WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, January 1, 2010

ผู้อ่านไทยอีนิวส์ปรารถนาพรปีใหม่..ขอให้ประเทศชาติมีประชาธิปไตย สังคมไทยมีความยุติธรรม

ที่มา Thai E-News



โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
1 มกราคม 2553


ในวาระส่งท้ายปีเก่า ย่างเข้าสู่ปีใหม่ 2553 มาทำความรู้จักกันหน่อยว่า ท่านผู้อ่านของเราคือใคร? จากการจัดสำรวจพบว่า ท่านผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นเพศชาย วัยผู้ใหญ่อายุระหว่าง40-60ปีมากที่สุด จบการศึกษาระดับปริญญาตรีมากที่สุดคือ 49%จบสูงกว่าปริญญาตรี 33 % เป็นผู้อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมากที่สุดคือ44% อาศัยในต่างประเทศ11% มีอาชีพเป็นนักธุรกิจ,เจ้าของกิจการมากที่สุด ทัศนะทางการเมืองเป็น"นักปฏิรูป"มีความปรารถนาอยากให้ไทยมีระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญแบบอังกฤษ-ญี่ปุ่นมากที่สุด ส่วนใหญ่ต้องการแก้วิกฤตประเทศ โดยเสนอให้นำรัฐธรรมนูญปี40กลับมาใช้ แล้วจัดเลือกตั้งใหม่ และต้องเคารพผลตัดสินของประชาชนอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามท่านผู้อ่านของเราได้ก้าวข้ามพ้นประเด็น"ทักษิณ"ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านผู้อ่านของเราอยากให้ไทยอีนิวส์เป็นสื่อที่มีจุดยืนฝ่ายประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ แต่นำเสนอข่าวอย่างรอบด้าน ส่วนความหวังในปีใหม่2553นั้น ท่านผู้อ่านปรารถนาขอให้ประเทศมีประชาธิปไตยขอให้ประเทศมีประชาธิปไตย สังคมไทยมีความยุติธรรมมากที่สุด


ไทยอีนิวส์ เป็นสื่อกระแสทวนของภาคพลเมือง โดยทีมข่าวอาสาที่มีจุดยืนประชาธิปไตย ไม่แสวงหารายได้ และไม่รับการอุดหนุนจากใคร เริ่มเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2549 เราเริ่มนับยอดจำนวนท่านผู้อ่านอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2550ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 มียอดผู้เข้าอ่านทั้งสิ้น 13.75 ล้านคลิ้ก

ผู้อ่านไทยอีนิวส์ปรารถนาให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยสังคมไทยมีความยุติธรรมในปีใหม่2553

ในการสำรวจความคิดเห็นท่านผู้อ่านไทยอีนิวส์ล่าสุดในหัวข้อ ท่านปรารถนาพรใดที่สุดในปีใหม่ 2553 มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 3,841 ท่าน ผลเป็นดังนี้

-ขอให้ประเทศมีประชาธิปไตย สังคมไทยมีความยุติธรรม 3,132 ท่าน (81%)
-ขอให้ครอบครัวและตัวเองสุขภาพดีมั่งคั่ง คนไทยมีความสุข 264 ท่าน (6%)
-ขอให้ในหลวงพระพลานามัยดี ประเทศมีความสงบสุข 244 ท่าน (6%)
-ขอให้คนไทยหยุดความแตกแยก ในหลวงจะได้มีความสุข คนไทยรู้รักสามัคคี 160 ท่าน (4%)
-อื่นๆ 41 ท่าน (1%)


ท่านผู้อ่านอยากให้ไทยอีนิวส์เป็นสื่อที่มีจุดยืนประชาธิปไตย ต้านเผด็จการ แต่รอบด้าน

ผลการสำรวจในครั้งก่อนนี้ ในหัวข้อเรื่อง ท่านอยากเห็นไทยอีนิวส์ก้าวไปทางใดที่สุดมีท่านผู้อ่านตอบสอบถามทั้งสิ้น 2,096 ท่าน ผลสำรวจเป็นดังนี้

