WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, October 16, 2008

ใครกระทำให้สังคมไทยแตกแยก ...???


คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว

ผมเชื่อว่า อารมณ์ความรู้สึกของประชาชนคนไทยในเวลานี้ .... ขณะนี้ กระเจิดกระเจิง จนไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุมันอยู่ที่ไหน กันแล้ว.... ???

ไม่รู้แม้กระทั่ง อะไรคือถูก .... อะไรคือผิด เพราะทุกอย่าง ผิดฝา ผิดตัว ผิดจากมโนธรรมที่เคยรับรู้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง !!!

แต่ที่แน่ๆ อาการทุกอย่างเริ่มเกิดขึ้นนับแต่ผู้นำกองทัพนำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น

ลุแก่อำนาจ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยใช้กองกำลังยุทโธปกรณ์ทางทหารที่มาจากภาษีของประชาชน เข้าล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ฉีกรัฐธรรมนูญของประชาชนทิ้ง ซึ่งทั้งหมดก็คือ การทำลายระบอบประชาธิปไตย

หลังจากนั้น เผด็จการคณะนายทหารที่เรียกตัวเองว่า คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. ซึ่งต่อมาต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.

ได้ลากเอากลุ่มพรรคพวกที่ร่วมกันทำลายระบอบประชาธิปไตย ในหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการเก่า ตุลาการบางท่าน นักวิชาการ เอ็นจีโอ หรือแม้กระทั่งสื่อมวลชน ที่อยู่เบื้องหลังสนับสนุนให้เกิดการยึดอำนาจ เข้ามานั่งบงการ วางกฎเกณฑ์ กติกาใหม่ให้กับสังคมไทย ....

ที่สำคัญ กฎกติกาใหม่นี้ ไม่ว่าจะเป็นประกาศ คปค. ที่ทยอยออกมาบังคับ กดหัวประชาชนผู้รักประชาธิปไตย หรือแม้แต่การตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. จนทำคลอดรัฐธรรมนูญ 2550 ออกมาได้สำเร็จ

แต่ทุกส่วนที่กล่าว ได้กลายเป็นชนวนที่ทำให้ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังคงรักระบอบประชาธิปไตย อึดอัด สงสัย เคียดแค้น เพราะผลของกฎ กติกา ที่ออกมาใช้กดหัวประชาชนนั้น มันคือกฎของเผด็จการหลงยุค ....

ซ้ำร้าย ความไม่พอใจของประชาชน ที่ก่อนหน้านี้ต่างได้แสดงออกมาแล้วจากการชุมนุมของ กลุ่มประชาชนที่เรียกตัวเองว่า แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ต่อการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ได้ถูกกระหน่ำ ซ้ำเติม เข้ามาอีกอย่างเป็นระลอก

ไม่เว้นแม้แต่ หลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ที่พรรคพลังประชาชน ชนะการเลือกตั้ง ฝ่าด่าน เข้ามาเป็นรัฐบาลได้ จากการสนับสนุนของประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ

เพราะเหล่าอำมาตยาธิปไตย ได้ใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรม เบี่ยงเบน รังแก ตัวแทนของประชาชน อย่างไม่มียางอาย ....!!!

ประชาชนเริ่มจับต้องได้อย่างแท้จริงว่า อำนาจที่ได้มาอย่างไม่ชอบธรรม อันเป็นมรดก สืบทอดมาจาก คมช. ยังคงดำรงอยู่เพื่อทำลายระบอบประชาธิปไตย !!!

คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.จ้องดำเนินการเอาผิด สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อตัดทอนเสียงสนับสนุน ไม่ให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศได้

สมาชิกวุฒิสภา ที่มาจากการลากตั้ง 74 คน อันเป็นเชื้อสายพันธุ์เผด็จการ คมช. ที่วางไข่ไว้ เริ่มสำแดงธาตุแท้ให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว กลุ่มคนพวกนี้ได้รับปฏิบัติการเป็นทางในมาแล้ว ในการหาเรื่อง จ้องเอาเรื่อง จ้องขุดคุ้ย ชงเรื่อง ในการทำลายพรรครัฐบาล อย่างสุดลิ่ม

ขณะที่ฝ่ายรับลูก ก็คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่ถูก คมช.อุ้มขึ้นไปนั่งแท่น คอยท่าใช้อำนาจที่มีอยู่ทำลายล้างในทันที โดยไม่แยแสต่อความรู้สึกของสังคมโดยส่วนรวม ว่าชอบธรรมหรือไม่

หรือแม้แต่การออกมากระทำการก่อกวนสังคม ก่อกวนการบริหารของรัฐบาล จากกลุ่มพันธมิตรฯพันธมาร ที่เหิมเกริมจนถึงขั้นเข้าข่ายก่อกบฎ แต่กลับได้รับการคุ้มครอง อย่างหน้าตาเฉย จากตัวแทนของ คมช. ที่เข้ามาอยู่ในคราบของตุลาการภิวัตน์

สิ่งเหล่านี้ต่างหาก ที่ส่งผลให้ สังคมไทยแปรปรวน หมิ่นเหม่ต่อการเกิดสงครามกลางเมืองในท้ายสุด ...!!!

