ที่มา Thai E-News
ทีม ข่าวไทยอีนิวส์ต้องขออภัยมิตรรักนักเขียนทั้งหลาย ที่ในช่วงปีใหม่ ทีมงานหลายคนติดภาระกิจ - ทั้งเรื่องเป็นเรื่องตาย และทั้งเรื่องครอบครัว - ทำให้การขึ้นข่าวสารต่างๆ อาจจะล่าช้าไปบ้าง แต่เราก็จะจะทยอยขึ้นข่าวต่างๆ ตามมาเรื่อยๆ
ขอ นำจดหมายเปิดผนึกของคุณดวงจำปาตั้งคำถามเรื่อง ICC ต่อคุณโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัม ซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับ ICC ซึ่งอาจจะเป็นข้อสงสัยร่วมของหลายๆ คน มาฝากทุกท่าน
6 มกราคม 2555
โดย Doungchampa Spencer
เขียนเมื่อ 1 มกราคม 2555
วันนี้ เป็นวันขึ้นปีใหม่ เป็นการเริ่มต้นของ ปี พ.ศ. 2555
ประการ แรก ก็ขออำนาจของคุณความดีอันประเสริฐ จงช่วยบันดาลและปกป้องให้ท่านผู้อ่านประสบความสุข สดชื่น สมหวัง คิดสิ่งใด จงสมปรารถนาในสิ่งเหล่านั้น
(ขอใช้คำว่า คุณความดี เพราะใช้ได้กับทุกๆ ศาสนาค่ะ)
หวนไปถึงปีที่แล้ว (พ.ศ. 2554) มีเหตุการณ์หนึ่งซึ้่งเป็นที่ประทับใจอยู่จนถึงทุกวันนี้
นั่นก็คือเหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554 (11 เดือนแล้วนะคะ ปลายเดือนนี้ก็ครบหนึ่งปีเต็ม)
จำได้ว่า มีการประกาศทางหน้าเวปว่า จะมีการถ่ายทอดวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ จากกรุงโตเกียว นำโดย คุณทนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม นั่นเอง
ดิฉันจำได้ว่า มี อาจารย์เสื้อแดงทั้งสามท่าน คือ คุณหวาน, คุณจา และ คุณตุ้ม ช่วยแปลข้อความต่างๆ ที่คุณ อัมสเตอร์ดัมได้กล่าวไว้
รวม ไปถึง punch line ที่กล่าวถึง การฟ้องคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะบุคคลที่มีสัญชาติอังกฤษ ซึ่งทำความตกตะลึงแบบประทับใจให้กับผู้ฟังทุกๆ ท่าน
คำแถลงการณ์ของคุณอัมสเตอร์ดัมอยู่ที่นี่: Press Release: International Justice for Thai Impunity ดิฉันหาคำแถลงการณ์เป็นภาษาไทยไม่ได้ ก็เลยทำการแปลจากภาษาอังกฤาเป็นภาษาไทยเอง และโพสต์ไว้ที่นี่ค่ะ:ใน เวลาช่วงเดียวนั้น (ปลายเดือนมกราคม ถึง ต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554) ท่านรองประธานศาลอาญาระหว่างประเทศ คือท่านผู้พิพากษาคาอูล ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อทำการปาถกฐาให้กับพี่น้องคนไทยได้ฟังกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหัวข้อเรื่อง ศาลอาญาระหว่างประเทศ – คุณสมบัติสำคัญ, สถานการณ์ในปัจจุบันและการท้าทายต่อปัญหา ข่าวนี้เป็นข่าวที่เงียบมากๆ จนกระทั่งคุณอัมเสตอร์ดัม ได้เขียนบทความว่า ให้ทางศาล ICC พิจารณาไม่ให้ท่านผู้พิพากษาคาอูลเข้ามาตัดสินในคดีที่ท่านได้ยื่นส่งไป เนื่องจากว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน จดหมายของคุณอัมสเตอร์ดัม เขียนส่งให้กับศาล ICC อยู่ที่นี่:คำร้องขอให้ตัดสิทธิ์ผู้พิพากษาฮันส์-ปีเตอร์ คาอูล (Hans-Peter Kaul)ในการพิจารณาคดีคนเสื้อแดง จดหมายของคุณอัมสเตอร์ดัม ส่งไปให้ท่านอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