-ให้เป็นสื่อที่มีจุดยืนข้างประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ แต่นำเสนออย่างรอบด้าน จำนวน1,311ท่าน คิดเป็น62%
-ต้องมีความน่าเชื่อถือตรวจสอบอย่างรอบด้านก่อนนำเสนอข่าว 298 ท่าน คิดเป็น14%
-ไม่ต้องปรับปรุงอะไร แบบปัจจุบันนี้ก็โอเคดีอยู่แล้ว 217 ท่าน คิดเป็น 10%
-อยากให้วางตัวเป็นกลาง ไม่เลือกข้าง เสนอข่าวรอบด้าน 138 ท่าน คิดเป็น6%
-อยากให้นำเสนอข่าวเรียลไทม์ฉับไวทันสถานการณ์เช่นส่งข่าวทางSMSจำนวน65ท่าน คิดเป็น 3%
-อยากให้เลิกซะเถอะ เพราะเป็นแค่สื่อเทียม ขี้ข้าเหลี่ยมรับเงินแม้ว จำนวน 53 ท่าน คิดเป็น 2%
-อื่นๆ 2 ท่าน ไม่ถึง 1%


ไทยอีนิวส์ขอกราบขอบพระคุณท่านผู้อ่านที่กรุณาสละเวลาตอบแบบสอบถาม ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อทีมงานจะได้น้อมรับมติของท่านผู้อ่านของเราเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาการนำเสนอของเราต่อไป หากท่านผู้อ่านมีข้อเสนอแนะใดๆเพิ่มเติมกรุณาแจ้งมาที่ thaienews99@googlegroups.com


ใครคือผู้อ่านไทยอีนิวส์?

ไทยอีนิวส์ได้สำรวจพื้นฐานท่านผู้อ่านของเราในเรื่องเพศ วัย การศึกษา อาชีพ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน โดยมีผลสำรวจเป็นดังนี้

1.ผู้อ่านไทยอีนิวส์เป็นเพศชายมากที่สุด ส่วนมากเป็นผู้ใหญ่อายุระหว่าง40-60ปี

ไทยอีนิวส์สำรวจฐานท่านผู้อ่านล่าสุดระหว่างวันที่ 7-11 ก.ย.2552 ในเรื่องเพศและอายุ มีผู้ตอบแบบสำรวจทั้งสิ้น 3,292 ท่านผลการสำรวจเป็นดังนี้

-เป็นเพศชายมากที่สุด 1,553 ท่าน
-รองลงมาเป็นเพศหญิง 661 ท่าน
-เพศที่สาม 27 ท่าน

อายุระหว่าง41-50ปีมากที่สุด จำนวน 1,175 ท่าน
อายุระหว่าง 51-60ปีรองลงมา จำนวน 915 ท่าน
อายุระหว่าง 31-40ปีรองลงมา จำนวน 627 ท่าน
อายุระหว่าง20-30ปีรองลงมา จำนวน 245 ท่าน
อายะระหว่าง61-70ปี จำนวน 222 ท่าน
อายุต่ำกว่า 20 ปีลงมา จำนวน 45 ท่าน
อายุเกิน 70 ปีขึ้นไป จำนวน 35 ท่าน


2.ผู้อ่านไทยอีนิวส์เป็นนักธุรกิจมากที่สุด ตามมาด้วยข้าราชการ นักวิชาชีพ ปัญญาชน

ผลการสำรวจเรื่องอาชีพของผู้อ่านไทยอีนิวส์ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม -1 กันยาน 2552 มีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 2,580 ตัวอย่าง มีผู้ประกอบอาชีพมากที่สุดเรียงตามลำดับ ดังต่อไปนี้

-มากที่สุดอันดับ 1 คือนักธุรกิจ เจ้าของกิจการ 589 ตัวอย่าง คิดเป็น 22% ของผู้อ่านทั้งหมด
-รองลงมาเป็นอาชีพข้าราชการในระดับปฏิบัติงาน 330 ตัวอย่าง คิดเป็น 12 %
-ตามมาด้วยนักวิชาชีพด้านแพทย์ วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี นักวิทยาศาสตร์ 232 ตัวอย่าง หรือ 8%
-พนักงานบริษัทเอกชนในระดับปฏิบัติงาน 189 ตัวอย่าง คิดเป็น 7%
-นักวิชาการ อาจารย์สถาบันการศึกษา 179 ตัวอย่าง คิดเป็น 6%
-เกษียณแล้ว 180 ตัวอย่าง คิดเป็น 6%
-นักบริหารระดับกลางในธุรกิจภาคอกชน 139ตัวอย่าง คิดเป็น 5%
-นักบริหารระดับกลางในภาคราชการ 134 ตัวอย่าง คิดเป็น5%
-นักเรียน นักศึกษา 103 ตัวอย่าง คิดเป็น 3%
-นักบริหารระดับสูงในภาคธุรกิจเอกชน 61 ตัวอย่าง คิดเป็น 2%
-ผู้ใช้แรงงาน 76 ตัวอย่าง คิดเป็น 2%
-ผู้ว่างงาน 73 ตัวอย่าง คิดเป็น 2%
-เกษตรกร 43 ตัวอย่าง คิดเป็น 1%
-นักบริหารระดับสูงในภาครัฐบาล 32 ตัวอย่าง คิดเป็น 1%
-ศิลปิน นักแสดง นักเขียน นักวิจารณ์ 33 ตัวอย่าง คิดเป็น 1%
-สื่อมวลชน 26 ตัวอย่าง คิดเป็น 1%
-ที่ไม่แจงนับถึง1%ได้ มีNGO นักสิทธิมนุษยชน องค์การมหาชน 12 ตัวอย่าง,ตุลากร อัยการ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 13 ตัวอย่าง และอาชีพอื่นๆนอกจากขางต้นนี้ 136 ตัวอย่าง คิดเป็น 5%


