ที่มา Thai E-News
ความยุติธรรม-ศาลอุทธรณ์ตัดสินแก้โทษให้สนธิ ลิ้มทองกุล จากจำคุก 2 ปีเหลือเพียง 6 เดือน ระบุ"รุนแรงเกินไป" ส่วนดาตอร์ปิโดศาลตัดสินจำคุก 18 ปี เกินกว่าอัตราโทษสูงสุดที่กำหนดไว้ 15 ปี โดยอ้างว่าทำผิด 3 กระทงเลย"ต้องมีตัวคูณเพิ่มโทษ" ล่าสุดดายังเผชิญชะตามืดถูกใช้นักโทษด้วยกันทำร้ายร่างกาย และแยกขังเดี่ยว
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
11 กันยายน 2552
ศาลอุทธรณ์แก้โทษสนธิลิ้มจากคุก2ปีเหลือ6เดือน ระบุรุนแรงเกินไป
วันนี้ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินคดีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีต รมช.คมนาคม และอดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล หมิ่นประมาทใส่ความว่านายภูมิธรรมไม่จงรักภักดีสถาบันกษัตริย์ และส่งเงินให้เวบไซต์มนุษยะโจมตีสถาบัน โดยได้แสดงความปรานีแก้ไขลดโทษให้นายสนธิ จากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปีให้เหลือเพียง 6 เดือน
คำตัดสินระบุว่า
"ทั้งนี้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 5 มีความผิดนั้นชอบแล้ว แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 5 (นายสนธิ)ตามมาตรา 326 ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วย ทั้งที่พิพากษาโทษ ตามมาตรา 328 ฐานหมิ่นผู้อื่นโดยการโฆษณาด้วยสิ่งบันทึกเสียง และภาพ และสื่อสิ่งพิมพ์ไปแล้วนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่า รุนแรงเกินไป ไม่เหมาะสมกับพฤติการณ์ เพราะเมื่อลงโทษจำเลยที่ 5 ตามมาตรา 328 แล้ว ก็ไม่จำต้องพิจารณาโทษ ตาม มาตรา 326 อีก จึงพิพากษาแก้โทษนายสนธิ จำเลยที่ 5 เป็นจำคุก 6 เดือน "
นายสนธิกล่าวในช่วงเย็นกับ ASTV กระบอกเสียงของโจรก่อการร้ายพันธมิตรตอนหนึ่งว่า คดีที่เขาถูกตัดสินให้จำคุกมีทั้งหมด 4 คดี รวมถูกตัดสินจำคุก 8 ปี โดยทั้งหมดเป็นคดีตอนที่ทักษิณมีอำนาจอยู่
"ฉะนั้น ศาลก็ตกเป็นเครื่องมือเขา ก็ต้องสู้ เข้าใจว่าถอยไม่ได้แล้ว..คดีอุทธรณ์ครั้งนี้ลดจาก 2 ปี เป็น 6 เดือน เจตนาไม่รอลงอาญาเพื่อจะบีบผม เอาคุกมาขู่ ก็ต้องตัดสินใจเดินหน้า ถ้าถึงฎีกาจะต้องติดก็ติด นักรบต้องไม่กลัวตาย” นายสนธิ กล่าว
ดาตอร์ปิโดถูกขังเดี่ยว-ใช้นักโทษทำร้ายร่างกาย
ขณะเดียวกันดา ตอร์ปิโด ซึ่งถูกนายสนธิ ลิ้ม กดดันให้มีการดำเนินคดีหมิ่นฯ โดยแม้คดีนี้จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี แต่ศาลตัดสินโดยระบุว่ากระผิด 3 ครั้ง ตัดสินจำคุกกระทงละ 6 ปี รวมเป็น 18 ปี สูงกว่าอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติไว้นั้น ล่าสุดมีรายงานข่าวว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างยิ่ง เมื่อกลายเป็นนักโทษในเรือนจำ
"ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณสมชาย สำนักข่าว dpa เล่าให้ฟังว่า สถานการณ์คุณดาแย่มาก ตอนแรกทางเรือนจำออกข่าวทางบวกว่าคุณดาได้รับเลือกในกลุ่มให้เป็นหัวหน้า หรือเป็นประชาสัมพันธ์ให้เรือนจำ แต่ต่อมาถูกทางเรือนจำปลด มีการให้นักโทษมาทำร้ายร่างกาย ขณะนี้ถูกขังเดี่ยว เมื่อญาติไปเยี่ยมและซื้อชุดนอนไปให้ ก็ถูกเรือนจำยึดไป การสนทนาก็มีการดักฟัง"ผู้ทราบเหตุการณ์เปิดเผย
สมาชิกสมัชชาสังคมก้าวหน้า ซึ่งกำลังรณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อให้ปลดปล่อยดารณี เชิงชาญศิลปกุล "ดา ตอร์ปิโด"กล่าวเปิดเผยว่า เท่าที่เขาทราบ ทางเรือนจำใช้วิธีหยาบคาย สกปรก ใช้วิธีการกดดัน นักโทษในเรือนจำ
