ที่มา thaifreenews
เปิดกลุ่มทุนใหญ่หมื่นล้านที่เข้าไปลงทุนใน กัมพูชาล้วนขาใหญ่ทั้ กลุ่มซีพี กลุ่มเสี่ยเจริญ กลุ่มไทยนครพัฒนา เจ้าของยาแก้ปวดทิฟฟี่ กลุ่มมาลีนนท์ คอนเนกชั่นปึ๊กกับรัฐบาลพนมเปญ โหรดัง ทำนาย ระวัง สงครามกับเพื่อนบ้าน เสียชีวิตผู้คนจำนวนมาก นักธุรกิจเสียวสันหลัง ฝันร้าย 29 มกราคม 2546 ตามหลอน
รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอบโต้รัฐบาลกัมพูชาที่แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา
ด้วยการเรียกเอกอัคร ราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศไทย
กษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีปากกล้าตัวแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถามท้า ฮุนเซ็นว่า จะเลือก เพื่อนบ้าน หรือ ทักษิณ
รัฐบาลประชาธิปตย์ เชื่อว่า นี่คือ การแทรกแซงกิจการภายในของไทย
นาที นี้ อาจนำไปสู่การปิดชายแดน กดดันกัมพูชา
หลายคน เสียวสันหลัง เมื่อนึกถึงคราวเผาสถานทูตและธุรกิจไทย เมื่อ วันที่ 29 มกราคม 2546
........
โสรัจจะ นวลอยู่ โหรชื่อดัง เขียนไว้ในศาสตร์แห่งโหร ปี 2553 ตอนหนึ่งว่า ถึงคราวที่ประเทศไทย จะเข้าสู่สงครามที่เราไม่เคยมีมาเลยกับประเทศเพื่อนบ้าน
เป็นการรบอย่างแท้จริง อิทธิพลของดาวราหู ทำมุมเสียกับ ลัคนาประเทศ
ถ้าประเทศไทยยังเฉยเมยไม่ตระหนัก ต่อปัญหาที่รุมเร้า หนักข้อขึ้นทุกที เสมือนดูหมื่นสยามประเทศมาโดยตลอด
ดังนั้นปี 2553 จะเกิดการรบนองเลือด ถึงขั้นเสียชีวิตผู้คนมากมาย
ถึงจะได้คืนแผ่นดิน อาจจะถึงขั้นประเทศสงครามกับเพื่อนบ้าน
.........
หากจำกันได้ เมื่อ 6 ปีที่แล้ว การสื่อสารที่ผิดพลาด โดยจงใจ
วันที่ 29 ม.ค.2546 ชาวเขมรนับร้อยคนบุกเข้าไปในสถานทูตไทยริม ถนนโรดม กลางกรุงพนมเปญ และบุกเข้าไปทำลายข้าวของและเผาอาคารสถานทูต
และเผาธุรกิจไทย วอดวายเป็นเถ้าถ่าน หนึ่งในโรงงานที่ถูกเผาวอดคือ โรงงานของ เสี่ยสมศักดิ์ รินเรืองสิน ไม่นับธุรกิจของคนไทยที่เดือดร้อนเสียหายไปทั่ว
แล้ว ฝันร้าย ก็หวนกลับมาอีกครั้ง ...
สัปดาห์หน้า พุธที่ 11 พ.ย. 2552 เวลา 13.30-16.30 น.
