ที่มา บางกอกทูเดย์
“การชี้แจงผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ของ นายกษิตภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา สร้างความผิดหวังให้กับพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ”ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นประโยคออกจากปาก นายสนธิ ลิ้มทองกุลแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ต่อว่า นายกษิตภิรมย์ ที่เคยเป็นคนเสื้อเหลืองด้วยกัน เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯทุกวัน ทั้งที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ทำเนียบรัฐบาล หรือสนามบินสุวรรณภูมิการออกมาเคลื่อนไหวของ “พันธมิตรฯ” ครั้งนี้ น่าจับตามองอย่างยิ่งว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะ “สู้เพื่ออะไร” เพราะหากนับนิ้วดูก็พอจะรู้ว่า หากครั้งนี้ “พันธมิตรฯ” ออกมาชุมนุมอีกก็จะครบ 3 ครั้งดูจากรูปการณ์แล้ว แกนนำพันธมิตรฯ อย่าง “สนธิ”เริ่มคันไม้คันมืออยากออกมาจากบ้านพระอาทิตย์เต็มที หลังต้องหลบพิษเพราะที่ถูกมือปืนสาดกระสุนนับร้อยนัดใส่เมื่อช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่านมาและเมื่อวันที่ 8 ก.ย.นายสนธิออกมานั่งแถลงข่าวตัวเอง เป็นครั้งแรกนับจากเหตุการณ์ถูกลอบสังหารครั้งนี้นายสนธิยังใช้มุกเดิม คือ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมกับประกาศจะล่ารายชื่อ20,000 ชื่อ เพื่อยื่นถอดถอน ส.ส. และ ส.ว.ที่ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญพร้อมกับหันมาต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ว่าไม่จริงใจต่อการแก้ปัญหาบ้านเมือง แม้ ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์และตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินขึ้นเวทีพันธมิตรฯที่ทำเนียบรัฐบาล
เพื่อให้กำลังใจมาแล้วหรือแม้แต่ภาพ ครม.อภิสิทธิ์ ยกพลร่วมงานเปิดตัวTAN NETWORK ทีวีภาคภาษาอังกฤษ เมื่อเดือน ส.ค.แต่เวลานี้ภาพ “คนกันเอง” ในอดีตเป็นแค่ละครฉากหนึ่งไปแล้ว เพราะละครฉากใหม่กำลังจะเกิดขึ้น“พันธมิตรฯ” เริ่มออกมาประกาศตัวอยู่คนละข้างกับรัฐบาลมาตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ อาจเป็นเพราะรัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่สามารถสนองความต้องการบางอย่างได้เพราะบางอย่างที่ “พันธมิตรฯ” ขอนั้นก็ยากเกินที่รัฐบาลจะจัดให้ได้ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้ “ปลด” พล.ต.อ.พัชรวาทวงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ที่เชื่อว่าเป็น “ตอ” คดีลอบยิงนายสนธิแม้จะไม่ปลดซะทีเดียวแต่ก็เหมือนปลด เพราะทุกวันนี้ ผบ.ตร.แทบจะไม่ต้องทำงาน นอกจากตอบคำถามสื่อว่ากลัวจะถูกปลดหรือไม่?แต่ก็ยังไม่พอเพราะความต้องการ คือ “ปลด” พันธมิตรฯยังคงออกมากดดันผ่านสื่อเสื้อเหลือง ทั้งการขุดคุ้ยโครงการทุจริตในอดีต การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่โปร่งใส เรียกว่าเอาให้ตายคาที่ไม่ต้องฟื้นเลยทีเดียวขณะที่ “เทพเทือก” ก็บ้าจี้ตามพันธมิตรฯ ตั้งอนุ ก.ตร.ตรวจสอบ ผบ.ตร. ในความผิดที่แต่งตั้งโยกย้ายปี 2551 ไม่เหมาะสมจำนวนกว่า 2,962 ตำแหน่งแม้คนในรัฐบาลบางคนจะเล่นบทตาม “คุณขอมา” แต่ก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น “พันธมิตรฯ” ยังไม่ “แฮปปี้” จนกว่าจะสามารถทำได้ตามข้อเรียกร้องทั้งหมดจึงน่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่า “ศึกคนกันเอง” คราวนี้จะเป็นอย่างไร จะกล้าสาวไส้ให้กากินอย่างที่คอการเมืองหลายคนคาดการณ์หรือไม่ในไม่ช้าก็จะรู้ผล ■