ที่มา ประชาไท
รายงาน ชีวิตอดีตนักโทษการเมืองเสื้อแดงเชียงใหม่โดนข้อหาวางเพลิงฯ กู้หนี้นอกระบบซื้ออิสรภาพ ก่อนศาลสั่งไม่ฟ้องเพราะหลักฐานไม่พอ สภาพปัจจุบันต้องอพยพทั้งครอบครัว หนีเจ้าหนี้ทวงโหด เป็นผลกระทบต่อเนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมือง
12 ก.ค.54 มีรายงานจากอาสาสมัครในพื้นที่เชียงใหม่ของศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผล กระทบกรณีสลายการชุมนุม เม.ย.-พ.ค.53 ( ศปช.) ว่า ได้พบตัวนายสายัณห์ แสงศิริ อดีตผู้ต้องขังคดีเสื้อแดงเชียงใหม่ พร้อมกระเป๋าสัมภาระพร้อมภรรยาและบุตรชายวัยสี่ขวบ ขณะกำลังจะเดินทางออกนอกเขตจังหวัด
นายสายัณห์เล่าว่า เดิมมีอาชีพเป็นคนขับรถสองแถวสี่ล้อแดงรับจ้างในตัวเมืองเชียงใหม่ เคยลงกรุงเทพไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงพร้อมกับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เมื่อเดือนมีนาคม 2553 แต่กลับบ้านก่อนเหตุสังหารหมู่ที่คอกวัว และไม่ได้ลงไปอีก เมื่อได้ข่าวว่ามีการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์อีกก็เกิดความคับแค้นใจ จึงได้ออกจากบ้านพร้อมลูกเมียมาชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรมที่บริเวณหน้า จวนผู้ว่าตรงสะพานนวรัฐร่วมกับผู้ชุมนุมอีกหลายร้อยคน แต่ต่อมาในวันที่ 23 พฤษภาคม 2553 ตนได้ถูกจับกุมโดยเจ้าพนักงานตำรวจ โดยผู้จับกุมอ้างหมายจับลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 แจ้งข้อกล่าวหาว่า "ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป และวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนของผู้อื่น ร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปหรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบ ร้อย" รวมทั้งสิ้นสี่ข้อหา โดยตำรวจอ้างหลักฐานเป็นภาพถ่ายยางรถยนต์บนรถสี่ล้อแดงของตน ในชั้นสอบสวนได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
สายัณห์ถูกควบคุมตัวอยู่ ที่กองกำกับการตำรวจภูธรเชียงใหม่เป็นเวลา 4 วัน ก่อนจะถูกส่งตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ ภรรยาได้ยื่นประกันด้วยการ “ซื้อ” หลักทรัพย์ในอัตรา 10 บาทต่อ 100 บาทตามวงเงิน 500,000 บาท โดยต้องกู้ยืมเงินค่าเช่ามาจากแหล่งเงินกู้นอกระบบเป็นจำนวนเงินต้น 50,000 บาท และหัก “ค่าดำเนินการ” อีก 10,600 บาท จนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในวันที่ 4 มิถุนายน 2553 แต่ภายหลังพนักงานอัยการไม่ได้สั่งฟ้องคดีนี้เมื่อวันครบกำหนดฝากขังเนื่อง จากหลักฐานไม่เพียงพอ เป็นผลให้คดีสิ้นสุดลงในวันที่ 18 สิงหาคม 2553
แม้ จะไม่ได้ตกเป็นจำเลยตามกฎหมายอาญา แต่สายัณห์ก็ยังต้องยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์สี่ล้อแดงซึ่งถูกยึดเป็นของกลางไป ตั้งแต่วันที่ถูกจับ จนกระทั่งอัยการมีคำสั่งให้คืนในวันที่ 14 มกราคม 2554 และกว่าจะเสร็จขั้นตอนการคืนก็กินเวลารวมกว่า 9 เดือน ทำให้นายสายัณห์ไม่มีรถขับรับจ้าง ต้องอาศัยรายได้จากภรรยาที่ขายอาหาร และขายเสื้อผ้าตามตลาดนัดในบางวัน จากดอกเบี้ยจากเงินกู้นอกระบบร้อยละยี่สิบ ระยะเวลา1ปีเศษ ยอดหนี้เงินกู้นอกระบบพุ่งเป็น 150,000 บาท รถสี่ล้อแดงที่ได้คืนมาก็ถูกยึดตีใช้หนี้ในราคาเพียง 30,000 บาท ทั้งยังต้องผ่อนค่ารถคันดังกล่าวกับสหกรณ์ต่อไปอีก ทำให้ต้องติดป้ายขายบ้านที่อยู่อาศัยที่อำเภอสารภี และระหกระเหินออกมาทั้งครอบครัวในทันที ในขณะที่โรงเรียนก็ทวงค่าเทอมแม้บุตรชายกำลังจะสอบปลายภาคชั้นอนุบาล 2 ก็ต้องออกจากโรงเรียนด้วย เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยเนื่องจากเจ้าหนี้ขู่ว่าจะมาดักรอที่หน้าโรงเรียนลูก
อดีตนักโทษการเมืองรายนี้แม้จะโชคดีกว่าผู้ต้องขังเสื้อแดงอื่นที่ได้ ประกันตัวและอัยการไม่ฟ้องคดี แต่ก็เท่ากับต้องเสียเงินซื้อหลักทรัพย์ประกันตัวไปอย่างไม่ควรต้องเสีย ตกเป็นภาระหนี้สินจนกระทบทั้งครอบครัว อันเนื่องมาจากความบกพร่องของกระบวนการยุติธรรม และยังไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดๆ ทั้งสิ้น
สายัณห์และ ครอบครัวกำลังจะออกเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อหางานหาเงิน อย่างไม่รู้ชะตากรรม เขากล่าวทิ้งท้ายว่า “เหลือเงินติดตัวอยู่ไม่ถึงพัน อยากปลดหนี้และได้รถคืนกลับมาทำมาหากินสุจริตเลี้ยงครอบครัวเหมือนเดิม..