การ ไฟล์เรื่องกับทางศาลอาญาระหว่างประเทศทั้งสองครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากการไฟล์เรื่องครั้งแรกโดยฝ่ายทีมงานของคุณอัมสเตอร์ดัม เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เรียกว่า รายงานเบื้องต้น ตามลิ้งค์ที่คุณอัมสเตอร์ดัมได้แถลงการณ์ไว้นะคะ Thailand, the ICC, and Crimes Against Humanity ตัวต้นฉบับนั้นเป็นภาษาอังกฤษ อยู่ที่นี่ค่ะ ชื่อว่า Preliminary Report into the Situation of the Kingdom of Thailand With Regard to the Commission of Crimes Against Humanity แปลเป็นภาษาไทยว่า สถานการณ์ของราชอาณาจักรไทยเกี่ยวกับการก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ
ดิฉัน ได้อ่านบทความและรายงานที่ทีมงานของคุณอัมเสตอร์ดัมได้ยื่นส่งให้กับศาลอาญา ระหว่างประเทศ เป็นรายงานที่มีการวิเคราะห์และอ้างอิงได้อย่างดีเยี่ยมในระดับโลกเลยที เดียว รายละเอียดต่างๆ ไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะมีความครบสมบูรณ์อยู่ในเนื้อหาและตัวของมันเองแล้ว
ถึง แม้ว่า รายงานฉบับนี้ จะเอาผิดได้แต่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแต่เพียงผู้เดียว (ในฐานะสัญชาติอังกฤษ ที่สหราชอาณาจักรเป็นรัฐภาคีในธรรมนูญอนุสัญญากรุงโรม) รายงานได้รวมไปถึงการฆาตกรรมพี่น้องประชาชนมือเปล่าอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งเข้าขอบเขตของคำว่า “อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ”
อย่าง ไรก็ตาม เวลาได้เนิ่นนานมาเกือบหนึ่งปีเต็ม (มากกว่า 4 เดือนถ้านับโดยการบริหารของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำ) รัฐบาลของประเทศไทย ก็คงยังไม่ได้กระทำอย่างหนึ่งอย่างใดเลย หลังจากที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้เลือกเข้ามาบริหารราชการบ้านเมือง นั่นก็คือ:
1. การยอมรับอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ ในเรื่องคดี 91 ศพ (เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณสุนัย จุลพงศธร ได้เข้าไปยื่น เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2549 แต่ ทางรัฐบาลไทยยังไม่ได้ยอมรับอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ) หรือ
2. การให้สัตยาบัน หรือ Ratification เพื่อเป็นรัฐภาคีกับศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต เพื่อผู้กระทำการเหล่านี้จะต้องถูกตัดสินภายใต้อำนาจของศาล ICCบทความวิเคราะห์อยู่ที่นี่ค่ะ: ประเทศไทย กับ ศาลอาญาระหว่างประเทศ
ทั้ง สองเรื่องนี้ รัฐบาลของประเทศไทยจะต้องยอมรับอำนาจของศาล ICC ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีการส่งเรื่องไปที่องค์กรใดๆ ก็ตาม (ดิฉันได้ข่าวมาว่า จะส่งให้ทาง United Nations หรือสหประชาชาติเข้าช่วย) แต่เราก็ต้องไม่มั่ว ถือถามตนเองว่า ใครหรือองค์กรใดที่จะเป็นผู้ตัดสินคดีล่ะ? คำตอบก็คือ ICC นั่นเอง สุดท้ายมันก็ตกมาถึงคำถามในเรื่อง อธิปไตยของประเทศอยู่ดีว่า ประเทศไทย มีความสามารถและมีความยินยอมที่จะตัดสินคดีแบบนี้หรือไม่ ก่อนที่จะนำ ICC เข้ามาพิจารณาคดี? ซึ่งทาง ICC เอง เขามีหลักการเรียกว่า การเสริมเขตอำนาจภายในประเทศอยู่แล้ว หรือที่ภ่าษาอังกฤษเรียกว่า Complementary
