ที่มา Thai E-News
ในวันนี้ แกนนำนปช.แถลงข่าว ขอให้คนเสื้อแดงและผู้ลงเสียงเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย 15 ล้านเสียง อยู่ในขั้นชาร์จแบตเตอรี่เตรียมพร้อมที่จะออกมายืนหยัดสิทธิธรรมที่ประชาชน ได้ออกเสียงให้พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล ให้ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ หากระบอบอำมาตย์ยังสมคบกับกกต.แขวนยิ่งลักษณ์กับแกนนำเสื้อแดงต่อไป โดยจะเฝ้าดูการประกาศรับรองรอบสองในว้นที่ 19 นี้ และสุดท้ายภายใน 3 สิงหาคม และได้ประกาศเลื่อนการฉลองชัยชนะในว้นที่ 17 เดือนนี้ออกไปก่อน
โดย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
เมื่อ ค่ำวานนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งประเทศไทย ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 358 ราย และยังไม่ประกาศรับรองผล 142 ราย เนื่องจากมีคำร้องคัดค้านเรื่องการกระทำผิดกฎ
โดยในจำนวนส.ส.ที่ยัง ไม่ได้รับการรับรองนั้นรวมถึงผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง 16ราย ประกอบด้วยแกนนำเสื้อแดงซึ่งได้รับการเลือกตั้งส.ส.ระบบจากบัญชีรายชื่อ นายกรัฐมนตรีรักษาการอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และว่าที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
โดยกกต.จะตรวจสอบคำร้องคัดค้านเหล่านี้ก่อนจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 19 กรกฎาคม
หลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้ โดยกลัวว่า จะเป็นการเริ่มต้นกระบวนการล้มผลการเลือกตั้งที่ใสสะอาด (อีกครั้ง)
โดย เมื่อสองเดือนที่แล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้ง นางสดศรี สัตยธรรมได้บอกกับสื่อมวลชนถึงเรื่องแผนการทำ “รัฐประหารเงียบ” ซึ่งจะนำไปสู่ “การแต่งตั้งรัฐบาลที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด”
นอก จากเรื่องความเป็นไปได้ที่จะมีการตัดสิทธิ์ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งจาก พรรคเพื่อที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุด ซึ่งอาจทำให้เกิดสถานการณ์ที่ว่าสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถเปิดประชุมได้ หากส.ส.น้อยกว่า 475 คน ได้รับการรับรอง สิ่งที่ตลกร้ายคือ ความยากลำบากใจของเราที่ตัดสินใจนับรวมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไว้ในรายชื่อส.ส.ที่ยังไม่ได้รับการรับรองด้วย หลังจากที่เขาเจ็บปวดจากการพ่ายแพ้เลือกตั้ง
จึงเป็นไปได้ว่ากลุ่ม อำมาตย์ไทยจะไม่มีปัญหาในการบูชายัญนายอภิสิทธิ์ ถ้าหากนั้นจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่พวกเขาจะสามารถกันไม่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ขึ้นดำรงตำแหน่ง (นายกรัฐมนตรี)
เราหวังว่า ความกังกลของเราจะเป็นแค่เรื่องเหลวไหล และการตัดสินใจของคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นเพียงสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความ ปรารถนาที่จะทำงานหนัก เพื่อตรวจสอบคำร้องคัดค้านที่มีต่อทุกฝ่าย
เรา ควรตระหนักด้วยว่า คณะกรรมการเลือกตั้งอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมหาศาลจากกลุ่มผู้มีอำนาจ อย่างเช่น กลุ่มผู้สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กำลังพยายามจะล้มผลการเลือกตั้ง
คณะกรรมการการเลือกตั้งอาจจะต้องใส่ ใจข้อเท็จจริงที่ว่าคณะกรรมการชุดก่อน ถูกจำคุกหลักจากการเลือกตั้งในปี 2549 เพราะล้มเหลวที่จะยอมรับแรงกดดันจากกลุ่มอำมาตย์
อย่างน้อยที่ สุด ข่าวล่าสุดแสดงให้เห็นว่า การเลือกตั้งยังไม่สิ้นสุด และเราต้องตื่นตัวถึงความเป็นไปได้ว่า เจตจำนงของประชาชนอาจจะถูกปฏิเสธอีกครั้ง แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่อะไรนอกไปจากความล่าช้าของกระบวนการ
แต่การ ตัดสินใจครั้งนี้ย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปใน ประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตย ผู้แทนที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนมักจะถูกอนุมานว่า มีสิทธิตามกฎหมายที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว
การตัดสิทธิเรื่อง คุณสมบัติควรจะมาหลังผลสรุปการพิจารณาคดี ไม่ใช่จากการตัดสินของฝ่ายบริหาร ตราบใดที่กฎเหล่านี้ไม่ได้รับการปฏิรูป จึงหลีกเลี่ยงที่จะตีความไม่ได้ว่า กฎเกณฑ์ดังกล่าวเป็นเครื่องมือคัดค้านที่ทรงประสิทธิภาพ
ที่กลุ่มอำมาตย์ใช้ต่อต้านผู้ลงสมัครที่พวกเขาไม่ยอมรับ