WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, October 12, 2008

ความจริงวันนี้ : บันทึกจากผู้สื่อข่าวตปท.เกิดอะไรขึ้นเมื่อวันที่ 7ต.ค.51


บันทึกจากผู้สื่อข่าวต่างประเทศ : เกิดอะไรขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551

โดย Nick Nostitz
บทความชิ้นนี้เผยแพร่ในเว็บไซต์ New Mandala
http://rspas.anu.edu.au/rmap/newmandala/2008/10/11/what-happened-on-7102008/#more-3196

มีเนื้อความว่า....

ในเกมแห่งม่านหมอกและกระจกเงา ทั้งสองฝ่ายต่างพยายามสร้างภาพ เพื่อบอกกับสังคมว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551

ในบทความชิ้นนี้ ผมจะพยายามบรรยายสิ่งที่ผมเห็นและความรู้สึกต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้อ้างว่าผมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมอยู่ที่นั่นระหว่างตีห้าถึงห้าทุ่มเท่านั้น โดยได้ปลีกตัวออกมาชั่วคราวในช่วงเที่ยงและช่วงระหว่าง 13.00-16.00 เพื่อส่งรูปถ่ายไปยังสำนักงานและหลับตาไปอีกราว 30 นาที ฉะนั้น ผมจึงไม่สามารถอยู่ในทุกที่ในช่วงเวลาเดียวกันได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ที่ห่างออกไป แม้เพียง 100 เมตรก็ตาม

การโจมตีโดยตำรวจเริ่มประมาณ 6.00 น. ในขณะนั้นผมอยู่ในพื้นที่ที่ฝ่ายพธม.ยึดครองไว้ ทันทีที่ผมเห็นตำรวจตั้งแถวเพื่อเตรียมโจมตี ผมรีบออกจากจุดนั้นเพื่อไปอยู่ตรงด้านหน้าของแถวตำรวจแทน ผมรู้สึกปลอดภัยขึ้นเพราะผมรู้ว่าหากตำรวจต้องการสลายการชุมนุม จะตัองมีการใช้กำลังอย่างหนัก

ตำรวจได้ใช้รถบรรทุกที่ติดเครื่องขยายเสียงประกาศเตือนให้ผู้ชุมนุมสลายตัวเพราะกำลังจะถูกโจมตี และจะมีการยิงแก๊สน้ำตา ตำรวจได้ประกาศเตือนอย่างต่อเนื่อง และยังกล่าวว่า ในความขัดแย้งครั้งนี้ ยากที่จะมีใครเป็นผู้ชนะ พวกเราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่ควรมาสู้กันเอง

ผู้ชุมนุมไม่ยอมสลายตัว และหลังจากนั้นไม่นาน การโจมตีก็เริ่มขึ้นด้วยการระดมยิงแก๊สน้ำตา

มันเริ่มจากทั้งด้านถนนราชวิถีและถนนพิชัย (ผมอยู่ที่นี่) ผมเห็นลูกระเบิดแก๊สน้ำตาระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อมันปะทะเข้ากับแนวกั้นยางรถยนต์ ยางบางเส้นถึงขนาดกระเด็นสูงจากพื้น 2-3 ฟุต ผู้ชุมนุมต่างพากันวิ่งหนีโดยเร็ว ผมเดินตามหลังตำรวจที่อยู่แถวหน้า มีการต่อสู้ระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุมเล็กน้อย แต่ไม่มีอะไรรุนแรงมากนัก มีการโยนลูกระเบิดแก๊สน้ำตาโดยตำรวจเล็กน้อย (ผมเดาเช่นนั้น ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้) และผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตรที่เหลืออยู่ไม่กี่คนก็ได้โยนวัตถุระเบิดเข้าใส่ตำรวจเช่นกัน มันอาจเป็นปะทัด หรือระเบิดปิงปองก็ได้ ในช่วงเวลาที่เร่งร้อนและเต็มไปด้วยหมอกควันนี้ เป็นการยากที่จะเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นแน่ ควันจากแก๊สน้ำตาทำให้คนตาพร่าไปหมด

นอกจากนี้ มีตำรวจไม่กี่คนที่มีหน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตา พวกเขาจึงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ตลอดช่วงเวลานี้ ตำรวจได้ป่าวประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงขอให้ผู้ชุมหยุดการต่อสู้ และทันทีที่ผู้ชุมนุมหยุด และนั่งลงที่ถนน ตำรวจก็สามารถบรรลุเป้าหมาย คือเปิดประตูรัฐสภาได้สำเร็จ

ถึงตอนนี้ผมจึงได้เห็นว่ามีชุมนุมได้รับบาดเจ็บสาหัส ชายคนหนึ่งนั่งอยู่พื้นโดยขาข้างซ้ายถูกระเบิดขาดตั้งแต่หัวเข่าลงไป มีผิวหนังสองสามเส้นเชื่อมขาที่ตกอยู่ข้าง ๆ เขาถูกห้อมล้อมโดยตำรวจที่ก็ตกใจกับสภาพที่เห็นเช่นกัน ตำรวจบางคนพยายามปลอบเขา ยังมีผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2-3 คนในบริเวณนั้น

ไม่นานหลังจากนั้น รถพยาบาลได้นำชายคนนั้นและผู้บาดเจ็บคนอื่นขึ้นรถไป ภายในรัฐสภามีนักข่าววิทยุได้รับบาดเจ็บที่หลัง ผิวบางส่วนเปิดออก เลือดไหลและไหม้อย่างรุนแรง ตำรวจ ตชด.นายหนึ่งเข้าไปปลอบขวัญเขา

เมื่อสถานการณ์สงบลง ผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเรื่องคนบาดเจ็บ พวกเขาล้วนตกใจกันทั้งนั้น หน่วยยิงแก๊สน้ำตาอธิบายว่า ภายใต้สถานการณ์บางอย่าง การยิงแก๊สน้ำตาอาจก่อเกิดให้เกิดแรงระเบิดที่สูงได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดขึ้นในเวลาที่คนอยู่ด้วยกันอย่างหนาแน่น

ผมใช้เวลาอยู่ในบริเวณนั้นอีกพักหนึ่ง นั่งอยู่ภายในตึกรัฐสภา แล้วก็เดินไปที่แยกถนนราชวิถี-สามเสน อันเป็นบริเวณที่ผู้ชุมนุมพันธมิตรกำลังรวมตัวกันอยู่

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ประมาณ 10.00 น. ผมเดินไป สนง. กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) ตรงหัวมุมลานพระบรมรูปทรงม้า ทันทีที่ไปถึง ฝ่ายพันธมิตรก็เริ่มการโจมตี พวกเขาโยนระเบิดปิงปอง (หรืออาจเป็นลูกระเบิดแก๊สน้ำตา) เข้าไปยังพื้นที่ของบชน. และเข้าใส่ตำรวจ พวกเขาใช้หนังสติ๊กระดมยิงลูกเหล็กและลูกแก้วเข้าใส่ตำรวจ ช่วงขณะหนึ่งผมได้ยินเสียงระเบิด ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นเสียงกระสุนปืนที่ยิงผ่านไปอยู่รอบตัวผม (เสียงของลูกกระสุนปืนที่พุ่งผ่านไปต่างกับเสียงของลูกกระสุนที่ยิงโดยหนังสติ๊กอย่างชัดเจน) ผมซ่อนอยู่ข้างหลังรถคันหนึ่ง และขณะที่กำลังโทรศัพท์โทรหาเพื่อนนักข่าวที่ชื่อ นิรมาล กอช จาก the Straits Times ผมก็ถูกยิงด้วยลูกเหล็กเข้าที่ท้อง

ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเช่นกัน

หลังจากสงบสติอารมณ์สักพักหนึ่ง ผมก็ตามตำรวจที่ล่าถอยเข้าไปในพื้นที่ของ บช.น. หลังจากสถานการณ์ก็สงบลงชั่วคราว ผมจึงกลับบ้านเพื่อจัดการส่งภาพถ่ายให้สำนักงาน เมื่อถึงตอนนี้ ตำรวจได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่รอบๆ รัฐสภา ให้กับพวกพันธมิตรไป

ผมได้รับโทรศัพท์ในช่วงบ่ายว่าเกิดการปะทะกันอีกครั้งเมื่อตำรวจต้องเปิดประตูรัฐสภาด้านถนนราชวิถีอีกครั้ง ผมมาจากทางถนนร่วมจิตแล้วก็ต้องติดอยู่กับด้านผู้ชุมนุมที่กำลังถูกตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ โดยตำรวจพยายามตอบโต้การโจมตีของฝ่ายพันธมิตร ระเบิดแก๊สน้ำตาลูกหนึ่งตกลงมาห่างจากผมราวหนึ่งเมตรตอนที่ผมกำลังวิ่งอยู่ มันส่งเสียงระเบิดกึกก้องทีเดียว

ผมวิ่งมาถึงเส้นที่จะข้ามไปยังพื้นที่ที่ตำรวจยึดครองอยู่ (ตำรวจยิงระเบิดแก๊สน้ำตาลูกหนึ่งใส่ผมเพราะเข้าใจผิดว่าผมเป็นผู้ชุมนุม แต่ก็หยุดหลังจากที่ผมตะโกนซ้ำ ๆ กันว่าผมเป็นผู้สื่อข่าว และยกกล้องให้ดู)

ผมอยู่ตรงหัวผมถนนนั้นจนตกดึก ตำรวจต้องป้องกันหัวมุมถนนด้านนี้ไว้เพื่อให้ข้าราชการ ลูกจ้าง และสส.สามารถออกจากรัฐสภาได้ ตรงจุดข้ามถนนต้องเจอกับการโจมตีจากฝ่ายพันธมิตรอย่างไม่หยุดยั้ง พวกเขาระดมยิงลูกเหล็ก ลูกแก้ว ตำรวจจึงตอบโต้การโจมตีด้วยการยิงระเบิดแก๊สน้ำตา มีการยิงเข้าใส่ตำรวจที่อยู่ตรงหัวมุมถนนเป็นช่วง ๆ โดยยิงมาจากสถาบันราชวัตร

ตำรวจได้ขอให้พวกพันธมิตรที่หลบซ่อนอยู่ในตึกโดยรอบให้ออกมา ตำรวจตะโกนบอกว่าจะไม่ทำอะไรกับผู้ชุมนุมที่ออกมา ผมเห็นหลายคนเดินออกมาโดยตำรวจไม่ได้ทำอะไรพวกเขา สถานการณ์ที่เหนือจริงอันหนึ่งก็คือ เพื่อนของผม ซึ่งเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มพันธมิตร ก็เดินออกจากตึกเหล่านั้นด้วย

หลังจากนั้น สถานการณ์ก็ตึงเครียดอย่างไม่น่าเชื่อ ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาตลอดเวลา ทั้งตรงจุดนั้นและแถวหัวมุมถนนที่ใกล้กับประตูใหญ่รัฐสภา ช่วงขณะหนึ่ง ฝ่ายพันธมิตรพยายามขับรถบรรทุกตรงเข้ามายังตำรวจที่อยู่ตรงถนนร่วมจิต พวกตำรวจจึงรีบตั้งเครื่องกีดขวางและยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่รถบรรทุก ทันก่อนที่รถจะชนตำรวจ คนขับถูกตำรวจนำตัวไป

ผมถ่ายรูปเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บาดเจ็บหลังจากที่ฝ่ายพันธมิตรใช้ปืนสั้นยิงเข้าใส่ตำรวจตรงหัวมุมตึกรัฐสภา และตำรวจที่ถูกรถปิ๊กอัพพุ่งชนโดยตั้งใจ

มีข่าวออกมาจากรัฐสภาว่าฝ่ายพันธมิตรยิงตำรวจสามคน พวกเขาอยู่ในตึกรัฐสภา และไม่ยอมให้รถพยาบาลเข้าไปรับคนเจ็บ

มีคนวิ่งข้ามถนนออกมาจากรัฐสภาเพื่อหนีออกจากบริเวณนั้นตลอดเวลา

เมื่อฟ้ามืดลง บริเวณนี้ก็สงบลง ผมเดินกลับไปที่ บชน. ซึ่งกำลังเจอกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องจากพันธมิตร ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา พันธมิตรใช้หนังสติ๊ก เสียงกระสุนปะทะกับโล่กำบังและพื้นถนนตลอดเวลา ครั้งนี้ผมโชคดีที่ไม่ถูกยิงเข้าอีก เห็นได้ชัดว่าฝ่ายพันธมิตรยิงปืนออกไปเป็นครั้งคราวเช่นกัน แต่ผมก็ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่นอน มันน่ากลัวมากทีเดียว มีความพยายามขับรถยนต์และรถบรรทุกเข้าชนแนวกีดขวาง แต่ตำรวจสกัดกั้นไว้ได้