ณ ห้อง 201 คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
มีการเปิดเวที หัวอกธุรกิจไทยในกัมพูชา ผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย คุณสมศักดิ์ รินเรืองสิน นายกสมาคมนักธุรกิจไทยในกัมพูชา คุณวิชัย กุลวุฒิวิลาศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สไมล์ภัณฑ์ จำกัด คุณปรีดา สามแก้ว กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท PD Intertrade 92 จำกัด คุณสม ไชยา บรรณาธิการ สถานีโทรทัศน์ CTN กัมพูชา คุณประภาพรรณ ศรีสุดา ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดไทย-กัมพูชา
@ ธุรกิจหมื่นล้านของคนไทยในกัมพูชา
การค้าระหว่างไทย-กัมพูชา มีมูลค่าปีละ 6-7 หมื่นล้าน
จากข้อมูลสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ณ กรุงพนมเปญ มีโครงการที่นักธุรกิจไทยถือหุ้นและได้รับการส่งเสริมการลงทุนตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2537 ถึง 30 มิถุนายน 2552 รวม 81 โครงการ มูลค่ารวม 362.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท
เป็นเงินลงทุนเฉพาะในส่วนของนักธุรกิจไทย 226.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 62.53 ของโครงการ ประกอบด้วย
รายใหญ่ จริงๆ นอกจาก เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และกลุ่ม ทีซีซี ของ เสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี แล้ว
น่าจะได้แก่ " เสี่ยอ๊อด " สุภชัย วีระภุชงค์ แห่ง บริษัทไทยนครพัฒนา จำกัด หรือ ยาตราครก ซึ่งมีธุรกิจครอบคลุมไปทุกเซกชั่น
เสี่ยอ๊อด เป็นนักธุรกิจคนไทยที่ไปบุกเบิกสร้างโรงแรมในกัมพูชาได้รวบรวมที่ดินที่ เมืองเสียมราฐ เอาไว้ราว 650 ไร่ เพื่อมาสร้างสนามจนในที่สุดก็มีสนามกอล์ฟเกิดขึ้น สร้างความตะลึงให้กับคนกัมพูชาพอสมควร
เมื่อ สนามกอล์ฟโภคีธรา คันทรีคลับ เสียมราฐ ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อ 3 ปี ที่แล้ว ด้วยทุน 400 ล้านบาท นับเป็นสนามระดับ 5 ดาว
เมื่อจำแนกรายกลุ่ม จะพบกลุ่มธุรกิจไทยรายใหญ่ ที่ไปลงทุนในกัมพูชา หลายราย ดังนี้
1.สถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 ในนามบริษัท K.C.S Cambodia ของตระกูล มาลีนนท์
2.สถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์ ช่อง 5 ลงทุนร่วมระหว่างกลุ่มกันตนาและกลุ่มบริษัทไทยนครพัฒนา ในนามบริษัท Mica Media ของตระกูล วีระภุชงค์
3.โรงงานจำหน่ายก๊าซ LPG จำนวน 2 โครงการ คือ บริษัท Khmer Unique Gas และ World Gas
4.ยักษ์ รับเหมา บริษัท รับเหมาก่อสร้าง นพวงศ์
5.โรงแรมจำนวน 8 แห่ง คือ Inter Continental ในนามบริษัท Regency, โรงแรม Royal Angkor ใน จ. เสียมราฐ ของกลุ่มบริษัทไทยนครพัฒนา, โรงแรม Imperial Angkor Palace ใน จ. เสียมราฐ ของกลุ่มบริษัท ทีซีซี ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี, โรงแรม Phokeethra Resort & Spa (Cambodia) ในกรุงพนมเปญ ของกลุ่มบริษัทไทยนครพัฒนา, โรงแรมของบริษัท V&V ของกลุ่มบริษัทไทยนครพัฒนา เพื่อสร้างโรงแรมและสนามกอล์ฟในกรุงพนมเปญ, โรงแรมในอำเภอปอยเปต จ. บันเตียเมียนเจย ได้แก่โรงแรม Poi Pet International Club, โรงแรม Star Vegas Resort & Club และโรงแรม Angkor Plaza
