ฉะ! พันธมิตรฯ อันธพาลทำตัวคุกคามสื่อ หลัง “ข่าวสด” เสนอข่าวไม่ถูกใจ บรรดาแกนนำเรียงหน้ากล่าวหาเป็นพวก “ทักษิณ” เขียนข่าวบิดเบือน แถมขู่เคลื่อนพลไปปิดล้อม “เจ๊ยุ” สวนเป็นเสรีภาพในการเสนอข่าวและข้อเท็จจริง ไม่จำเป็นต้องให้ใครพอใจ พร้อมจี้ให้สมาคม-สมาพันธ์สื่อทั้งหลายที่ชอบออกแถลงการณ์มาดูแลแก้ปัญหา หลังบรรดาท่านกรรมการทั้งหลายขอสงบปาก ไม่อยากขัดใจกับพันธมิตรฯ ด้านนักข่าวเนชั่น ยกข่าวสดเป็นฮีโร่ที่กล้าหาญเสนอข่าว ในขณะที่สื่ออื่นทำเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นอกจากกลุ่มพันธมิตรฯ จะกล่าวหา นสพ.ข่าวสด ว่าแปลคำพระราชทานให้สัมภาษณ์ของสมเด็จพระเทพฯ โดยบิดเบือนแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังผูกใจเจ็บกับการนำเสนอข่าวดังกล่าว โดยมีการโจมตีและข่มขู่คุกคาม นสพ.ข่าวสด อย่างรุนแรง
ซึ่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ระบุว่าข่าวสด เป็นหนังสือในเครือมติชน และมีมติชนสุดสัปดาห์อีกเล่ม ที่จงใจบิดเบือนคำแปลเพราะเป็นพวก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยังเรียกร้องใช้กลุ่มผู้ชุมนุมหยุดซื้อหนังสือทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว
ขณะที่ นายสำราญ รอดเพชร แกนนำรุ่น 2 ก็ปลุกระดมผู้คน ว่าน่าจะไปเยือนข่าวสด ตามแบบฉบับที่เคยไปปิดล้อมสถานที่ราชการ หรือหน่อยงานที่เป็นฝ่ายตรงกันข้าม
กรณีดังกล่าวนางยุวดี ธัญญสิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวว่า ข่าวที่ได้มีการนำเสนอไปนั้น เป็นข่าวที่มาจากสำนักข่าวต่างประเทศ ซึ่งการที่หนังสือพิมพ์ข่าวสดเอาข้อความเป็นลงตรงนั้น ได้ผ่านการพิจารณาว่าเหมาะสมแล้ว
“การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาต่อต้านแสดงความไม่พอใจในข่าวที่เสนอไปนั้นและพยายามจะบิดเบือน จะบุกที่สำนักข่าว มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่กลุ่มพันธมิตรฯจะมาคุกคามสื่อ”
จากประเด็นที่ได้มีการนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์ข่าวสด ทางกลุ่มพันธมิตรจะรับได้หรือไม่ได้ในข้อความที่สื่อนำเสนออกไป ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล เพราะสื่อถือว่ามีหน้าที่ในการนำเสนอข่าวที่คิดว่าเป็นประโยชน์และประชาชนน่าจะรู้ คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ
“ข่าวก็คือข่าว มีทั้งถูกใจคนและไม่ถูกใจคน คนเป็นประชาชนก็สามารถเลือกเสพสื่อได้ สื่อมีหน้าที่ของตนเอง ก็นำเสนอข่าวไปตามนั้น ไม่ควรที่จะมาก้าวกายกัน”
นางยุวดีกล่าวในตอนท้ายว่า เรื่องนี้น่าจะมีการสอบถามไปยังสมาคมนักข่าวและหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เห็นชอบออกมาแถลงการณ์ต่างๆ กับเรื่องแบบนี้ทำไมไม่ออกมาพูด
ขณะที่นางสาวนาตยา เชษฐโชติรส นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องดังกล่าว โดยกล่าวว่าหากมีคำสัมภาษณ์ออกไป เกรงว่าจะกลายเป็นเกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ของทั้งสองฝ่าย รวมถึง นายภัทร คำพิทักษ์ อดีตนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ก็ปฏิเสธที่จะออกมาชี้แจ้งในเรื่องดังกล่าวเหมือนกัน
ทางด้านนายบุญเลิศ ช้างใหญ่ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มติชน ระบุว่าไม่อยากเอาตัวเองไปอยู่ในวงจรของคนสองกลุ่ม