เมื่อกระบวนการตุลาการ ของประเทศไทย ต้องกระทำการตัดสินภายใต้พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มันก็เลยดูเหมือนว่า การตัดสินคดีต่างๆ (โดยเฉพาะเรื่องเหตุการณ์เมษายน และ พฤษภาคม พ.ศ. 2553) จะต้องได้รับการยินยอมจากพระองค์หรือเปล่า? ดิฉันไม่ทราบในเรื่องนี้ ก็แปลความตามความเข้าใจค่ะ (เพราะตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญนั้น พระองค์ท่านทรงเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยนั้น โดยทางรัฐสภา, คณะรัฐมนตรี และ ศาล) ดูไปแล้วมันก็เลยเหมือนกับว่า มันขัดหลักการกันในเรื่องการยอมรับอำนาจของศาล ICC แบบที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมเขาหยิบยกขึ้นมาอ้างกัน
ตามหลักการณ์จริงๆ แล้ว การยอมรับอำนาจศาล ICC สามารถทำได้โดยทางฝ่ายรัฐบาลไทยยินยอมเท่านั้น ในฐานะของการกระทำฝ่ายเดียวหรือ Unilateral Act แต่คงจะมีพวกอนุรักษ์นิยม พร้อมกับสื่อชั่วๆ ช่วยกันกระหน่ำ สร้างมาตรฐานใหม่ จนรัฐบาลไม่ยอมแตะเรื่องเหล่านี้อีก โดยอ้างถึงคำว่า “การทำแบบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์” เท่านั้นแหละ รัฐบาลก็สั่นเป็นลูกนกไปแล้ว รวมทั้งพวกหยิบยกอ้างนู้นอ้างนี้ เพื่อให้องค์กรที่สั่งได้กระทำการตีความว่า รัฐบาลกระทำผิดหลักการ ฯลฯด้วยเหตุผลหลายๆ ซึ่งเป็นขวากหนาม หรือ อุปสรรคอย่างที่กล่าวให้ท่านทั้งหลายได้ทราบมา เพราะ ฉะนั้น ดิฉันจึงมั่นใจว่า รัฐบาลไทยภายใต้การนำของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในปัจจุบัน จะไม่กระทำการในเรื่องหนึ่งเรื่องใดให้กับศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC อย่างเด็ดขาด โดยอ้างหลักการของรัฐธรรมนูญ และเป็นการก้าวก่ายพระราชอำนาจ รวมไปถึงการยอมให้อำนาจอธิปไตยของประเทศ ได้ถูกย่ำยีโดยกระบวนการจากต่างประเทศ (ฝ่ายอนุรักษ์นิยม และสื่อชั่วๆ คงจะอ้างเหตุผลได้มากกว่าดิฉันเป็นแน่ ตามที่กล่าวมาแล้ว) ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็น่าจะประกาศออกมาโดยตรงเลยนะคะ ไม่ต้องทำเป็นหน่อมแน้มในเรื่องนี้ เพราะประชาชนเขารู้ทันว่า พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการดำเนินการในนโยบายเรื่องนี้ (และสามารถอ้างได้เต็มปากว่า พรรคเพื่อไทย ไม่เคยให้คำมั่นสัญญากับประชาชนในเรื่องการลงสัตยาบันนี้แต่อย่างใดด้วย)
เรื่อง นี้ น่าจะเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองในอนาคต คงจะเข้าท่ากว่า แต่มันเหมือนกับว่า พูดอย่างทำอย่าง เพราะถ้าเลือกเข้าไปจริงๆ ก็คงกระทำไม่ได้อยู่ดี ตามเหตุผลที่กล่าวไว้แล้ว
