ที่มา ประชาไท
นาวา อากาศตรี ชนินทร์ (ขอสงวนนามสกุล) นายทหารคนแรกที่ถูกตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขึ้นให้การต่อศาลทหารแล้วในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (14 ก.ค.54) ภายหลังจากที่ผู้บัญชาการทหารอากาศได้ตั้งข้อกล่าวหานาวาอากาศ ตรีชนินทร์ หัวหน้าฝ่ายกรมช่างทหารอากาศ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2553
นาวา อากาศตรีชนินทร์ ถูกตั้งข้อกล่าวหาละเมิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กฎหมายอาญามาตรา 112 และอีกหลายมาตราด้วยกัน เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พยานฝ่ายโจทก์คนแรกที่ถูกเบิกตัวโดยอัยการทหาร คือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุญาตโดยกองทัพอากาศไทย ทำการยื่นฟ้องนาวาอากาศตรีชนินทร์ และศาลทหารได้นัดหมายอีกครั้งในวันที่ 14 กันยายน
นาวาอากาศตรีชนินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสท์ หลังจากเข้ารับฟังการพิจารณาคดีแบบปิดลับว่า มันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายที่เขาได้ถูกตั้งข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงขนาด นี้โดยพิจารณาจากข้อความที่ตัด แปะ ลงในหน้าเฟสบุ๊ก
ข้อความที่ ถูกกล่าวหานั้นยังรวมไปถึง ข้อความที่ถูกโพสต์ ในเดือนกันยายน และตุลาคม 2553 จากการเขียนแสดงความคิดเห็นต่อละครที่ออกอากาศทางช่อง 5 “ชิงชัง” และบทเพลงเพื่อชีวิต “ถั่งโถม”
“ผมกล่าวอ้างถึงความเป็นเผด็จการของ พ่อในละครซึ่งนำไปสู่ปัญหาต่างๆใน ครอบครัวเพลงถั่งโถมเป็นเพลงที่หาฟังได้ทั่วไปตามท้องตลอด แต่เขากล่าวหาว่าผมหมายความถึงอย่างอื่น ซึ่งมันแปลกประหลาดมาก” นาวาอากาศตรีชนินทร์กล่าว
บิดาของผู้ต้องหา ข้าราชการตำรวจเกษียณ อายุ 63 ปี ได้เดินทางมาจากจังหวัดเพชรบุรีอีกครั้ง เพื่อมาประกันตัวลูกชาย หลังจากที่เคยมาประกันตัวแล้วหนหนึ่งหลังจากที่เขาได้เข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนปีที่แล้ว
บิดาของผู้ต้องหาผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เปิดเผยว่า “เรามาจากครอบครัวผู้รับใช้ประชาชน เขาไม่เคยโกหกผม ถ้าเขาทำผิดต่อสถาบันฯจริง ผมคงไม่ต้องวุ่นวายประกันตัวเขาหรอก เขาสมควรได้รับโทษไปแล้ว” ทั้งนี้บิดาของนาวาตรียังได้สอบถามจากหลายๆคน รวมไปถึงพี่สาวของนาวาตรีชนินทร์ด้วยว่า สิ่งที่ลูกชายเขียนไปมีจุดมุ่งหมายอย่างนั้นจริงๆหรือไม่ ซึ่งพี่สาวของนาวาตรีตอบว่าไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย
“ผมไม่มีความ สันทัดในสังคมออนไลน์ แต่เพื่อนในเฟสบุ๊กของนาวาตรีชนินทร์ที่มาให้กำลังใจในวันที่เขามอบตัวใน เดือนพฤศจิการยน ต่างพูดว่านาวาตรีชนินทร์ไม่ได้โพสต์ข้อความที่เป็นปฎิปักษ์ต่อสถาบันเบื้อง สูงดังข้อกล่าวหา” บิดาของนาวาตรีกล่าว
นาวาตรีชนินทร์ถูกพักราชการ ในวันที่ 12 เมษายนปีนี้ บิดาของเขากล่าวว่า เขาและภรรยา รู้สึกเป็นห่วงในชะตากรรมของลูกชายมาก “มันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าเป็นคดีฆาตกรรม เพราะคดีนี้มีความร้ายแรงกว่า ถ้าเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง มันจะเป็นเรื่องที่น่าเกลียดมากในการใส่ความกัน”
ทางด้านนาวาอากาศ ตรีชนินทร์กล่าวว่า เขารู้สึกว่ามันเป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอยมาก เนื่องจากเป็นการนำข้อความของเขามาปะติดปะต่อกันในช่วงเวลาที่ต่างกรรมต่าง วาระ
“ผมอยากให้การพิจารณาสอบสวนเป็นการพิจารณาที่เปิดสู่สาธารณะ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่ทราบเลยว่าพวกเขานำสิ่งที่ผมโพสต์4ครั้ง ที่แตกต่างกันมากล่าวหาผม” นาวาตรีชนินทร์กล่าว
คดีของนาวาอากาศตรี ชนินทร์ นับเป็นคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพคดีแรก ที่ถูกนำมาใช้กับข้าราชการทหาร ซึ่งโดยปกติแล้ว ศาลทหารจะมีการเปิดการพิจารณาคดีอย่างเป็นสาธารณะ แต่ในกรณีนี้ถูกสั่งให้มีการพิจารณาแบบปิดลับ
อีกคดีที่มีการพิจารณา แบบปิดลับคือกรณีของ ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ “ดา ตอปิโด” เมื่อครั้งการพิจารณาคดีของดารณี มีการพิจารคดีแบบปิด โดยการอ้างว่าเพื่อความมั่นคงของชาติ แต่ในปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในเดือนกุมภาพันธ์ว่าการสอบสวนแบบปิด ในกรณีของดารณีเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้รับการประกันตัวแต่อย่างใดและกระบวนการพิจารณาก็ยัง ยืดเยื้อต่อไปขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเธอ
จำนวนคดีความที่เกี่ยวข้อง กับการหมิ่นประมาทสถาบันกษัตริย์ และการละเมิดพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ทำให้ดัชนีเสรีภาพสื่อในประเทศลดลงจากลำดับ 107 ในปี 2548 มาเป็น 153 ในปีที่แล้ว จากการจัดลำดับขององค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporters without Borders)
ที่มาข่าว แปลจาก Achara Ashayagachat. Sqn Ldr's lese majeste trial begins. 14/07/54
http://www.bangkokpost.com/breakingnews/247065/chanin-lese-majeste-case-begins