WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, December 30, 2009

เปิดสารพัดวิธีทุจริตงบไทยเข้มแข็ง สธ.นัดพ่อค้ากินข้าว เรียกสินบน80ล้าน

ที่มา มติชน





ทันทีที่ทีมมือปราบโกง นำทีมโดย นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข เปิดแถลงข่าวผลการสอบสวนความไม่ชอบมาพากลของโครงการไทยเข้มแข็ง สาวไส้ความผิดทั้งนักการเมือง และข้าราชการประจำ ร่วมยกกระบิ มีคนผิดทั้งที่มีหลักฐานอ้างอิงชัดเจน และไม่มีเอี่ยวทุจริต แต่บกพร่องต่อหน้าที่ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2552 ที่ทำเนียบรัฐบาล
ภาพรวมของความผิดแบ่งได้ ดังนี้


1.นัดฮั้วเรียกเงินรถพยาบาลคันละ 1 แสนบาท


ผลตรวจสอบพบว่าจากพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าได้มีการพยายามเจรจาเพื่อเตรียมการให้มีการฮั้วกันจริง โดยมีนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้นัดบริษัทรถยนต์ 2 บริษัท มารับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคารไดนาสตี้งโรงแรมเซนทารา ลาดพร้าว ช่วงค่ำของวันที่ 17 สิงหาคม 2552


นพ.บรรลุกล่าวยืนยันว่า มีผู้ประกอบการรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งที่ได้ร่วมในการทานอาหารมื้อนั้น ได้ทำหนังสือยืนยันมายังคณะกรรมการ รวมทั้งมาให้ถ้อยคำต่อกรรมการตรวจสอบด้วยว่ามีนักการเมืองคนใดร่วมทานอาหารบ้าง โดยระบุชัดเจนว่า นายมานิต และนางศิริวรรณ ได้มีการเจรจาเรียกรับผลประโยชน์ คันละ 1 แสนบาท รวม 800 คัน เป็นเงิน 80 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้น่าจะมีมูลความผิดทางอาญาด้วย ผู้มีหน้าที่ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด

2.ยูวี แฟน ทำเป็นขบวนการ สอบ 5 คนผิด ตั้งแต่อดีตปลัด สธ. ที่ปรึกษา รมว.สธ. ผอ.สบภ.มีเอี่ยว


สำหรับยูวี แฟน พบเงื่อนงำความผิดปกติมากมาย ทำอย่างเป็นขบวนการทั้งในและนอก สธ. มีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าผู้สั่งการเรื่องนี้โดยตรง คือ


1.นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อดีตปลัด มีมูลเหตุจูงใจ คือ มีการสั่งนโยบายโครงการเร่งรัดหยุดวัณโรค ที่ขัดต่อหลักวิชาการให้รับผู้ป่วยในโรงพยาบาล 14 วัน ซึ่งเพิ่มโอกาสแพร่เชื้อวัณโรคในโรงพยาบาล และสั่งให้ทำห้องแยกโรคพร้อมมีเครื่องฟอกอากาศที่ใช้รังสียูวี ราคาสูงถึงห้องละ 250,750 บาท จึงเป็นเหตุให้โรงพยาบาลต่างๆ ใช้เป็นข้ออ้างในการจัดซื้อยูวี แฟน


2.พญ.ศิริพร กัญชนะ อดีตรองปลัด สธ. ในฐานะดูแลโครงการไทยเข้มแข็งภาพรวม


3.น่าเชื่อว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อาจมีส่วนโดยตรงหรืออ้อมในการสั่งบรรจุยูวี แฟน ในโครงการไทยเข้มแข็ง โดยมีนพ.กฤษฎา มนูญวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในขณะนั้นนำไปส่งให้กับ นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผู้อำนวยการ สบภ. สอดคล้องกับที่ นพ.สุชาติ มีบันทึกชัดเจนว่าเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

4.นอกจากนี้ยังพบว่ามีการจัดซื้อยูวี แฟน ที่ใช้งบฯอื่น โดย นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ สาธารณสุขนิเทศ ขณะนั้น ขอให้โรงพยาบาลใน จ.นครศรีธรรมราช จัดซื้อยูวี แฟน ราคาเครื่องละ 99,000 บาท และน่าจะเป็นสินค้ายอมแมว ไม่ใช่ของนอก


