ที่มา Voice TV
ยืนยันไม่เคยมีการสั่งการใดๆ ให้ใช้กำลังสลายการชุมนุมในวันที่ 7 ตุลา 51 ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวเปิดใจภายหลังที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดอาญา กรณีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 7 ตุลาคม 2551 ว่า หลังจากมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตนเองมีเจตนาที่ยึดแนวทางความสมานฉันท์ในการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น และขณะนั้นมีการบุกยึดทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตนเองก็ไม่มีการใช้อำนาจดำเนินการใดๆ ขณะเดียวกันก็ยอมที่จะย้ายไปที่สนามบินดอนเมือง เพื่อใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว และมีการประกาศยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ประกาศใช้ ทั้งนี้ นายสมชาย ได้กล่าวเปรียบเทียบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่าง 2 เหตุการณ์คือ กรณี 7 ตุลาคม 2551 และช่วงเหตุการณ์ 12 เมษายน 2552 มีความแตกต่างกันในการใช้อำนาจดำเนินการของนายกรัฐมนตรี ซึ่งการที่ตนเองเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เพื่อเตรียมการแถลงนโยบายในวันที่ 7 ตุลาคม ก็ไม่ได้มีมติที่จะดำเนินการสลายการชุมนุม แต่ปล่อยให้เป็นกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องดำเนินการ เพราะขณะนั้นยังไม่มีการแถลงนโยบายจึงไม่มีอำนาจสั่งการ แม้การกำหนดนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการดูแลความสงบเรียบร้อยโดยตรงจะเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ดังนั้นจึงขัดต่อคำชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.ที่กล่าวหาตนเอง อย่างไรก็ตามตนเองก็จะใช้สิทธิ์ความเป็นธรรมต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป และจะไม่ฟ้องร้องเอาผิดใคร เพราะมีเจตนาต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมขอบคุณกรรมการ ป.ป.ช. 1 เสียงที่ได้ให้ความเป็นธรรมกับตนเอง นอกจากนี้นายสมชาย ยังรู้สึกเห็นใจ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน