สามเหลี่ยมดินแดง
00 หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ สื่อทางเลือกของประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ฉบับวันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2551 เอกฉัตร เข้าเวรประจำการตามหน้าที่ ด้วยใจหดหู่กับปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบกาย วังเวง ว้าเหว่
00 ศึกในยังไม่รู้จะจบลงอย่างไร ศึกนอกชายแดนกัมพูชา เสียงปืนนัดแรกดังขึ้นมาทักทาย ตามคำบัญชาของ สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหาร ในขณะที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีของไทย ศิษย์พ่อท่านคล้าย ยังคงท่องคาถาประนีประนอม เจรจาสมานฉันท์ ประเทศไทยจะไม่เปิดศึกก่อน ไม่รุกรานใคร จะปกป้องอธิปไตยกับผู้บุกรุกเท่านั้น ไม่ต่างกับคาถาที่ท่องขึ้นใจในการปฏิบัติกับกลุ่มพันธมิตรพันธมารที่ยึดทำเนียบรัฐบาล ย่ำยีหัวใจคนไทย ใกล้ถึงจุดสลายแล้วจะกลายเป็นจุดเดือด ด้วยเหตุนี้แหละ ในทำเนียบรัฐบาลจึงกระพือข่าวกันสนุกปาก เหตุที่ สมเด็จฮุนเซ็น แข็งกร้าว เพราะมีใบสั่งมาจากลอนดอน ต้องการจะกลบข่าวพระราชทานเพลิงศพสมาชิกพันธมิตรฯ และเบี่ยงเบนข่าวก่อนจะถึงวันพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ วันที่ 21 ตุลาคม ที่จะถึง มันจะบ้ากันไปใหญ่
00 อัปรีย์ อ่านว่า อัปรีย์ เป็นคำที่ เอกฉัตร ไม่อยากจะขุดขึ้นมาใช้ แต่วันนี้เหลืออด เมื่อได้ยินได้อ่านคำปราศรัยของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนสำคัญของ กลุ่มพันธมิตรพันธมาร เมื่อคืนวันวาน หยิบยกแอบอ้าง สถาบันที่ปวงชนชาวไทยเคารพบูชา มาแบ่งแยกประชาชน ประกาศกร้าว วันนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างคนที่เอาพระมหากษัตริย์ กับฝ่ายที่ไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงต้องประกาศสงครามครั้งสุดท้าย นี่คือความคิดชั่วๆ ของคนที่ยึดทำเนียบรัฐบาล สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศไปสู่วิกฤติ ไม่เคารพกฎหมาย แล้วยังนำสถาบันที่คนไทยเคารพบูชามาแบ่งแยกประชาชน โปรดฟังอีกครั้ง อัปรีย์ครับ
00 นอกจากนั้นยังจินตนาการพาดพิงไปถึงคนที่ไม่มีโอกาสได้ชี้แจงคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไอ้แป๊ะลิ้ม กล่าวหาใส่ร้ายว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ ทุ่มเงินซื้อรากหญ้า ซื้อตำรวจ ซื้อทหาร เพื่อต้องการล้มล้างสถาบัน ดังนั้นใครที่สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรพันธมาร เป้าหมายคือ ต้องการล้มล้างราชบัลลังก์ เหตุที่กลุ่มพันธมิตรพันธมารรวมตัวกันสู้ เพราะทุกคนรักพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และการทำการเมืองใหม่ต้องเริ่มที่สถาบันพระมหากษัตริย์ มันจะเหิมเกริมเกินความพอดี อัปรีย์ไม่มีที่ติจริงกับแนวคิดชั่วๆ เลวเกินคำบรรยาย เอกฉัตร ฝากความนี้ไปถึงทนายความของ อดีตนายกฯ ทักษิณ แม้เจ้าตัวจะลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ แต่สามารถหาหลักฐานฟ้องร้องได้ จะปล่อยเลยตามเลยเห็นจะไม่ได้การ เพราะเป็นการใส่ร้ายป้ายสีที่ร้ายแรงที่สุดในชีวิตของคนที่ได้ชื่อว่าพสกนิกรชาวไทย
00 ต้องย้อนถามกลับไปยังแกนนำพันธมิตรพันธมาร ไอ้อีตัวไหนกันแน่ที่ปลุกระดมยุยงให้ประชาชนเกลียดชังทหาร ตำรวจ ซึ่งเป็น สถาบันหลักของชาติไทยในการปกป้องราชบัลลังก์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพียงแค่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่ทำตามความต้องการพันธมิตรพันธมาร เหมือนที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก เคยว่านอนสอนง่าย นำทหารออกมาปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ต้องการซ้ำเติมให้ประเทศบอบช้ำสุดที่เยียวยาแก้ไข เพียงแค่พันธมิตรพันธมารย่ำยีประเทศอยู่ทุกวี่ทุกวันก็วิกฤติพอแล้ว ต้องการให้ระบบรัฐสภาแก้ปัญหาการเมือง บิ๊กป๊อก จึงถูกด่าอย่างสาดเสียเทเสีย แถมยังส่งขบวนการมือตบนรกไปเยาะเย้ยถากถาง ไม่เว้นแม้ในงานพระราชทานเพลิงศพ