3.ผู้อ่านของเรามีการศึกษาระดับปริญญาตรีสูงที่สุด ตามมาด้วยจบสูงกว่าปริญญาตรี

ไทยอีนิวส์มีการนำเสนอผลการสำรวจระดับการศึกษาของผู้อ่านไทยอีนิวส์ที่ที่จัดสำรวจระหว่างวันที่ 12-15 สิงหาคม 2552 มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 1,534 คน ผลเป็นดังนี้


-มีการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรี จำนวน 257 ตัวอย่าง คิดเป็น 16 %
-มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี จำนวน 766 ตัวอย่าง คิดเป็น 49 %
-มีระดับการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี จำนวน 511 ตัวอย่าง คิดเป็น 33 %


4.มีที่อยู่ในกรุงเทพฯเป็นส่วนใหญ่ และอยู่เมืองนอกอีกไม่น้อยกว่า10%

ไทยอีนิวส์ยังได้เปิดเผยผลสำรวจที่อยู่ปัจจุบันของผู้อ่านไทยอีนิวส์ระหว่างวันที่ 20-24 สิงหาคม 2552 มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 3,182 ท่าน ผลการสำรวจเป็นดังนี้


-อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,420 ตัวอย่าง คิดเป็น 44 %ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด
-รองลงมาอาศัยในเขตภาคเหนือ 529 ตัวอย่าง คิดเป็น 16 %
-ตามมาด้วยอาศัยอยู่ในภาคอีสาน 352 ท่าน คิดเป็น 11 %
-อาศัยอยู่ในเขตภาคกลางและตะวันออก 299 ท่าน คิดเป็น 9%
-อาศัยอยู่ในต่างประเทศโซนทวีปอเมริกา 210 ท่าน คิดเป็น 6 %
-อาศัยอยู่ในเขตภาคใต้ 153 ท่าน หรือคิดเป็น 4 %
-อาศัยอยู่ต่างประเทศ โซนทวีปยุโรป 118 ท่าน คิดเป็น 3 %
-อาศัยอยู่ในต่างประเทศโซนเอเชีย 55 ท่าน คิดเป็น 1 %
-อาศัยอยู่ในต่างประเทศ โซนออสเตรเลีย 36 ท่าน คิดเป็น 1%
-อาศัยอยู่ในต่างประเทศโซนอาฟริกา 3 ท่าน ไม่แจงนับเป็นร้อยละได้
-อาศัยอยู่ในที่อื่นๆนอกจากข้างต้น 7 ท่าน ไม่แจงนับเป็นร้อยละได้


เมื่อพิจารณาโดยสรุปแล้ว มีผู้อ่านไทยอีนิวส์เป็นผู้มีที่อยู่ปัจจุบันในประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ และมากที่สุดในกรุงเทพฯและปริมณฑล รองลงมาคือภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลางและตะวันออก และภาคใต้ ตามลำดับ

ขณะที่มีผู้อ่านซึ่งมีที่อยู่อาศัยปัจจุบันอยู่ในต่างประเทศ 11 % มากที่สุดคือโซนอเมริกา รองลงมาคือยุโรป ทวีปออสเตรเลีย เอเชีย และอาฟริกา ตามลำดับ