ส่วนนายประดิษฐ์ เรืองดิษฐ์ เลขาธิการสมาคมนักข่าวและหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยอ้างว่ายังไม่ได้ศึกษาในรายละเอียด เกรงว่าจะมีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดได้ เช่นเดียวกับนายชิงชัย รุ่งละโภ กรรมการสภาการหนังสือพิมพ์ ที่อ้างว่าตกข่าว
ขณะที่แหล่งข่าวในหนังสือพิมพ์ข่าวสด ยืนยันว่าการนำเสนอข่าวดังกล่าวมีการตรวจสอบความถูกต้องแล้ว และถือเป็นหน้าที่ของสื่อที่จะต้องรายงานความถูกต้อง ไม่ได้จงใจเข้าข้างใครทั้งสิ้น
ด้านนายจรัล ดิษฐาอภิชัย กล่าวถึงกรณีพันธมิตรฯ ประกาศจะไปบุกล้อมสำนักพิมพ์ข่าวสด ว่าถ้ากล้ามีเรื่องกับสื่อมวลชนก็ไปได้ เพราะคงเห็นว่ายึดทำเนียบก็ทำได้แล้ว และนี่ก็เตรียมบุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีก
ขณะที่นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวเนชั่น ได้เสนอบทความผ่านเวบไซต์ประชาไท http://www.prachatai.com/05web/th/home/14046 ในประเด็นดังกล่าวมีความโดยสรุปว่าสถานการณ์การเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นได้ชัดในสื่อและมีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบรรดาสื่อที่เลือกข้าง (ไม่ว่าข้างไหน) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเลือกข้างมิใช่สิ่งที่ผิด สื่อสามารถเขียนบทบรรณาธิการ บททัศนะและให้คอลัมนิสต์แสดงความเห็นว่าไม่เห็นด้วยหรือเห็นด้วยกับรัฐบาลและพันธมิตรฯ ได้อย่างเต็มที่ นั่นมิใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือในส่วนที่เป็นการรายงานข่าวตรงไปตรงมา (straight news report) สื่อไม่ควรปิดกั้นการลื่นไหลของข่าวสารและความเห็นอันหลากหลายต่อวิกฤตการเมืองไทย เพื่อที่สังคมจะได้ร่วมกันเรียนรู้ฉุกคิดจากมุมมองและทัศนะที่หลากหลาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่สังคมโดยรวม และทำให้ประชาชนมีวุฒิภาวะพิจารณาอะไรต่างๆ ได้เอง
แต่สื่อที่เลือกข้างจนมืดมัว มักแยกไม่ออกระหว่างการรายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมากับบทความหรือบทบรรณาธิการที่แสดงความเห็นส่วนตัวหรือส่วนองค์กร ล่าสุด เกิดปรากฎการณ์ไม่เล่นข่าวของเอพี (Associated Press) ที่รายงานความเห็นของสมเด็จพระเทพฯ ต่อกลุ่มพันธมิตรฯ และวิกฤตการเมืองไทย ระหว่างทรงเสด็จประพาสสหรัฐฯ (บล็อกเกอร์ Bangkok Pundit อ้างถึงข่าวนี้ ในบล็อกของเขา เมื่อช่วงสาย วานนี้)
ถามว่าสื่อไทยเห็นประชาชนหรือผู้รับข่าวสารเป็นอะไร สื่อถึงปฎิบัติตนเช่นนี้ ในขณะที่อ้างเรื่องความรับผิดชอบในการให้ข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมาและหลากหลายและอ้างเรื่อง free flow of news and information
ขอให้ประชาชนท่านผู้อ่านตัดสินเอาเอง ว่าทำไมสื่อส่วนใหญ่ถึงไม่รายงาน แต่นี่แหละ Silence of the Lamp ที่มืดมิดอย่างแท้จริง
ข้อเสนอแนะที่ผู้เขียนจะให้ได้ ณ วันนี้ก็คือ ขอให้ประชาชนเช็คอ่านตรวจสอบสื่อและรับสื่อที่หลากหลาย ทั้งของไทยและเทศ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และโปรดระลึกว่า ณ ห้วงวิกฤตการเมืองในปัจจุบัน เราคงปล่อยให้หนังสือพิมพ์ฉบับใด ฉบับหนึ่ง (หรือสื่อแขนงอื่น ช่องใดช่องหนึ่ง หรือคลื่นใดคลื่นหนึ่ง) เป็นที่พึ่งพาทางข้อมูลข่าวสารโดดๆ มิได้
จากการเช็คหนังสือพิมพ์ฉบับหลักๆ เรื่องการไม่มีข่าวที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงตรัสให้สัมภาษณ์ต่อคำถามว่า ทรงเห็นด้วยหรือไม่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ระบุว่าประท้วงเพื่อสถาบันกษัตริย์ สมเด็จพระเทพฯ ตรัสตอบคำถามดังกล่าวว่า “I don’t think so... they do things for themselves.”