----------------------ขอ วกกลับไปที่คุณอัมสเตอร์ดัมอีกครั้งหนึ่ง เพราะดิฉันอยากจะเปรียบเทียบบางสิ่งบางอย่างให้ท่านผู้อ่านได้คิดและได้ฟัง กัน (ขออ้างอิงก่อนว่า เรื่องนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคลคือตัวดิฉันเองแต่เพียงผู้เดียว ท่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่ แล้วแต่วิจารณญาณค่ะ)
เมื่อ วานนี้ (31 ธันวาคม 2554) เป็นวันสิ้นปี (ที่ USA เป็นวันทำงานธรรมดา ไม่ใช่วันหยุดทางการ) ดิฉันไปที่ US Postal Service (หรือ USPS) หรือเทียบเท่ากับไปรษณีย์ไทยนั่นแหละ เพื่อไปส่งพัสดุชิ้นหนึ่งให้กับคุณแม่ที่ แคนาดา โดยใช้ระบบของ USPS with Signature Confirmation คือการยืนยันว่าได้รับพัสดุด้วยลายเซ็นต์ เหมือนกับทาง EMS ที่ประเทศไทยใช้กัน ที่เราสามารถติดตามหรือ track ได้ว่า ตอนนี้ พัสดุอยู่ที่ไหน ถึงจุดหมายปลายทางแล้วหรือยัง เพื่อนๆ ผู้อ่านหลายท่านก็คงจะทราบว่า ระบบเหล่านี้ สามารถเช็คทางคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย
ตอนขับรถกลับมาที่บ้าน ก็เลยนั่งคิดเรื่อยเปื่อย จนคิดในเรื่องที่จะเขียนเกี่ยวกับ ICC พยายามวิเคราะห์ดูว่า ทำไมเคสของ ICC มันถึงได้นานขนาดนี้ แล้วเมื่อไรเขาจะรับพิจารณาเคสของคุณอัมสเตอร์ดัมบ้าง แล้วนี่มันเกือบปีแล้วนะ ตั้งแต่ยื่นเรื่องไป เลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า
ทำไมทีมงานของคุณอัมสเตอร์ดัม ถึงไม่แสดงจดหมายให้ประชาชนเขาเห็นกันเลยว่า ทาง ICC ได้รับเคสหรือเอกสารจากคุณอัมสเตอร์ดัมเมื่อไร? พอไปค้นในเวปของคุณอัมเสตอร์ดัม ก็ไม่พบอะไรเลย นอกเสียจากว่าเป็นการสื่อสารของคุณอัมสเตอร์ดัม ให้กับทาง ICC อยู่แต่เพียงฝ่ายเดียว
เมื่อเอาเรื่องการส่งพัสดุของดิฉันเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็คิดว่า ทางทีมงานของคุณอัมสเตอร์ดัมน่าจะส่งเอกสารเหล่านี้ไปตั้งนานแล้ว ควรมีการ confirm หรือยืนยันว่า ทางฝ่าย ICC เขาได้รับเอกสารที่คุณอัมสเตอร์ดัมส่งไปอย่างแท้จริง เพราะตามปรกติ ถ้าส่งจากแคนาดาหรือจากสหรัฐอเมริกา ไปที่เนเธอร์แลนด์ ก็คงได้รับภายในหนึ่งอาทิตย์ค่ะ ยิ่งสำนักงานคุณอัมเสตอร์ดัมอยู่ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก็คงจะเร็วกว่านั้นอีกด้วย
(เปรียบเสมือนตอนที่เราสมัคร งานทางเวป เมื่อเราคลิ๊ก Submit Application แล้ว บางทีเราก็จะได้ auto-generated email หรืออีเมล์ที่ออกมาโดยอัตโนมัติว่า ตอนนี้ ทางบริษัทได้รับข้อมูลของท่านแล้ว เขาจะติดต่อท่านกลับมาเมื่อท่านมีคุณสมบัติตามที่บริษัทเขาต้องการ ฉันใดก็ฉันนั้น บางทีก็ได้รับเป็นจดหมายตอบกลับเป็นลายลักษณ์อักษรมาเลย ภายในวันสองวัน)
เท่าที่อ่านมานั้น ทีมงานของคุณอัมสเตอร์ดัม ได้ติดต่อกับ ICC อย่างน้อยที่สุดสามครั้ง ตามที่ดิฉันได้ลำดับเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นๆ อยากให้ฝ่ายทีมงานของท่าน นำเอาจดหมายของ ICC มาลงยืนยันให้ประชาชนเขาทราบได้ไหมคะ ว่าทางองค์กร ICC นั้นได้รับเอกสารของท่านโดยเรียบร้อยแล้ว?