6.โรงพยาบาลจำนวน 1 โครงการ ลงทุนโดยโรงพยาบาลกรุงเทพ ในนาม Royal Angkor International Hospital ใน จ.เสียมเรียบ และ Royal Rattanak ในกรุงพนมเปญ เปิดให้บริการแล้ว และกำลังก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลแห่งใหม่ อีก 1 แห่ง ในกรุงพนมเปญขนาด 250 เตียง คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2553
7.การลงทุนของบริษัทซีเมนต์ไทย จำกัด และบริษัทในเครือรวม 5 โครงการ ได้แก่ โรงงานปูนซีเมนต์ Kampot Cement (K. Cement Brand) ในจังหวัดกัมปอต โรงงานผลิตซีเมนต์ผสมสำเร็จรูป (Mixed Cement Plant )โรงงานผลิตซีเมนต์บล๊อค CPAC Monier การปลูกยูคาลิปตัสเพื่อทำกระดาษในนามบริษัท CPAC Agro Industry และบริษัท CPAC Monier เพื่อผลิตกระเบื้องมุงหลังคา
8.การให้บริการโทรคมนาคม จำนวน 1 โครงการ คือ Cambodia Shinawatra ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Mfone ให้บริการคลื่นโทรศัพท์ไร้สายแบบ Fixed Phone และ Mobile Phone
9.โรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ Honda
10.โรง งานพลาสติค จำนวน 3 โรงงาน ได้แก่ โรงงาน Phnom Penh Supply ผลิตขวดน้ำดื่ม ถุงพลาสติค Modern Plastic Packaging ของเสี่ยสมศักดิ์ รินเรืองสิน และโรงงาน Modern Development
11.โรงงานผลิตน้ำดื่มยี่ห้อ LYYON ของกลุ่มบริษัทไทยนครพัฒนา ในนามบริษัท Cambodia Development
12.โครงการ ปลูกอ้อยบนพื้นที่สัมปทานจำนวน 6 โครงการ ได้แก่ของกลุ่มบริษัทน้ำตาลขอนแก่นในนามบริษัท Koh Kong Plantation, Koh Kong Sugar Industry ของกลุ่มบริษัท ทีซีซี ได้แก่ MRT-TCC Sugar Investment, ของกลุ่มบริษัทน้ำตาลมิตรผล ได้แก่ (Cambodia) Cane and Sugar Valley, Angkor Sugar และ Tonle Sugar Cane
13.โครงการเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชไร่ของกลุ่มบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในนาม C.P. (Cambodia)
14.การ ลงทุนของบริษัทสามารถเทเลคอม จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ การให้บริการวิทยุการบินในนาม Cambodia Air Traffic Service การสร้างโรงงานไฟฟ้า Kampot Power Plant เพื่อขายไฟให้แก่โรงงานกัมปอตซีเมนต์ และโครงการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จ.เสียมเรียบ
15.โครงการโรงไฟฟ้าขนาด 10 MKW ของกลุ่มบริษัท ทีซีซี จำนวน 4 โครงการ ในชื่อกลุ่ม Suvannaphum Investment
16.โรงงานผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มของกลุ่มบริษัทบางกอกการ์เมนต์ ในนามบริษัท Baxter Brenton (Cambodia) Clothing Manufacturing
17.โรงงานผลิตรองเท้า 2 โครงการ คือ Dance Supply (Cambodia) และ Cambo Shoes
ธุรกิจไทยที่มีคอนเนกชั่นที่ดีกับ ผู้นำรัฐบาลกัมพูชา อาจได้รับคำยืนยันว่า ไม่มีปัญหา และนักธุรกิจที่เดือดร้อนทันทีคือ กลุ่มธุรกิจที่ค้าขายตามแนวชายแดน รวมถึงบ่อนกาสิโนที่เงียบเหงาทันตาเห็น
แต่ถามว่า หัวอกนักธุรกิจไทย เป็นอย่างไร เมื่อ การเมืองเข้ามาแทรกและทำลายบรรยากาศการลงทุน
คำตอบคือ เซ็ง สุดเซ็ง กับพวก ชาตินิยมคลั่งชาติ
..กูจะค้าขาย(ว๊อย)
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