ที่มา มติชน
ทางวิทยุ อสมท คลื่นเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิร์ตซ์ ในรายการ "เอ็กซ์คลูซีฟ" ซึ่งมี จอม เพ็ชรประดับ เป็นผู้ดำเนินรายการ
ที่ส่งสัญญาณพร้อมเจรจากับทุกคน เพื่อนำไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์
แต่เมื่อถามถึงการกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม "พ.ต.ท.ทักษิณ" กลับโจมตีกระบวนการยุติธรรมไทย ทั้งที่ในตอนต้น ตัวเองเป็นฝ่ายยื่นมือมาจับก่อนด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีคือ ทำให้ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสื่อรัฐ ควันออกหู สั่งสอบหาที่มาที่ไป ว่าเหตุใด "อดีตนายกฯ" จึงให้สัมภาษณ์โจมตีรัฐในสื่อของรัฐได้
งานจึงเข้า "จอม" เต็มๆ
ชื่อ จอม เพ็ชรประดับ รู้จักกันดีในวงการสื่อสารมวลชน ในฐานะคนข่าวมืออาชีพ ผู้มีชื่อเสียง และฝีไม้ลายมือเป็นที่ยอมรับในวงการ
คำถามจึงตั้งขึ้นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีการ "เซ็ต" กันไว้ล่วงหน้าหรือไม่
จึงไม่แปลกที่ฝ่ายการเมืองจะไม่พอใจ เพราะการเปิดโอกาสให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" บุกตีท้ายครัว ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อรัฐ
ไม่ต้องดูที่เนื้อหาสาระ แต่เหมือนเป็นการ "ตบหน้า" รัฐบาลเต็มๆ ในภาวะกำลังชิงไหวชิงพริบ ต่อสู้ทางการเมืองกับ "อดีตนายกฯ" อยู่ในวันนี้
คำสัมภาษณ์ของ "สาทิตย์" จึงร้อนแรงดุเดือด มีการเปรียบเปรยกับ "นักโทษประหาร" ที่เมื่อศาลตัดสินแล้ว ไม่มีใครที่ไหนจะออกมาให้สัมภาษณ์ เพราะอย่างไรก็ต้องโจมตีศาลอยู่ดี รังแต่จะบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมเอาเปล่าๆ
แน่นอนในความเป็นวิชาชีพสื่อ อิสระในการนำเสนอแง่มุมที่รอบด้านจากทุกฝ่าย เป็นสิ่งสำคัญต่อการตัดสินใจของประชาชน
เป็นอุดมคติอันสูงสุดของวิชาชีพ ในเรื่องการวางตัวเป็นกลางและเปิดโอกาสให้ทุกฝ่าย
แต่ในภาวะการเมืองไม่นิ่ง ยังมีการหัก เหลี่ยมเฉือนคม อุดมคติวิชาชีพเหล่านี้ ดูจะห่างไกลที่จะทำได้
เมื่อถอดรหัสปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นครั้งแรกที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" สามารถสื่อสารออกนอกเครือข่ายสื่อของตัวเอง ที่เคยฉายภาพซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยู่แต่สื่อของคนเสื้อแดง
การพูดจาผ่านสื่อรัฐได้ ถือเป็นการรุกคืบเพื่อหวังผล ได้หักหน้ารัฐบาล ได้ส่งสัญญาณทอดสะพานสมานฉันท์ไว้ล่วงหน้า ก่อนจะมีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 กันยายน
ว่าเป็นฝ่ายจำยอม ฝ่ายเข้าหา หากจะมีเหตุรุนแรงใดๆ ในการชุมนุมหลังจากนี้ ย่อมขัดแย้งกับสัญญาณที่ส่งไป
แต่ด้วยความที่ห้ามใจไม่ให้เหน็บแนมในกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ ไม่ว่าใครใน "พรรคประชาธิปัตย์" ก็ย่อมไม่ไว้ใจ ออกมาปฏิเสธไมตรีโดยสิ้นเชิง
