นักวิชาการ มธ.ชำแหละการเมืองสามานท์! จวกฝ่ายแค้น ปชป.เล่นการเมืองนอกสภา หลังจี้นายกฯยุบความจริงวันนี้ ปูดสื่อรับใช้ 'พันธมาร' ปิดหูปิดตาประชาชน ย้ำทำเพื่ออำนาจของตัวเอง ไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อปกป้องประชาธิปไตย มีนัยยะปลุกปั่นให้เกิด “กลียุค”
จากกรณี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าพบอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีให้ยกเลิกสัญญากับบริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้งฯ ผู้ผลิตรายการข่าวทางสถานีโทรทัศน์ NBT โดยอ้างถึงความไม่ชอบมาพากลในสัญญาของเอกชนรายดังกล่าว
นอกจากนี้ ได้มีความพยายามกดดันให้ยกเลิกการจัดรายการ “ความจริงวันนี้” รวมทั้งวิทยุ 2 คลื่น คือ คลื่อ FM 105 และคลื่น FM 97 โดยระบุว่าเป็นการเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียว และปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น
ต่อเรื่องดังกล่าว นายวรพล พรหมิกบุตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวตำหนิพฤติกรรมและเจตนาของกรรมการบริหาร ปชป. ที่ออกมาเรียกร้องให้ยุติการเปิดเผยข้อมูลเท็จจริง ซึ่งเป็นการเล่นการเมืองนอกสภาฯ จนสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นในเชิงการต่อสู้ทางการเมือง แบะเป็นการปิดหูปิดตาประชาชนในการเสพ รับรู้ข้อมูลข่าวสาร
“เห็นได้ชัดว่า มีความพยายามที่จะกำจัดรายการความจริงวันนี้ ทั้งที่รายการนี้เป็นการนำเสนอข้อมูลรอบด้าน เพียงแต่ไม่ถูกใจ หรือสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล”
ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน ได้นำข้อความสัมภาษณ์ "อาจารย์วรพล" ซึ่งกล่าวเปรียบเทียบรายการเอเอสทีวี อันเป็นกระบอกเสียงให้แก่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เพื่อใช้เป็นเครื่องปลุกปั่นมวลชนให้มีความคิดต่อต้านระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ต่างจาก “รัสปูติน” โดยคนพวกนี้ มีทั้งคนที่เป็นนักสื่อสารมวลชน รู้เกี่ยวกับวิธีการใช้ข่าวสารข้อมูลในการโฆษณาชวนเชื่อ และใช้การโฆษณาชวนเชื่อแบบย้ำคิดย้ำทำ มีทั้งนักเคลื่อนไหวมวลชนในอดีตที่เคยร่วมงานกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) .และนักการทหารที่ทำงานในยุทธวิธีสงครามจิตวิทยามวลชน
ฉะนั้นคนพวกนี้รู้ว่าในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการสะกดจิตโดยใช้ข่าวสารข้อมูล การล้างสมอง การครอบงำความคิดคนในทางความเชื่อและอุดมการณ์ โดยการพูด ย้ำคิดย้ำทำไปเรื่อยๆ ซึ่งมีความชำนาญอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเปรียบเทียบกับรัสปูติน หรือเปรียบเทียบกับกลยุทธ์การโฆษณาชวนเชื่อแบบของพรรคนาซี หรือกลยุทธ์การโฆษณาชวนเชื่อแบบของอเมริกาในสมัยลัทธิแมคคาธี
“พวกนี้จริงๆใช้เทคนิคคล้ายๆกัน มีตำรา มีวิธีการในทางวิชาการ เช่น ในสังคมวิทยาเรียกว่าการขัดเกลาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้คนคล้อยตาม แล้วคนก็เหมือนกับตกอยู่ในสภาวะที่ภาษาปัจจุบันเรียกว่าเป็นสาวกที่พร้อมจะรับคำสั่งไปทำสิ่งต่างๆร่วมกัน พวกนี้จะไม่ทำเดี่ยวๆ แต่มักจะทำพร้อมๆกันถึงจะมีความกล้า ยังไม่ถึงขั้นที่จะทำเดี่ยวแบบเอาอาวุธติดตัวไปฆ่าตัวตาย หรือระเบิดพลีชีพ”
อาจารย์วรพล ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของแกนนำพันธมิตรฯ ที่ใช้ยุทธวิธีนี้อันตรายมาก เพราะไม่ใช่เฉพาะสันติอโศกที่มีลักษณะในการพยายามเผยแพร่ลัทธิความคิดครอบงำ แต่ทุกส่วนที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรฯที่มีพฤติกรรมคล้ายๆกันคือถูกสะกดจิตหมู่
อาจารย์วรพล มั่นใจว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย แต่ทำเพื่ออำนาจของกลุ่มตัวเอง และคนกลุ่มนี้ไม่เหมือนลัทธิคลั่งศาสนาเพียงอย่างเดียว แต่คลั่งอุดมการณ์และความเชื่อต่างๆ เป็นความเชื่อที่เขาคลั่งจนบดบังข้อเท็จจริงต่างๆ แต่หากประชาชนฝ่ายอื่นไปขัดขวาง หรือร่วมรับความรุนแรง ก็เข้าทางกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ต้องการให้เกิดกลียุค