5.ผู้อ่านไทยอีนิวส์ก้าวพ้นประเด็นทักษิณไปแล้ว แต่อำมาตย์ยังงมโข่ง

ผลการสำรวจของไทยอีนิวส์โพลล์ ชี้แนวโน้มคนเสื้อแดงก้าวข้ามประเด็น"ทักษิณ"ไปแล้ว โดยกว่า50%ชูข้อเรียกร้องหลักเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติ เร่งนำรธน.40กลับมาใช้เร่งจัดเลือกตั้งใหมให้เสียงประชาชนชี้ขาด ขณะที่ฝ่ายอำมาตย์และสมุนบริวารยังงมโข่งท่องคาถาเดิมว่าสู้"เพื่อทักษิณคนเดียว"


ไทยอีนิวส์ได้สำรวจความคิดเห็นท่านผู้อ่านของเราในหัวข้อ"ภารกิจใดที่แกนนำเสื้อแดงควรเร่งทำก่อน?"ในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2552 มีผู้ตอบแบบสำรวจทั้งสิ้นจำนวน 2,085 ท่าน ผลการสำรวจเป็นดังนี้

-เร่งนำรัฐธรรมนูญปี2540กลับมาใช้ และเร่งจัดการเลือกตั้งใหม่ให้ประชาชนชี้ขาด จำนวน1,006 ท่าน คิดเป็น 48%
-รองลงมาเร่งเอาผิดพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และสมุนบริวารที่ทำลายประชาธิปไตย 330 ท่าน คิดเป็น 15%
-เร่งเอาผิดผู้ก่อการร้ายพันธมิตรยึดสนามบินและยึดทำเนียบรัฐบาลเพราะจวนครบ1ปีแล้ว 244 ท่าน คิดเป็น 11%
-เร่งสร้างสื่อครบวงจรเพื่อให้สามารถสู้ในสงครามข่าวสารกับสื่อเหลืองและสื่อหลักได้ 172 ท่าน คิดเป็น 8%
-เร่งสร้างเอกภาพในหมู่แกนนำเสื้อแดงให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน 167 ท่าน คิดเป็น 8%
-เร่งติดตามฎีกาพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาบริหารประเทศ 60 ท่าน คิดเป็น 2%
-เร่งยกเลิกพรบ.ความมั่นคงและยกเลิกการบังคับใช้กฎหมายหมิ่นฯและปลดปล่อยเหยื่อคดีหมิ่นฯ 57 ท่าน คิดเป็น2%
-เร่งประนีประนอมสมานฉันท์กับทุกฝ่ายยุติความขัดแย้งภายในชาติ 49 ท่าน คิดเป็น 2%


ผลการสำรวจครั้งนี้มีข้อที่น่าสังเกตว่า ท่านผู้อ่านไทยอีนิวส์ได้"ก้าวข้าม"ประเด็นทักษิณไปแล้ว คือการที่อดีตนายกฯทักษิณจะได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วกลับมาบริหารประเทศหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และน่าจะเป็นการตอบข้อครหาที่ฝ่ายเหลืองและอำมาตย์โจมตีว่าเสื้อแดงสู้เพื่อ"ทักษิณคนเดียว"นั้นประเมินผิดพลาด

ผลสำรวจนี้มีแนวโน้มที่จะชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายเสื้อแดงนั้นก้าวข้ามพ้น"ทักษิณ"ไปเป็นการต่อสู้ในเชิงหลักการ เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ นั่นก็คือการเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยปี40กลับมาใช้ และเร่งจัดการเลือกตั้งใหม่ให้ประชาชนชี้ขาดอนาคตของประเทศ

อนึ่งอดีตนายกฯทักษิณได้โฟนอินเข้ามายังที่ชุมนุมเสื้อแดงเมื่อวันที่17ต.ค.2552ว่า เขาไม่อยากให้แกนนำเสื้อแดงหวังเกินไปว่าฎีกาพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้จะสำเร็จ แต่ขอให้คนไทยทุ่มเทการต่อสู้ไปที่การนำรัฐธรรมนูญปี40กลับมา และสร้างประชาธิปไตยขึ้นในประเทศเป็นหลัก อันสอดคล้องกับผลการสำรวจล่าสุดของไทยอีนิวส์

ศ.นพ.ประเวศ วะสี นักคิดปัญญาชนสำคัญของฝ่ายอำมาตย์ได้ออกจดหมายเปิดผนึกถึงทักษิณครั้งล่าสุด โดยคงเนื้อหาสาระสำคัญว่าอดีตนายกฯทักษิณมีอิทธิพลชี้เป็นชี้ตายทำให้เกิดความสงบหรือปั่นป่วนในประเทศได้ หากทักษิณหวังดีต่อบ้านเมืองจริง ก็ต้องยุติความเคลื่อนไหวทางการเมืองเสีย(อ่านจดหมายเปิดผนึกประเวศ วะสีถึงทักษิณ คลิ้ก )

