเป็นผู้หญิงเหมือนหัวหน้าพรรค แต่ตำแหน่งคู่คิดใกล้ชิดอย่างเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็ทำไม่ได้หรอก มีคนเก่งอีกเยอะ อย่างท่านนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ยังครบครันมากกว่า แต่ถ้าหากเป็นรองเลขาฯเราก็พอ ได้นะ"