5.พบว่ามี 3 จังหวัด คือ กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ซื้อยูวี แฟน ที่มีการล็อกสเปคในราคาเครื่องละ 40,000 บาท ขณะที่สถาบันทรวงอกผลิตได้ในราคาต้นทุน 2,000-5,000 บาท และมีผู้บริหารพาครอบครัวไปทัศนศึกษาที่นิวซีแลนด์ ขณะที่โรงพยาบาลจังหวัดขอนแก่นกลับปฏิเสธไม่ขอรับยูวี แฟน ที่ อบจ. ขอนแก่น ได้จัดซื้อให้ฟรี เมื่อปี 2550 เพราะพิจารณาแล้วไม่คุ้มค่าบำรุงรักษา

3.มั่วงบฯก่อสร้าง รมช.สธ.ล้วงลูกชัดเจน


เอกสารผลการสอบสวนระบุว่า 60% ของงบประมาณไทยเข้มแข็งทั้งหมด เป็นงบฯก่อสร้าง พบว่ามีการจัดสรรมั่วแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา สาเหตุเพราะไม่มีการกำหนดยุทธศาสตร์ เป้าหมาย หลักเกณฑ์ และไม่มีการตั้งคณะกรรมการดูแลพิเศษ ส่งผลให้การจัดสรรงบฯกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ เห็นได้ชัดเจน โดยมีโรงพยาบาลศูนย์ ทั่วไป และศูนย์ความเป็นเลิศ รวม 115 แห่ง ที่ได้งบฯก่อสร้างมากกว่าโรงพยาบาลชุมชนที่ได้เพียง 235 แห่ง จากทั้งหมด 735 แห่ง และสถานีอนามัย 9,762 แห่งทั่วประเทศรวมกัน


ที่สำคัญ ยังพบว่านายมานิตลงไปล้วงลูกด้วยตนเอง จัดสรงบฯสร้างอาคารถึง 5 หลัง ที่โรงพยาบาลราชบุรี ทั้งๆ ที่โรงพยาบาลต้องการเพียง 2 หลังเท่านั้น และยังต้องทุบอาคารเก่าอีกหลายหลังด้วย มีการกดดันผู้อำนวยการโรงพยาบาลจนต้องถูกย้ายในที่สุด


นอกจากนี้ ราคากลางที่ตั้งไว้สูงเกินเหตุ ทั้งที่มีผลการประมูลก่อสร้างต่ำกว่าราคาที่ตั้งไว้มาก ก็ไม่ยอมปรับลดราคาลง ส่อเจตนาว่าไม่สุจริต เปิดช่องให้มีการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์ ยังมีอาคารแบบเดียวกันแต่ราคาต่างกัน อาทิ


1.อาคารผู้ป่วยนอก-อุบัติเหตุ สูง 5 ชั้น ตั้งราคา 168-185 ล้านบาท แต่มีประวัติที่โรงพยาบาลท่าศาลา เคยสร้างจริงในปี 2552 ใช้งบฯเพียง 128 ล้านบาท


2.อาคารพักพยาบา สูง 3 ชั้น ขนาด 24 ห้อง ตั้งงบประมาณ 9.57 ล้านบาท แต่มีประวัติสร้างจริงเพียง 7 ล้านบาท 3.เสาธงสูง 20 เมตร ตั้งงบฯ 495,000 บาท แต่มีราคากลางเพียง 367,700 บาท และควรเลือกเสาธงแบบสูง 12 เมตร มีราคาเพียง 119,700 บาทเท่านั้น


4.กรมการแพทย์ตั้งราคาครุภัณฑ์แพงผิดปกติ


กรมการแพทย์ได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 7,500 ล้านบาท แต่พบว่ามีการตั้งราคาครุภัณฑ์และงบฯก่อสร้างแพงเกินจริงหลายหลายการเมื่อเปรียบเทียบกับครุภัณฑ์การแพทย์ของโรงพยาบาลอื่นๆ ในโครงการไทยเข้มแข็งด้วยกันเอง ส่อไปในทางทุจริต เปิดทางให้มีการแสงหาผลประโยชน์ โดยเฉพาะของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ โรงพยาบาลนพรัตน์ โรงพยาบาลเลิดสิน