ช่วงขณะหนึ่งฝ่ายผู้ชุมนุมหนึ่งหรือสองคนได้รับบาดเจ็บที่ขา แต่ผมไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง เพียงได้เห็นจากภาพถ่ายของช่างภาพไทยคนหนึ่ง

และเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ สถานการณ์สงบลงเล็กน้อย ตำรวจสามารถยึดแนวกีดขวางตรงหัวมุมลานพระบรมรูปทรงมากลับมาได้ รถปิ๊กอัพที่มีคนพยายามขับชนตำรวจจอดแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ตำรวจลากชายสองคนออกมาจากข้างหลัง และเล่นงานพวกเขาเล็กน้อย ผู้หญิงที่บาดเจ็บคนหนึ่งนอนอยู่บนถนน และมีหมอทหารมารับไป

รถฮัมวีของทหารคันหนึ่งวิ่งสังเกตสถานการณ์โดยรอบ และจอดตรงแถวตำรวจครู่หนึ่งก่อนจะต่อไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า

หลัง 22.00 น.สถานการณ์เริ่มอยู่ในความควบคุมมากขึ้น ฝ่ายพันธมิตรมีคนน้อยกว่ามาก ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่ม สักครู่ มีชายใส่ชุดพรางกายทหาร ซึ่งอาจเป็นทหารประจำการหรือนอกราชการที่อยู่ฝ่ายพันธมิตรก็ไม่รู้แน่ เดินมายังแนวลวดหนามและเจรจากับตำรวจอยู่ชั่วครู่

ตำรวจตอบไปว่าพวกเขาจะหยุดยิงแก๊สน้ำตาหากฝ่ายพันธมิตรหยุดยิงหนังสติ๊กและโจมตีตำรวจ ตำรวจเพียงแค่ตอบโต้การโจมตีเท่านั้น

หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็อยู่ในความสงบ มีพวกพันธมิตรประมาณ 100 คนที่ยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวลานพระรูปฯ ผมจึงกลับบ้าน

ขณะนี้มีการถกเถียงกันว่าตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุหรือไม่ และรวมถึงการใช้แก๊สน้ำตาด้วย จากสิ่งที่ผมเห็น ผมเชื่อว่าตำรวจไม่มีทางเลือกอื่น คุณอาจโทษว่าเป็นเพราะงบประมาณตำรวจที่น่าเวทนา ที่ทำให้พวกเขาไม่มีระเบิดแก๊สน้ำตาที่ก่ออันตรายน้อยกว่านี้ใช้ก็ได้ แต่อย่าโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้น ตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยเครื่องมือที่มีให้พวกเขา และในกรณีนี้ ก็คือเครื่องมือที่ทำในรัสเซีย

ถามว่าการบาดเจ็บมีสาเหตุจากระเบิดของฝ่ายพันธมิตรหรือไม่? ตอบตามตรง ผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่ามีการโยนระเบิดโดยผู้ชุมนุมของพันธมิตรบางคนเท่านั้น

ในการเผชิญหน้ากันครั้งนี้ ฝ่ายพันธมิตรได้ใช้อาวุธที่อันตรายและถ้าตำรวจไม่ใช้แก๊สน้ำตา สถานการณ์ก็อาจย่ำแย่จนนำไปสู่การปะทะตัวต่อตัวระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุม และหากเป็นเช่นนั้น ผมมั่นใจว่าจะทำให้สูญเสียชีวิตแก่ทั้งสองฝ่ายมากขึ้น ฝ่ายพันธมิตรมีปืนสั้นจำนวนหนึ่ง ตำรวจหนึ่งหรือสองนายถูกแทงด้วยปลายเสาธง ฉะนั้น เราไม่อยากจะจินตนาการหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากแก๊สน้ำตาไม่ได้ช่วยสร้างระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายไว้ ผมไม่อยากคิดว่าตำรวจตั้งใจทำให้ใครบาดเจ็บ แต่ในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่มีทางเลือกน้อยมาก

สิ่งที่คนบางคนดูเหมือนจะลืมก็คือ ความเป็นจริงพื้นฐาน : กฎหมายอยู่ข้างตำรวจ ไม่ได้อยู่ข้างพันธมิตร

แปล /เรียบเรียง : เว็บไซต์ประชาไท
http://www.prachatai.com/05web/th/home/14049