ขณะนี้สมัชชาฯกำลังจัดทำโครงการจดหมายรักถึงนักสู้ประชาธิปไตย เพื่อให้ทั้งสังคมตื่นตัวว่า ไม่ควรยินยอมให้คนๆหนึ่งที่เป็นผู้คิดเห็นต่างจากผู้มีอำนาจในบ้านเมืองต้องโดนจำคุกแบบนี้ และไม่ควรปล่อยให้โดดเดี่ยว จึงอยากวิงวอนให้เสียสละเวลาเพียงเล็กน้อยด้วยการหากระดาษเขียนจดหมาย หรือไปรษณียบัตรเขียนมาร่วมโครงการ แสดงพลังของสังคม "เราจะทำอย่างไรให้คนเสื้อแดงทั้งหมดรับรู้รับทราบ และถือเป็นภารกิจอีกอันของคนเสื้อแดง"
ประชาไทรายงานข่าวเรื่อง ทนาย ‘ดา ตอร์ปิโด’ จี้ราชทัณฑ์แจงการกักเดี่ยว-เลือกปฏิบัติ โดยมีเนื้อหาข่าวดังนี้
ทนายความของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้ต้องขังคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำหนังสือร้องเรียนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4 ฉบับ ขอให้ชี้แจงเหตุผลกรณีสั่งขังเดี่ยว เปลี่ยนบัตรป้ายชื่อเพิ่มข้อหาความผิด พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า การหารือ-เอกสาร ระหว่างทนายและลูกความอาจรั่วไหล
11 ก.ย.52 นายประเวศ ประภานุกูล ทนายความของนางสาวดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้ต้องขังคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (หมายเลขคดีดำที่ อ.3959/2551) ระบุว่า ได้ทำหนังสือเรียกร้องไปยังนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เรียกร้องให้ยุติการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างไม่เป็นธรรม 4 ฉบับ เนื่องจากได้ข้อมูลการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมภายในเรือนจำหลังจากเข้าเยี่ยมลูกความเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หนังสือทั้ง 4 ฉบับดังกล่าว ประกอบด้วย
1. สอบถามถึงการลงโทษทางวินัยด้วยการกักเดี่ยวนางสาวดารณี โดยขอให้ชี้แจงถึงการกระทำความผิด เหตุผลของคำสั่ง และกฎหมาย ระเบียบที่รับรองคำสั่งดังกล่าว
2. สอบถามและเรียกร้องให้ยุติ กรณีทีทัณฑสถานได้สั่งเปลี่ยนป้ายชื่อของนางสาวดารณีใหม่ โดยระบุข้อหาที่ถูกดำเนินคดีด้วย
“การเปลี่ยนบัตรดังกล่าวเป็นการประจานนางสาวดารณี ว่ากระทำการล่วงละเมิดสถาบันอันเป็นที่เคารพของชนทั่วไป ทำให้นางสาวดารณีถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากผู้ต้องขังคนอื่นตลอดจนเจ้าหน้าที่ของทัณฑสถานหญิงกลาง การเปลี่ยนป้ายชื่อใหม่ดังกล่าวจึงไม่ต่างจากการหมิ่นประมาทนางสาวดารณี ทั้งการกำหนดเครื่องแบบผู้ต้องขังให้แตกต่างกันตามความหนักเบาแห่งข้อหาที่ผู้ต้องขังแต่ละคนถูกดำเนินคดี ก็เป็นการแบ่งชั้นวรรณะ ไม่ต่างจากเจตนาประจานผู้ต้องขังเช่นกัน”
3. เรียกร้องให้จัดการพบทนายความของผู้ต้องขังให้โปร่งใส โดยจดหมายระบุว่า นายประเวศได้เดินทางเข้าพบนางสาวดารณีซึ่งเป็นลูกความ จากนั้นได้เดินออกมาถ่ายเอกสาร เมื่อเดินกลับไปอีกครั้ง พบเจ้าหน้าที่บางคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ข้อความบางส่วนที่เขาพูดคุยกับนางสาวดารณี ทั้งที่ทนายจำเลยมีสิทธิพบปะพูดคุยกับจำเลยเป็นการส่วนตัว ทั้งนี้ เขายังเรียกร้องให้จัดแสดงสายโทรศัทพ์ที่ใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างทนายและลูกความให้เด่นชัดว่าไม่มีการต่อสายพ่วงเพื่อดักฟัง
4.เรียกร้องให้จัดเก็บเอกสารเกี่ยวกับคดีให้เป็นความลับ โดยจดหมายระบุว่า โดยที่ศาลอาญาได้สั่งให้พิจารณาคดีนี้เป็นการลับ พยานหลักฐานต่างๆ ในคดีจึงต้องห้ามมิให้เผยแพร่ตามกฎหมาย และเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ทนายได้ส่งสำเนาพยานเอกสาร พร้อมแผ่นซีดี 3แผ่นให้นางสาวดารณีตรวจสอบความถูกต้อง แต่ด้วยกฎของทัณฑสถานหญิงกลางไม่อนุญาตให้นางสาวดารณีเปิดแผ่นซีดีตรวจข้อมูลดังกล่าว แต่กลับปรากฏเหตุการณ์บางอย่างชวนให้สงสัยว่า อาจมีบุคคลอื่นได้ทราบข้อมูลในแผ่นซีดีดังกล่าว และจนปัจจุบันทางทัณฑสถานหญิงกลางก็ยังไม่ได้ส่งมอบคืนซีดีนั้นแก่ทนาย จึงขอเรียกร้องให้วางระเบียบอย่างชัดเจนให้เอกสารที่ทนายส่งมอบให้ผู้ต้องขังเป็นความลับ และหากหลักฐานใดที่ตามระเบียบเรือนจำ ผู้ต้องขังไม่สามารถตรวจสอบได้ก็ขอให้คืนแก่ทนายในทันที