1.เครื่องเอ็กซเรย์ส่องตรวจระบบดิจิตอล (Digital Fluoroscopy) ของโรงพยาบาลนพรัตน์ และศูนย์มะเร็ง ชลบุรี ตั้งงบฯไว้ที่ 15 ล้านบาท ขณะที่เครื่องชนิดเดียวกันของโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป ตั้งราคาเพียง 8 ล้านบาท


2.ควบคุมการทำงานของหัวใจ ของโรงพยาบาลเลิดสิน ตั้งงบฯไว้ 9.2 ล้านบาท ขณะที่โรงพยาบาลแห่งนี้เคยจัดซื้อเพียง 3.5 ล้านบาทเท่านั้น
3.เครื่องใส่แร่อัตโนมัติปริมาณรังสีสูง ของสถาบันมะเร็งฯ ตั้งงบฯไว้ 27 ล้านบาท ขณะที่ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี เคยจัดซื้อเมื่อปี 2550 ราคาเพียง 19.2 ล้านบาท


3.เครื่องจัดเก็บระบบข้อมูลเฉพาะทางการแพทย์ด้วยคอมพิวเตอร์ สถาบันมะเร็งฯ ตั้งงบฯ 60 ล้านบาท ขณะที่ศูนย์มะเร็งอุบลราชบุรี และโรงพยาบาลศูนย์หลายแห่งเคยจัดซื้อในราคาเพียง 15-30 ล้านบาท เท่านั้น


ทั้งหมดนี้ จึงเป็นที่มาของบทสรุปความผิดโครงการไทยเข้มแข็งที่ว่า "ส่อไปในทางที่จะทำให้เกิดการทุจริตจริง" ของทีมสอบสวนของ นพ.บรรลุ ส่วนใครจะแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีนี้อย่างไร..คงต้องยกคำของ นพ.บรรลุ ที่ทิ้งท้ายไว้ว่า


*********************************************************************


สรุปผลชี้มูลผู้เกี่ยวข้อง


นักการเมือง 4 ราย

1.นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บกพร่องต่อหน้าที่

2.นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีพฤติกรรมส่อทุจริต ล้วงลูก ดึงงบฯเข้า จ.ราชบุรี และนัดกินข้าวกับบริษัทเจ้าของรถยนต์ผู้ผลิตรถพยาบาล รวมถึงเครื่องพ่นฆ่ายุงลาย

3.นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตเลขานุการ มีพฤติกรรมส่อทุจริต โดยนัดกินข้าวร่วมกับนายมานิต และผู้ประกอบการผลิตรถพยาบาล

4.นพ.กฤษดา มนูญวงศ์ อดีตที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ล็อบบี้ให้มีการจัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลตแบบระบบปิด (ยูวี-แฟน)


ข้าราชการประจำ 8 ราย


1.นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข บกพร่องต่อหน้าที่ เปิดช่องให้เกิดการทุจริต

2.พญ.ศิริพร กัญชนะ อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่เอาใจใส่ต่อโครงการที่มีงบประมาณสูง

3.นายกสินทร์ วิเศษสินธุ์ อดีตผู้อำนวยการกองแบบแผน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ปรับปรุงแบบแผนทำให้เปิดช่องให้เกิดการทุจริต

4.นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ อนุมัติจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ราคาแพงผิดสังเกต

5.นพ.สุชาติ เลาบริพัตร อดีตผู้อำนวยการ สบภ. มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องยูวี-แฟน

6.นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บกพร่องต่อหน้าที่ในสมัยเป็นรองปลัด สธ.รับผิดชอบ สบภ.

7.นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ รับผิดชอบโครงการไทยเข้มแข็ง แต่ปัดความรับผิดชอบ

8.นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 6 ให้โรงพยาบาลจัดซื้อเครื่องยูวี-แฟน ราคาแพง ขณะดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์