แต่กระนั้น สิ่งที่ผู้ส่งสารต้องการ ก็ได้ไปเรียบร้อยแล้ว
โดยมีรายการ "เอ็กซ์คลูซีฟ" ของ "จอม" เป็น "ช่องทาง" ร้ายกว่านั้น อาจเรียกว่าเป็น "เครื่องมือ"
"จอม" เป็นคนข่าวมืออาชีพในวงการ โดดเด่นมาตั้งแต่อยู่วงการหนังสือพิมพ์ สไตล์วิเคราะห์เจาะลึกแง่มุมการเมืองทุกมิติ
มาจนครั้งสังกัด "ทีไอทีวี" ด้วยรายการ "ตัวจริง ชัดเจน" แต่ภาพที่ถูกมองว่าใกล้ชิด "อดีตนายกฯ" ทำให้ถูกถอดรายการในสมัย คมช. ที่มี ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ หลังเดินทางไปสัมภาษณ์ "พ.ต.ท. ทักษิณ" ถึงฮ่องกง
จนต้องรวมตัวกับเพื่อนในวงการสื่อ ทำรายการ "ถามจริง ตอบตรง" ทาง "เอ็นบีที" ในครั้งที่ "จักรภพ เพ็ญแข" เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ยุค "สมัคร สุนทรเวช"
มีการดึงคนภายนอกเข้ามาทำรายการ ส่วนใหญ่เป็นพนักงาน "ทีไอทีวี" เดิม
ทำท่าจะไปได้ด้วยดี ก็เกิดปัญหา ถูกถอดอีกครั้ง บริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด ขอยกเลิกสัญญา ที่มีการตกลงเซ็นสัญญาถึงเดือนเมษายน 2552
ด้วยข้อหาไม่สนองนโยบายรัฐ ไม่ตอบรับใบสั่งการสัมภาษณ์บุคคลในออเดอร์ ซ้ำยังไปสัมภาษณ์บุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น "อภิสิทธิ์" ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน รวมถึงคนแรงอย่าง ใจ อึ๊งภากรณ์
หากย้อนดูรายละเอียด การทำหน้าที่ของ "จอม" ล้วนมีหลายแง่มุม หาได้เจาะจงเพียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
เมื่อถูก "รัฐบาลสมัคร" ปลดกลางอากาศ "จอม" ได้นำความทุกข์ร้อนใจนี้ ไปหารือกับ "อภิสิทธิ์" แบบส่วนตัวนานนับชั่วโมง จน "พรรคประชาธิปัตย์" ซึ่งเป็นฝ่ายค้านขณะนั้น ออกโรงช่วยชน
"สมัคร" จึงโดนข้อหา "แทรกแซงสื่อ"
ชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับ "จอม" วันนี้ หาได้เป็นประเด็นการทำหน้าที่ของเขาเพียงอย่างเดียว แต่มีเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองเข้ามาด้วย
ที่จริงแล้ว "สาทิตย์" กับ "จอม" มีสายสัมพันธ์ที่ดี ด้วยคอนเน็กชั่น มอ.ปัตตานี เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน โดยเฉพาะในวงการสื่อ
รายการ "เอ็กซ์คลูซีฟ" ของ "จอม" จึงเป็นเพียงสัญลักษณ์ตัวแทนการต่อสู้ของสองฝ่าย
ที่คนในวิชาชีพสื่อ รวมถึงรัฐบาล ต้องเก็บมาคิดว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ "สื่อ" หรือ "การเมือง"
อย่าลืมว่า ประเด็นต่างๆ ที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" พูดผ่าน "เอ็กซ์คลูซีฟ" ล้วนซ้ำเดิม
แต่ที่เสียง "พ.ต.ท.ทักษิณ" ยังคงดัง และหลอกหลอนฝ่ายตรงข้ามอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะการ "ผลิตซ้ำ" ของสื่อหลักทุกประเภทต่างหาก
ปั้นจนกลายเป็น "ปีศาจ" ถาวร
เพราะเพียงคำพูดของคนคนหนึ่ง ในงานวัดเล็กๆ คงไม่สามารถสื่อถึงคนไทย 65 ล้านคนได้ หากสื่อหลักไม่นำเสนอต่อ
ทบทวนบทบาทตัวเองกันถ้วนหน้า...