โครงการเขียนจดหมายถึงดารณี:เราจะไม่ทอดทิ้งกัน
“อิสรภาพก็คือคุก ตราบเท่าที่ยังมีคนอยู่เยี่ยงทาสแม้แต่เพียงคนเดียวในโลก”-อัลแบร์ กามู นักเขียนรางวัลโนเบลชาวฝรั่งเศส
สมัชชาสังคมก้าวหน้าขอเชิญท่านผู้รักประชาธิปไตยร่วมโครงการ “เขียนจดหมายรักถึงนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย”
ที่มาของโครงการ-สมาชิกของสมัชชาสังคมก้าวหน้าได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจคุณดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล (ดา ตอร์ปิโด) นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยคนหนึ่ง ที่ถูกข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ณ เรือนจำคลองเปรม จากนั้นเรามองว่า ควรทำกิจกรรมให้กำลังใจคุณดาต่อไป จึงได้ริเริ่มโครงการ “เขียนจดหมายรักถึงนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” ซึ่งมีคำขวัญของโครงการนี้ว่า “เราจะไม่ทอดทิ้งกัน” โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. มนุษย์ตามระบอบประชาธิปไตยย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ไม่ควรถูกรังแกและถูกคุมขังในระหว่างที่ถูกกล่าวหา เพราะถือว่าบุคคลนั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ว่ามีความผิดจริง
2. กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้ถูกนำมาใช้ลงโทษผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง โดยเฉพาะผู้รักประชาธิปไตย ซึ่งต้องมีการทบทวนกฎหมาย ดังนั้นผู้ถูกกุมขังในขณะนี้จึงเป็นเพียงเหยื่อทางการเมือง กรณีคุณดา ตอปิโดได้ถูกพิพากษาจำคุกถึง 18ปีไปเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2552
สมัชชาสังคมก้าวหน้าจึงขอเป็นหัวขบวนเปิดโครงการ โดยจะเขียนจดหมายส่งคุณดาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ฉบับอย่างต่อเนื่อง และท่านผู้รักประชาธิปไตยสามารถเขียนจดหมายรักหรือส่งโปสการ์ด ตามเงื่อนไข ดังนี้
1. ห้ามเขียนหรือกล่าวถึงเรื่องการเมืองและห้ามส่งภาพถ่ายจากกล้องถ่ายรูปเนื่องจากเป็นระเบียบของเรือนจำ
2. เขียนด้วยลายมือ เพื่อแสดงมิตรไมตรีระหว่างคนกับคน เพราะคุณดาและผู้ถูกกุมขังอื่นถูกลดฐานะความเป็นมนุษย์ จึงต้องการแสดงออกที่เป็นการคงสถานะความเป็นมนุษย์นี้ไว้
3. ระบุที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ของท่านเพื่อที่เราจะติดต่อกลับไป หากมีจดหมายตอบกลับจากคุณดา
4. สมัชชาสังคมก้าวหน้าขอเปิดจดหมายของท่านก่อนที่จะส่งต่อถึงคุณดา เพื่อถ่ายสำเนาจดหมายของท่านไว้และนำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ เช่น ในบล็อกประชาไท และให้คุณดาตอบจดหมายท่านผ่านตู้ป.ณ.ของเรา ซึ่งเราก็จะขอเปิดจม.ก่อนนำส่งต่อ เพื่อสำเนาไว้เช่นเดียวกัน
เนื่องจากเราจะรวบรวมสำเนาจดหมายทั้งหมดไปแสดงนิทรรศการงานศิลปะเพื่อประชาธิปไตย ในวันที่ 6 ตุลาคม 2552 ซึ่งจะประชาสัมพันธ์งานนี้อีกครั้งหนึ่ง
กรุณาส่งจดหมายมายัง ตู้ ปณ. 58 ปณศ. (พ) พระโขนง กรุงเทพฯ 10110 (ไม่ต้องระบุชื่อผู้รับ)
ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ไชยวัฒน์ 0851883102 คมลักษณ์ 0834430758 หรืออีเมล์patchanee.k@gmail.com