ไทยรัฐ – (หนังสือพิมพ์จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ) – ไม่มีข่าวนี้ปรากฎ
เดลินิวส์ – ไม่มีข่าวนี้ แต่หนังสือพิมพ์มีสโลแกนว่า “อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์”
โพสต์ทูเดย์ – ไม่มีข่าวนี้ แต่สโลแกนฉบับนี้คือ “ลึกซึ้งทุกข่าวสาร ตอบทุกด้านของชีวิต”
คมชัดลึก – ไม่มีทั้งๆ ที่สโลแกน คือ “เนชั่นเจาะข่าว ทั่วไทย”
บางกอกโพสต์ – สโลแกนคือ “The Newspaper You Can Trust” แต่ไม่มีข่าวนี้
เดอะเนชั่น – ไม่มีข่าวนี้ ทั้งๆ ที่เป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ อ้างเรื่องความตรงไปตรงมา และทั้งที่การที่เป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษหมายความว่า ไม่ต้องมานั่งแปลข่าวเอพีให้เมื่อยสมอง
กรุงเทพธุรกิจ – (สโลแกนคือ มือขวาหรือมือซ้ายของผู้บริหารก็ไม่แน่ใจ) ไม่มีข่าวนี้เช่นกัน
ผู้จัดการรายวัน – (ฉบับเสาร์-อาทิตย์ 11-12 ต.ค.) – คิดว่าต้องเช็คไหมเนี่ย หรือเดาก็ถูก ... ไม่มีข่าวนี้เปิดเท่าไหร่กี่ครั้งกี่หนกี่หน้าก็ไม่เจอ เช็คออนไลน์ก็ไม่มี และก็ไม่น่าแปลกใจมิใช่หรือว่าทำไม
มติชน – (หนังสือพิมพ์คุณภาพ เพื่อคุณภาพของประเทศ) ไม่มีข่าวนี้
ข่าวสด – Surpriseๆ มีข่าวนี้ และพาดหัวใหญ่สุดหน้าหนึ่ง ฉบับวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคมว่า “ตรัสถึงพันธมิตรฯ พระเทพฯ ทรงสัมภาษณ์ที่สหรัฐ” และข่าวไปต่อหน้า 14 ซึ่งมีการอ้างคำให้สัมภาษณ์ทั้งภาษาอังกฤษและไทย
ต้องขอปรบมือให้กับหนังสือพิมพ์ข่าวสด แต่ข่าวสดระยะหลังก็ดูเหมือนจะเบื่อพันธมิตรฯ มิใช่น้อย ซึ่งเห็นได้จากบททัศนะของคอลัมนิสต์บางคน (ผู้เขียนสงสัยว่า ถ้าข่าวสดยังเชียร์พันธมิตรฯ สุดๆ อยู่จะลงข่าวนี้หรือไม่) อย่างไรก็ตาม ต้องให้เครดิตข่าวสด ผู้เขียนคว้าซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ทันทีทันควันเลย และยอดขายข่าวสดฉบับนี้น่าจะพุ่งเป็นพิเศษ