ท่านทำใน นามขององค์กร นปช อย่างน้อย ทาง นปช ก็ควรจะออกมากล่าวให้ประชาชนทราบว่า ทาง ICC เขาได้ยืนยันว่า เอกสารได้รับแล้ววันที่เท่าไรเท่านั้นเอง จริงๆ แล้วมันก็ไม่น่าเป็นความลับ เพราะสมาชิกของ นปช ก็คือ ประชาชนเราๆ นี่แหละ หรือท่านจะบอกให้ ทาง นปช เขาแสดงจดหมายเอง ก็น่าจะแถลงให้ทราบทั่วกัน
ดิฉันไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด ถ้าท่านบอกว่า ทีมงานของท่าน ได้ส่งเอกสารที่มีมูลค่าขนาดนี้ โดยปราศจากการลงทะเบียน เอกสารแบบนี้ต้องส่งแบบระวังอย่างมากที่สุด เพราะเขาจะสามารถตรวจสอบได้แน่ว่า ท่านส่งไปวันที่เท่าไร ได้รับเมื่อไร และใครเป็นผู้เซ็นต์รับ
ดิฉันเชื่อว่า องค์กร ICC เขาไม่ได้ทำงานชุ่ยๆ หรอกค่ะ เอกสารระดับนี้ เมื่อพวกเขาได้รับ ก็จะต้องมีการส่งการยืนยันกลับมาให้ท่านเป็นลายลักษณ์อักษรว่า เขาได้รับแล้ว และ กำลังทำอะไรอยู่ในขั้นต่อไป รวมทั้งยืนยันความสมบูรณ์ว่า ไม่มีการขาดตกบกพร่องใดๆ อาจจะมีข้อมูลเพิ่งเติมว่า จะส่งต่อไปให้ส่วนงานไหนต่อ รวมไปถึงบุคคลที่สามารถติดต่อเพื่อความคืบหน้าด้วย ส่วนใหญ่จะมี Letterhead หรือตราประทับว่า การสื่อสารนั้น ออกมาจาก ICC จริง และคงไม่ใช่อีเมล์เพียงอย่างเดียว
ขอให้ท่านกรุณาช่วยโพสต์ให้ประชาชนเขาเห็นได้ไหมคะ ว่า ศาล ICC เขาได้รับเอกสารจากสำนักงานของท่านเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่อย่างนั้น อาจจะมีหลายๆ ท่าน รวมทั้งดิฉัน อาจจะเริ่มความคิดและสร้างทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด หรือ (conspiracy theories) คล้ายๆ อย่างที่จะกล่าวให้ทราบแบบนี้ (อย่างหนึ่งอย่างใด หรือหลายๆ อย่างรวมกัน) ก็ได้ นั่นก็คือ:
1. อาจจะมีการตอบรับโดยทาง ICC มาตั้งนานแล้วว่า ทางองค์กร ICC ไม่สามารถรับพิจารณาคดีที่ยื่นไปได้ เนื่องจากว่า ประเทศอังกฤษยังต้องตีความเกี่ยวกับปัญหาในเรื่องสัญชาติของคุณอภิสิทธิ์ หรือ ขัดกับหลักการอื่นๆ ของ ICC แต่ทางสำนักงานของคุณอัมสเตอร์ดัม ยังต้องเก็บไว้ เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนในประเทศไทยเขาเสียกำลังใจ หรือ ต้องเก็บไว้เพื่อเป็นเครื่องมือของการต่อรองฐานอำนาจกับอีกฝ่ายอำมาตย์อยู่ หรือ
2. อาจจะมีการดึงเรื่องเพื่อเป็นการต่อรองกับอีกฝ่ายอำมาตย์จริงๆ ซึ่งไม่ได้เป็นความคิดมาจากคุณอัมเสตอร์ดัม แต่ถูกสั่งมาจากผู้ว่าจ้างคุณอัมสเตอร์ดัมเองนั่นแหละ ถ้าเป็นอย่างนี้ มันดูเหมือนกับ “หลอก”ให้ผู้คนเขาคิดกันว่า เคสกำลังอยู่ในการพิจารณาในเวลาขณะนี้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีการส่งเคสหรือเอกสารใดๆ ให้กับองค์กร ICC เลย