00 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนตั้งคำถาม ทหารในกองทัพวันนี้ นับหนึ่งถึงเท่าไรแล้ว จึงอดทนอดกลั้น ผิดวิสัยทหารหาญกับการที่ผู้บังคับบัญชาถูกกล่าวหาใส่ร้ายอย่างเสียๆ หายๆ ประจานกันทางสถานีโทรทัศน์ คนได้ดูกันทั่วประเทศ
00 ส่วน ตำรวจในภาวะปกติเป็นหน่วยงานภาพลักษณ์ติดลบในสายตาชาวบ้าน เป็นข้าราชการต้นทุนต่ำ จึงถูก กลุ่มพันธมิตรพันธมารและเครือข่ายช่วยกันกระพือถูกรุมประณามเป็นจำเลยสังคม กล่าวหา ตำรวจเป็นฆาตกรฆ่าประชาชนตายและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งๆ ที่ ตายแค่ 2 คน ซึ่งวันนี้ยังไม่มีข้อสรุปสาเหตุการตาย ในขณะตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ บังคับใช้กฎหมายให้เป็นกฎหมาย ได้รับบาดเจ็บหลายสิบนาย มีใครพูดถึงบ้างไหมว่าตำรวจได้รับบาดเจ็บเพราะอะไร จะให้ตำรวจออกมาร้องโวยวาย เสียงโวายวายไม่สามารถถ่ายทอดสดทางทีวีได้ จึงได้ยินกันในวงแคบเฉพาะญาติพี่น้องและเพื่อนข้าราชการตำรวจเท่านั้น จึงตกเป็นตัวตั้งรับอย่างน่าสงสาร ทำให้ เพลงมาร์ชตำรวจ กลับมาฮิตอีกครั้ง มีประชาชนที่เข้าใจและเห็นใจตำรวจ อยากจะฟังเพื่อให้กำลังใจตำรวจ
00 เอกฉัตร ติดตามข่าวชนิด เกาะติดขอบเวทีมาตลอด ยืนยันมาตลอดว่า การปฏิบัติการเปิดเส้นทางจราจรหน้าบริเวณรัฐสภา ไม่ใช่เป็นการสลายการชุมนุม ตำรวจฝ่ายปฏิบัติได้ทำตามขั้นตอน แต่ที่เกิดเหตุรุนแรงขึ้นมาเพราะม็อบที่ปิดถนนหน้า รัฐสภา เป็นม็อบที่จัดตั้งพร้อมจะตอบโต้ตำรวจทุกรูปแบบ มีการวางแผนทั้งรุกและรับเป็นขั้นเป็นตอน มีการเตรียมอาวุธนานาชนิดไว้พร้อม แก๊สน้ำตาที่ยิงออกมาเพื่อให้ม็อบแตกฮือนั้น เป็นการแตกฮือเพื่อหลบไม่ให้แสบตา แต่กลับมารวมตัวกันใหม่ ตามเสียงปลุกระดมของแกนนำ จึงรวมกันแน่นหนาในตอนบ่าย หลังจากคณะรัฐมนตรีและ ส.ส. เข้าไปอยู่ในสภา เป็นการรวมตัวเพื่อปิดกั้นไม่ให้คนในรัฐสภาออก ถึงขนาดตะโกนฆ่ามัน...ฆ่ามัน และยิงปืนใส่ตำรวจบาดเจ็บไปหลายนาย จากนั้นยกพล บุกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นการกระทำที่เหิมเกริมไม่เกรงกลัวกฎหมาย นั่นแหละจึงเกิดภาพข่าว ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาไม่ยั้งมือ ทำให้ต่อมดัดจริตกระตุก รุมประณามตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งในเหตุการณ์อย่างนั้น ไม่ว่าใครเป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจฝ่ายปฏิบัติการ ก็ต้องดำเนินการอย่างที่เห็น มิฉะนั้นสถานที่ราชการทั้งรัฐสภาและกองบัญชาการตำรวจนครบาล คงเหลือแต่ซาก
00 อ่านข่าวแล้วอดขำไม่ได้ เมื่อเห็นคณะกรรมการที่ตั้งกันขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน หาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ซึ่งยังไม่ทราบชะตากรรม จะต้องไปให้ปากคำทุกคณะ ไม่รู้เกษียณอายุราชการไปแล้ว ไปให้ปากคำครบทุกคณะหรือเปล่า แต่ไม่ว่าคณะกรรมการจะตั้งขึ้นมากี่คณะ จะตั้งธงกันไว้ล่วงหน้าหรือไม่ แต่ถ้ามีการย้ายตำรวจตามกระแสกดดันของผู้กระทำความผิด เอกฉัตร ขอไว้อาลัยล่วงหน้า และจะเดินสายให้ตำรวจเปลี่ยนแปลงการทำงานใหม่ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็จะลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จะปลอดภัยที่สุดกับหน้าที่การงาน