เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานโดยอ้างคำเปิดเผยของนายคาร์ล เทอร์เรนซ์ ฮัดสัน-ฟิลลิปส์ (Karl Hudson-Phillips) อดีตผู้พิพากษาประจำศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ (International Criminal Court : ICC) ชาวตรินิแดดแอนด์โตเบโก ที่ออกมาแสดงทรรศนะว่า เหตุการณ์สลายการชุมนุมของรัฐบาลไทยที่ปรากฏเป็นข่าวไปทั่วโลกเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ถือเป็นเรื่องภายใน ของประเทศไทยที่นานาชาติไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
นอกจากนี้และการสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐถือเป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นประจำในประเทศต่างๆทั่วโลก และไม่เข้าข่ายว่าเป็นการก่ออาชญากรรมต่อความเป็นมนุษย์ (Crime against humanity) แต่อย่างใด
นายฮัดสัน-ฟิลลิปส์ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ ICC ในระหว่างปี 2003-2007 ระบุว่า การที่รัฐบาลไทยเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ปรากฏเป็นข่าวไปทั่วโลกนั้น เป็นการกระทำที่ไม่เข้าข่ายว่าเป็น Crime against humanity เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามของฝ่ายรัฐที่ต้องการควบคุมความสงบเรียบร้อยของประเทศ และการสลายการชุมนุมของรัฐบาลไทยไม่ได้เกิดขึ้นแบบเป็นประจำ
รวมทั้งยังไม่ได้เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง และถือเป็นเรื่องธรรมดาที่การสลายการชุมนุมทางการเมืองจะต้องมีความสูญเสียเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมในประเทศนั้นๆ จะต้องทำหน้าที่ตัดสิน ไม่ใช่เรื่องที่ศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศต้องเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
นอกจากนั้น อดีตผู้พิพากษา ICC รายนี้ ยังระบุว่า นับตั้งแต่ที่ ICC เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2002 เป็นต้นมา ได้เคยมีผู้ร้องเรียนต่อ ICC ในกรณีที่ได้รับความสูญเสียจากการเข้าสลายการชุมนุมของรัฐบาลเช่นเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง จากหลายประเทศแต่ ICC ก็ไม่เคยนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีแต่อย่างใด เพราะการสลายการชุมนุมทางการเมืองในลักษณะเช่นที่เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้ ถือว่าไม่เข้าข่ายการพิจารณาของ ICC อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีปราศรัย เพื่อขอฉันทามติในการดำเนินการฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม ที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยยืนยันว่า ได้คิดหาทางต่อสู้และได้ปรึกษาหลายฝ่ายรวมถึงสำนักงานกฎหมายระหว่างประเทศ ที่กรุงนิวยอร์ก และได้รับคำแนะนำว่าให้นำเรื่องดังกล่าวไปฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะประเทศไทยมีสนธิสัญญา ซึ่งถือเป็นพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตามกับสหประชาชาติ
ซึ่งศาลดังกล่าวเป็นศาลที่นำอาชญากรระหว่างประเทศ รวมถึงผู้ทำที่ทำรายประชาชนเข้าคุกมาเป็นจำนวนมาก โดยกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ก็ถือว่าเข้าข่ายที่ฟ้องได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน ไม่สามารถหนีหมายจับระหว่างประเทศได้ นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะดำเนินคดีกับรัฐบาลชุดนี้
ขณะที่วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ในฐานะได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ผู้บัญชาการเหตุการณ์ กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกำหนดจะไปชุมนุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ได้เรียกประชุมตำรวจสันติบาล นครบาลและกองปราบปรามเพื่อวางแผนเกี่ยวกับการรับมือ
อย่างไรก็ตาม การประชุมดังกล่าว ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปรายงานข่าว โดยเบื้องต้นมีรายงานว่า จะให้ตำรวจปราบจลาจลเข้ารายงานตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติภายในเวลา 15.00 น. พร้อมด้วยเครื่องมือดับเพลิง ก่อนจัดแบ่งกำลังทั้งในและนอกเครื่องแบบตามภารกิจที่ได้รับ
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า นอกจากนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังได้ออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ว่า มีสาเหตุมาจากอะไร และการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
ทั้งนี้ คณะทำงานที่ตั้งขึ้นมีกรรมการทั้งหมด 14 คน มี รศ.นพ.เจษฎา แสงสุพรรณ รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธาน กำหนดให้สรุปผลภายใน 7 วัน
เพื่อไทย
Monday, October 13, 2008
ม็อบชั่วหน้าแตกยับผู้พิพากษา ICC ชี้ชัดปราบม็อบเรื่องปกติ
อดีตผู้พิพากษาศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ เผยการสลายการชุมนุมของรัฐบาลไทย ถือเป็นเรื่องภายในประเทศ ไม่เข้าข่ายว่าเป็นการก่อ "อาชญากรรมต่อความเป็นมนุษย์" เป็นการควบคุมความสงบเรียบร้อยของประเทศ อีกทั้งการสลายการชุมนุมของรัฐบาลไทยไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่การสลายการชุมนุมทางการเมืองจะต้องมีความสูญเสียเกิดขึ้น