ที่มา ประชาไท
วัน ที่ 15 ก.ค. 2554 นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีลักษณ์ นายอำเภอกันทรลักษณ์ หนุนแนวทางอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านฉันมิตร พ.อ.ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจที่หนึ่ง กองกำลังสุรนารี ยันทหารไทย-กัมพูชายังมีความสัมพันธ์ที่ดี แต่ต้องปฏิบัติตามนโยบายรัฐเพราะทหารเป็นเครื่องมือของรัฐ
โดยนาย เพิ่มศักดิ์กล่าวในการเปิดเสวนา “ชายแดนไทย-กัมพูชา นโยบายจากรากหญ้าถึงรัฐบาลใหม่” ว่า ไทยไม่ได้อยู่เพียงคนเดียวหรือประเทศเดียวในภูมิภาคนี้ แต่เป็นส่วนหนึ่งของอาเซียน และมีวิถีชีวิต มีควาสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ สังคมการเมืองกับเพื่อนบ้าน ซึ่งแม้จะมีโอกาสกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่การดำรงชีวิตยังคงเป็นไปอย่างปกติ
“กันทรลักษณ์เป็นอำเภอชายแดน ที่ติดกับกัมพูชา มี 46 หมู่บ้าน 4 ตำบล พื้นที่นี้น่าจะเป็นอนุภูมิภาค เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่แบ่งแยกไทยกัมพูชา แต่ความเปลี่ยนแปลงทำให้แยกเป็นไทย กัมพูชา เวียดนาม ลาว เพื่อการบริหารบ้านมือง แต่ในวัฒนธรรมประเพณี เรายังเกาะเกี่ยวกันอยู่ และแม้ว่าเราเป็นชาวภูมิซรอล เสาธงชัย หรือกันทรลักษณ์ ทำมาหากิน ไหนอยู่ที่ไหนเราก็ยังรักดินแดน และเราก็ต้องไปมาหาสู่กับเพื่อนบ้าน”
นาย อำเภอกันรทรลักษณ์กล่าวว่า แม้จะมีความขัดแย้งที่ยังไม่ได้ขอยุติแต่ประชาชนในพื้นที่ก็ยังต้องดำเนิน ชีวิตอยู่ที่นี่ และหวังว่า การได้มาสะท้อนความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่น่าจะเกิดประโชน์ที่จะได้เสนอแนวคิด มุมมองให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวของ อย่างน้อยให้เห็นว่าไทยและกัมพูชาจะอยู่กันแบบไหน
ด้าน พ.อ.ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจที่หนึ่ง กองกำลังสุรนารี เชื่อว่าการพูดคุยจะได้นำเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวของให้เป็นไปตามความ ต้องการของพี่น้องประชาชน ให้ประชาชนได้อยู่อย่างอบอุ่น ปลอดภัย ดำรงชีวิตของตนเองอย่างสงบสุข โดยหน่วยทหารที่เข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่ เป็นหน่วยจากกองกำลังสุรนารี เข้ามาดูแลพื้นที่โดยมุ่งเน้นการดำเนินการร่วมกัน ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมดำเนินการ ร่วมแก้ปัญหา ร่วมติดตามประเมินผล และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งทางฝ่ายพลเรือน นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและพี่น้องประชาชน
“ความรู้สึกที่ดีต่อกันเรามีด้วยกัน แต่เนื่องจากความขัดแย่งชายแดนทำให้มีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน อย่างไรทหารก็จะอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนตลอดมา เราก็มีการวางแผนเตรียมความพร้อม พบปะพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ล่อแหลม รับฟังปัญหาความเดือดร้อน รับฟังเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีคยวามปลอดภัยมากที่สุด และได้ชี้แจงให้พี่น้องได้เข้าใจ”
พ.อ.ธวัชชัยกล่าวด้วยว่า จากการที่ทหารทหารเข้าไปในพื้นที่ พบปะพูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชน ขณะนี้หน่วยเฝ้าระวังสามารถติดตามและควบคุมสถานการณ์ได้ หากมีข่าวลือใดๆ ก็จะไม่ให้ประชาชนตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใด และถือว่าทหารที่อยู่เขตประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน ก็เป็นเพื่อนบ้านกัน ดังนั้นที่ผ่านมา ทหารพยายามแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ก่อนในระดับหน่วยงาน จากนั้นค่อยแก้ไขในระดับสูงขึ้นไป
“การปฏิบัติงานทุกวันนี้ ขอยืนยันว่าหน่วยงานทหารระหว่างไทยกับกัมพูชาเรายังมีความสัมพันธ์กัน ยังพบปะพูดคุย เพื่อลดความหวาดระแวง และลดการใช้อาวุธ แต่อย่างไรก็ตาม เราทหารทั้งสองประเทศ เราเป็นเครื่องมือของรัฐบาล หากรัฐบาลมอบหมายหน้าที่ให้เราปฏิบัติหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งเราก็ต้อง ปฏิบัติตามสายการบังคับบัญชา” พ.อ.ธวัชชัยกล่าว
การเสวนา “ชายแดนไทย-กัมพูชา นโยบายจากรากหญ้าถึงรัฐบาลใหม่” จัดโดยมูลนิธิศักยภาพชุมชน ในวันที่ 15 ก.ค. 2554 ที่ ร.ร. ภูมิซรอล (ประถมศึกษา) หมู่บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ โดยมีประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 200 คน