WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, July 16, 2011

ปวดตับกับนายทุนห้าร้อย

ที่มา Thai E-News

การ ขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำของรัฐบาลเพื่อไทยนั้น มาเป็นแพ็กเก็จคู่กับการลดภาษีกำไรธุรกิจจาก 30%ลงมาที่ 23% พูดง่ายๆว่ากำไรดีขึ้น เถ้าแก่ก็นำผลกำไรที่ไม่ต้องจ่ายภาษีนั่นเองมาจ่ายค่าจ้างลูกน้องให้สูงขึ้น สุดท้ายก็WIN-WINด้วยกันทั้งนายจ้าง-ลูกจ้างแต่ที่โดนต้านซะเยอะก็เพราะถึง จะลดภาษีลงมาเท่าไหร่ก็ช่าง นายทุนหน้าเลือดพวกที่มันหลบภาษีโกงประเทศชาติซะจนเป็นสันดานทำความเสียหาย ให้บ้านเมืองยิ่งกว่าพวกโจร500ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
16 กรกฎาคม 2554

การ ก่อกระแสต้านนโยบายขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท ของสภาหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมนั้น ที่ไทยอีนิวส์ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ว่าอาจมีมูลเหตุจูงใจทางด้านการเมือง มากกว่าเหตุผลที่แท้จริงทางด้านธุรกิจ(ดูรายงานข่าวเรื่อง :เบื้องหลังการกวนตีนจากสภาหอการค้า-การต่อต้านค่าแรง300จากสภาอุตฯ องค์กรซ่อนเงื่อนของใคร..? ) ก็เนื่องจากว่ามีการก่อกระแสการโจมตีด้านเดียว

ไม่ มีการพิจารณาแบบองค์รวม นายทุนไทยในสภาหอฯ-สภาอุตฯยังมีมิติไม่ต่างไปจากตอนเริ่มแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับแรกเมื่อ 54 ปีที่แล้วคืออาศัยแรงงานราคาถูก เป็นปัจจัยสำคัญชี้ขาดในการแข่งขัน แม้จะเต็มไปด้วยปัญหาการกระจายรายได้ และการกดขี่ผู้ใช้แรงงาน

ที่สำคัญ 54 ปีมานี้รวยกระจุกกันอยู่ที่ตระกูล จนกระจายไปทั่วหล้า เอะอะก็โยนขี้ให้คนจนกรรมกรยอมเสียสละเรื่อยมา อ้างว่าเพื่อให้ทุนไทยแข่งขันได้...ฟังแล้วปวดตับ!

และหากพิจารณา อย่างเป็นธรรมแล้ว เรื่องการขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำของว่าที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้นมาเป็น แพ็กเก็จคู่กับการลดภาษีกำไรธุรกิจจาก 30%ลงมาที่23% พูดง่ายๆว่ากำไรดีขึ้น ก็นำผลกำไรนั่นเองมาจ่ายค่าจ้างที่สูงขึ้น สุดท้ายก็WIN-WINด้วยกันทั้งนายทุนและกรรมกร

ประเทศที่แข่งขันได้ หรือเจริญแล้วจะจ่ายภาษีไม่สูง อย่างสิงค์โปร์เก็บภาษีนิติบุคคล 18 % ในย่านอาเซียนมีฟิลิปปินส์กับไทยเก็บ 30 % โดยรัฐบาลเพื่อไทยจะปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30 เหลือ 23 % ในปี พ.ศ. 2555 และเหลือเพียง 20 %ในปี พ.ศ. 2556 เพื่อให้บริษัทต่างๆนำเงินกำไรที่สูงขึ้นนั้น ไปขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำของผู้ที่จบปริญญาตรีเป็น 15,000 บาท แรงงานขั้นต่ำของกรรมกรเเริ่มที่ 300 บาทต่อวัน

การลดภาษีและเพิ่ม รายได้ประชาชนจะทำให้มีกำลังเงินมากขึ้น มีกำลังซื้อสูงขึ้น ในที่สุดก็จะเก็บภาษีได้มากขึ้น เป็นหลัก "เก็บน้อยเพื่อได้มาก" เพราะเก็บมากก็เจอพวกหลบภาษีเพียบ

หลังจบการเลือกตั้งเมื่อ 3 กรกฎาคมนั้น เมื่อวันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทะยานสูงขึ้น 50 จุด ในวันนั้นนักลงทุนต่างประเทศซื้อหุ้นไทยสุทธิ 10,000 ล้านบาท มากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับแต่ก่อตั้งตลาดหุ้ยไทยมา 36 ปี เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศมองในทางบวกว่านโยบายลดภาษีดังกล่าว จะส่งผลให้กำไรของบริษัทในตลาดหุ้นไทยสูงขึ้นโดยเฉลี่ย6.1%ทั้งนี้จากรายงาน บทวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์โนมูระซิเคียวริตี้

ลองดูตารางด้านล่าง นี้ ช่องแรก เป็นชื่อย่อหุ้นของบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นไทย ช่องที่สองเป็นการประมาณการณ์ว่าบริษัทไหนจะกำไรดีขึ้นเท่าไหร่หลังนำโยบาย นี้มาใช้ ช่องที่สามเป็นอัตราภาษีที่จ่ายกันอยู่ในเวลานี้ ช่องสุดท้ายเป็นอัตราส่วนของราคาต่อกำไร