เป็นอาการแปรปรวนในอารมณ์ที่ขุ่นมัวของประชาชน ที่ฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน จากการใช้ทั้งกำลังทางทหารกดขี่ประชาชน ต่อเนื่องมาถึง การใช้ตุลาการภิวัตน์ กดหัว ปิดปากประชาชน ด้วยกฎหมายที่ไม่ชอบธรรม

การวินิจฉัย ตัดสินคดีความ ที่ตรงข้ามกับความรู้สึกของประชานส่วนใหญ่ ที่กล่าวได้ว่า ดูจะทำให้จากดำเป็นขาว หรือจากขาวเป็นดำ ได้อย่างหน้าตาเฉย

ไม่ยี่หระ แม้แต่อาจจะต้องถูกสังคมตั้งข้อสงสัยประณามลับหลังว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการยุติธรรมของไทย

ที่ร่ายยาวมาถึงแค่นี้ จริงๆ แล้ว ไม่สามารถบรรยายอย่างถี่ถ้วนได้ทั้งหมดในอารมณ์คนไทยในขณะนี้ ได้

เพราะบ้างก็ทั้งเจ็บใจ ทั้งแค้น ที่ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม .... !!!

บ้างก็ต้อง งุนงง สงสัย ในพฤติกรรมของเหล่าผู้คนที่ยกหางตัวเองเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม อะไรกันที่ทำให้คนพวกนี้ หน้าหนา หน้าทนได้ถึงเพียงนี้

ทั้งหมดจึงกล่าวได้ว่า เป็นการกระหน่ำซ้ำเติมปัญหาของประเทศให้หนักหนาสาหัสขึ้น จากฝีมือของสมุน คมช. ที่ต้องการคงอำนาจของตัวเองไว้ให้ยาวนานที่สุด ....

เป็นการกระหน่ำซ้ำเติม ที่มีเป้าหมายแน่ชัดของฝ่ายอำมาตยาธิปไตย ที่ต้องการควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ แทนตัวแทนของประชาชนที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาตามระบอบประชาธิปไตย

ยิ่งได้ฟัง นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อไม่กี่วันมานี้ โดยกล่าวถึง ความแตกแยกในบ้านเมืองที่เกิดขึ้นนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นคนเดียวที่จะปลดล็อกปัญหาต่างๆ ได้

นายอานันต์ กล่าวว่า “ผมไม่มีอะไรแนะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งใจจริงก็จะทำให้การเมืองผ่อนคลายลงได้”

ผมก็อยากจะบอกนายอานันท์ เช่นกันว่า “สิ่งที่พูดออกมานั้น ใช้อะไรคิด ? ใช้อะไรตรอง ? “

เอะอะ อะไร ก็ไปลงที่อดีตนายกฯ ทักษิณ

ทั้งที่ทุกอย่างที่เกิดเป็นความแตกแยกของบ้านเมืองขณะนี้ เกิดขึ้นจากพวกที่นิยมเผด็จการอำมาตยาธิปไตย ที่อยากจะปกครองประชาชน ได้รวมมือกันก่อการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นเมื่อ 19 กันยายน 2549

แม้แพ้การเลือกตั้งมาแล้ว ตามกติกาของเผด็จการ ก็ยังไม่ยอมรับ ยังคงกระหน่ำ ฉุดรั้ง เพื่อเอาชนะให้ได้อย่างหน้าด้านๆ นี่ต่างหากที่ทำให้สังคมไทยต้องแตกแยกถึงขั้นนี้ ....

จึงไม่ใช่เรื่องที่อดีตนายกฯทักษิณ ต้องมาปลดล็อก .... แต่เป็นปัญหาร้ายแรงที่ถูกก่อขึ้นจากความกระหายในอำนาจของกลุ่มอำมาตยาธิปไตย ที่กำลังใช้อำนาจ กดหัวประชาชน

จึงเป็นเรื่องระหว่างประชาชนที่ต้องการระบอบประชาธิปไตย กับ สมุนเผด็จการ ที่ต้องการพลิกบ้านเมืองไปสู่ระบอบอำมาตยาธิปไตย

เป็นการต่อสู้ระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการอำมาตยาธิปไตย โดยแท้ ............

พร ภัทร