ถ้าเป็น อย่างนั้น มันดูเหมือน “ลิเกลวงโลก” กับพี่น้องประชาชนเขานะคะ โดยเฉพาะการเอาคนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์มาเป็นตัวประกันเพื่อผลประโยชน์ ทางการเมืองส่วนตัวของผู้ว่าจ้างคุณอัมเสตอร์ดัม
และ
3. หลังจากวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 (วันที่ทีมงานคุณอัมเสตอร์ดัมส่งสารให้กับทาง ICC เรื่องการขอให้นำท่านผู้พิพากษาคาอูลออกจากการพิจารณาความ) ได้มีคลิปวิดีโอลับต่างๆ ว่อนออกมาตามอินเตอร์เนทเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงรูปถ่ายในเหตุการณ์ หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล แต่คลิปหรือข้อมูลที่มีเพิ่มเติมนั้น ไม่มีข่าวว่า ทางทีมงานของคุณอัมสเตอร์ดัมได้ส่งพยานวัตถุเหล่านี้เพิ่มเติมเป็นพยานหลัก ฐานให้กับทาง ICC เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการสัมภาษณ์วิดีโอของ สำนักข่าวบีบีซี ในหัวข้อ Justice Under Fire หรือ ความยุติธรรมที่ปลายกระบอกปืน ซึ่งดิฉันมีความเห็นว่า เป็นตัวบ่งบอกพยานหลักฐานได้อย่างดีทีเดียว (ยิ่งมีมากเท่าไร ยิ่งเป็นการดีเท่านั้น ไม่ใช่หรือคะ?)
เพื่อนๆ ในกลุ่มของดิฉันหลายคนเริ่มสงสัยว่า ที่เป็นอย่างนี้ เนื่องจากว่า เราเห็นการสื่อสาร เพียง “ฝ่ายเดียว” จากทางฝ่ายคุณอัมเสตอร์ดัมไปถึง ศาล ICC เท่านั้นเอง ดิฉันคิดว่า มันไม่น่าจะยากเย็นเข็ญใจอะไรเลย ในการนำเอาจดหมายหรือการสื่อสารจาก ICC ออกมาเผยแพร่ว่า ทางศาล ICC เขาได้รับเคสของท่านเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2554 นะคะ อย่างน้อย ก็ทำให้ประชาชนเขาทราบและอุ่นใจด้วยว่า ในขณะนี้ เคสยังอยู่กับทางฝ่ายอัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ ส่วนทาง ICC เขาจะทำอย่างไรต่อไปนั้น ก็เป็นเรื่องทางองค์กรของเขาเอง เพราะคุณอัมสเตอร์ดัม ได้กระทำหน้าที่ของทนายความระดับโลกอย่างสมบูรณ์แล้ว
สรุปแล้วก็คือ: ถ้า คุณอัมเสตอร์ดัมมีจดหมายหรือการสื่อสารซึ่งยืนยันจาก ICC ซึ่งตอบรับในเรื่องเอกสารซึ่งทางทีมงานได้ส่งไปแล้ว เรื่องความสงสัยเหล่านี้ ก็คงจะจบสิ้นลงค่ะ เราก็จะรอดูความคืบหน้าต่อไปด้วยความมั่นใจว่า มีบุคคลอย่างคุณอัมสเตอร์ดัมที่อุทิศตนเอง เพื่อสังคมและความยุติธรรมระหว่างประเทศโดยแท้จริง
ด้วยความนับถือและยกย่องในความสามารถของคุณอัมเสตอร์ดัมที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายค่ะ