ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด
หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา
พรรคประชาธิปัตย์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทันที เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ในวันนั้น และแถลงลาออกจากหัวหน้าพรรคในวันรุ่งขึ้น
ตามกระบวนการแล้ว ต้องจัดประชุมใหญ่ภายใน 90 วันเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่
แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็น่าจะนำไปสู่การไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย
เพราะค่อนข้างแน่นอนว่าคงจะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัย
มีกลุ่มนายกรณ์ จาติกวณิช นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และส.ส.กทม.ผลักดัน
จัดเต็มพากองเชียร์-แฟนคลับเฟซบุ๊กรวมตัวกันกรี๊ดเชียร์มาร์คกันสนั่น
ปลุกกระแสประชาธิปัตย์ต้องมีหัวหน้าชื่อ "อภิสิทธิ์"
ที่สำคัญ นายอภิสิทธิ์เองก็ไม่เคยปฏิเสธเรื่องนี้เลย !?
ฉะนั้น การแถลงลาออกก็คงเป็นแค่ละครการเมืองฉากหนึ่ง
แบบว่าแสดงสปิริตแล้วนะ รับผิดชอบแล้วที่ทำให้พรรคพ่ายแพ้
แต่การหวนกลับสู่เก้าอี้หัวหน้าพรรคใช่ว่าจะราบรื่น
เพราะกลุ่มส.ส.ภาคใต้เริ่มตั้งท่า ไม่เอานายอภิสิทธิ์แล้ว
มีข่าวว่าส.ส.สายนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ไม่พอใจที่นายอภิสิทธิ์ทำพรรคแพ้ยับเยิน
เพราะประเมินสถานการณ์ผิดพลาด รีบร้อนยุบสภา
มีที่ไหนเป็นรัฐบาลแท้ๆ กลับไม่ชนะการเลือกตั้ง
ก็ต้องจับตาดูว่ากระแสส.ส.กทม.ที่คราวนี้ผลงานตกต่ำ ได้ส.ส.น้อยกว่าปี 50
กับส.ส.ภาคใต้ที่ยังเหนียวแน่น แถมได้เสียงเพิ่มใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ใครจะเสียงดังกว่ากันในการโหวตหัวหน้าพรรคคนใหม่ !
วกไปที่ตัวนายอภิสิทธิ์เอง ลึกๆ แล้วก็คงอยากกลับสู่เก้าอี้หัวหน้าพรรค
เพราะเวลาจากนี้ไปต้องเผชิญชะตากรรมที่ถูกฟ้องร้องคดี 91 ศพ
ฐานะผู้นำฝ่ายค้านก็คงมีศักดิ์มีศรีดีกว่าเป็นส.ส.ธรรมดาๆ
และอาจเล็งผลถึงอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งไม่มีอะไรที่แน่นอน
เผื่อว่ารัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ 1" เกิดไม่รอด
อย่ามีเรื่องเหลือเชื่อดันคดี "ซุกหุ้น-ผัดหมี่" จนนำไปสู่การยุบพรรคภาค 3 ขึ้นมาจริงๆ
ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่นายอภิสิทธิ์จะหวนคืนสู่อำนาจอีกครั้ง
บทเรียนพรรคพลังประชาชนมีอยู่
ใครจะไปรู้ อาจจะวนกลับไปจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร
มี "มือที่มองไม่เห็น" ชักใยอยู่อีกก็เป็นได้ !?