เป็น ต้นว่าเดิมSCB หรือธนาคารไทยพาณิชย์เคยจ่ายภาษีกำไรธุรกิจอยู่เกือบ30%เต็มเพดาน แต่เมื่อนำนโยบายนี้มาใช้ คาดว่าจะทำให้กำไรสูงขึ้น8.8% หรือBEC(โทรทัศน์ช่อง3)เคยจ่ายเต็มเพดาน30% หากลดลงมาก็จะกำไรสูงขึ้น10.3% เป็นต้น

ภาษีเงินได้ที่จะลดลง ถ้าเอาไปขึ้นเงินเดือนให้พนักงานทั้งหมด พนักงานปูนซิเมนต์ได้คนละเท่าใด



ข้างบนนี้คุณNirvanaเขียนลงกระทู้ประชาทอล์ก ว่า ภาษีเงินได้ที่จะลดลง ถ้านำมาจ่ายเพิ่มเงินเดือนให้พนักงานทั้งหมด พนักงานของบริษัทซิเมนต์ไทย จะได้เพิ่มเงินเดือนคนละประมาณ 97,000 บาทต่อปีพนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์จะได้เพิ่มเงินเดือนคนละประมาณ 115,000 บาทต่อปี

ถ้าทุกบริษัททำเช่นนี้ได้เงินก็จะสะพัดน่าดู แต่ย้ำว่านี่เป็นแค่การสมมุติ แต่ที่นำมาเปรียบเทียบแบบนี้ก็เพื่อจะบอกว่า การเริ่มค่าจ้างปริญญาตรีหมื่นห้า กรรมกรรายวันสามร้อย ก็เอามาจากกำไรที่สูงขึ้นนี่แหละ




*****
อย่าง ไรก็ดีคนที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรก็มี คือพวกบริษัททำกิจการด้านการส่งออก ที่ผ่านมาก็แทบไม่มีรายใดเสียภาษีเต็ม30% เพราะได้รับสิทธิพิเศษส่งเสริมการลงทุนจากBOIโปรโมชั่นลดแหลแจกแถมภาษี สารพัดอยู่แล้ว ขณะที่ต้องจ่ายค่าแรงขั้นต่ำสูงขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำให้ได้ประโยชน์ทุกฝ่ายแบบWIN-WINกันต่อ ไป

สุดท้ายที่เสียประโยชน์แน่ๆคือไอ้พวกนายทุนที่ไม่เคยจ่ายภาษี เข้า รัฐเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำบัญชี2บัญชี3ทำกำไรให้ขาดทุน กำไรมากมายก็โชว์กำไรนิดเดียว ตั้งบริษัทในเครือยุบยับไปหมดเพื่อหมกเม็ดไม่ต้องจ่ายภาษี หากนึกไม่ออกก็เช่น เครือธุรกิจใหญ่โตที่ออกมาโวยวายเป็นเจ้าแรกว่าขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ300จะเป็น จะตายนั่นแหละ พวกนี้เขาเรียกว่าจัญไรไฟไหม้ เมื่อวานเลนโดนไหม้ให้คนเขาสมน้ำหน้าไปแล้ว เพราะอยากทำตัวเป็นนายทุนหน้าเลือดที่ดีแต่เลียอำมาตย์ จนถูกบอยคอตขนานใหญ่

บริษัท พวกนี้ถึงพรรคเพื่อไทยจะลดภาษีลงมาแค่ไหน มันก็ไม่เคยได้ประโยชน์ เพราะมันหลบภาษีเป็นอาชีพ แล้วอ้างหน้าตายว่าเป็นการจัดการทางภาษี หรือTAX MANAGEMENTนั่นเอง แต่พอจะเอากำไรที่เม้มรัฐ เอารัดเอาเปรียบสังคมมาเพื่มค่าจ้างให้ลูกจ้างก็ต่อต้านกันจะเป็นจะตาย

เพราะลดลงมายังไงมันก็ไม่ได้อะไร เพราะมันหลบเลี่ยงซะเคยตัวจนเป็นสันดาน

*********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง

ไทยอีนิวส์:เบื้องหลังการกวนตีนจากสภาหอการค้า-การต่อต้านค่าแรง300จากสภาอุตฯ องค์กรซ่อนเงื่อนของใคร..?

-ASTVผู้จัดการออนไลน์:เว็บเสื้อแดงโวยจะเอาค่าแรง 300 บาท โยงมั่วหอการค้า-สภาอุตฯ ค้านเพราะ “อำมาตย์” ไม่ให้ขึ้น

-หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ ฉบับวันที่ 14 กรกฎาคม 54:เสื้อแดงมั่วดึงอำมาตย์เอี่ยว สกัดค่าแรง300 เอกชนถล่มเอสเอ็มอีสูญพันธุ์

-ถึงASTVผู้จัดการ:เห็นฝีมือลูกน้องแล้วสงสารลูกพี่ลิ้ม