6.ท่านผู้อ่านไทยอีนิวส์เป็นนักปฏิรูปอยากให้นำรธน.40มาแก้ไขวิกฤตประเทศ

เรายังได้จัดทำโพลล์สำรวจความคิดเห็นของท่านผู้อ่านในหัวข้อเรื่อง"ประเทศไทยควรมีหนทางออกจากวิกฤตการเมืองอย่างไร?" โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 2,261 ท่าน ผลการสำรวจเป็นดังนี้

-กลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี40แล้วจัดเลือกตั้งใหม่ และต้องเคารพเสียงตัดสินของประชาชน971ท่าน คิดเป็น42%
-แก้รัฐธรรมนูญเพื่อขจัดอำนาจผู้มีบารมีนอกรธน.แล้วจัดเลือกตั้งใหม่ และเคารพเสียงตัดสินประชาชน633ท่าน หรือ27%
-แก้รธน.ให้ไทยเป็นสหพันธรัฐ มีรัฐบาลท้องถิ่น กับมีรัฐบาลกลางตามเสียงประชาชนเลือกตั้ง 297ท่าน หรือ13%
-แบ่งแยกประเทศเป็นไทยเหนือ+อีสาน,ไทยใต้+ไทยกรุงเทพฯ เป็นต้น 123 ท่าน คิดเป็น5%
-ทำสงครามกลางเมืองแบบแตกหักให้รู้แพ้ชนะกันไปข้าง 82 ท่าน คิดเป็น 3%
-ยุบสภาแล้วจัดเลือกตั้งใหม่ตามรธน.ปี50และต้องเคารพเสียงตัดสินของประชาชน63ท่าน คิดเป็น2%
-อภิสิทธิ์ลาออก จัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ ยกเลิก2มาตรฐาน 60 ท่าน คิดเป็น2%
-เห็นว่าที่เห็นอยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไร 12 ท่าน ไม่แจงนับเป็นเปอร์เซ็นต์ได้
-อื่นๆอีก20ท่าน ไม่แจงนับเป็นเปอร์เซ็นต์ได้


ผลสำรวจนี้น่าจะชี้ว่า ท่านผู้อ่านของไทยอีนิวส์เป็นนักปฏิรูปการเมืองปฏิรูปสังคม มากกว่าที่จะต้องการเปลี่ยนแปลงปฏิวัติอย่างถอนรากถอนโคน รวมทั้งผลสำรวจในหัวข้อถัดไปก็ชี้แนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันนี้ด้วย

7.ปรารถนาระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์ใต้รธน.แบบอังกฤษ-ญี่ปุ่น

ก่อนหน้านี้ เราได้สุ่มสำรวจความเห็นของท่านผู้อ่านของเราในหัวข้อ"ท่านมีความปรารถนาอยากให้ประเทศไทยปกครองแบบใดที่สุด?" โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,956 ท่าน ผลการสำรวจ เป็นดังนี้

-ประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ แบบเดียวกับอังกฤษ และญี่ปุ่น จำนวน 843 ท่าน คิดเป็น 43%
-รองลงมาคือประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ แบบเดียวกับสหรัฐอเมริกา หรือสวิตเซอร์แลนด์ จำนวน 370 ท่าน คิดเป็น18%
-รัฐสวัสดิการที่มีกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญแบบสแกนดิเนเวีย(สวีเดน เดนมาร์ค นอรเวย์)จำนวน 340 ท่าน คิดเป็น 17%
-ประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐฝรั่งเศส หรือเยอรมนี จำนวน 340 ท่าน คิดเป็น 15%
-สังคมนิยมที่มีเศรษฐกิจเสรีนิยมแบบจีน จำนวน 34 ท่าน คิดเป็น 1%
-ประชาธิปไตยแบบไทยๆเหมือนในปัจจุบัน จำนวน 26 ท่าน คิดเป็น1%
-กลับไปเป็นราชาปไตยเหมือนก่อนปีพ.ศ.2475 จำนวน 22 ท่าน คิดเป็น1%
-เผด็จการแบบเกาหลีเหนือ หรือพม่า คิวบา จำนวน 6 ท่าน ไม่สามารถแจงนับเป็น%
-อื่นๆ จำนวน 11 ท่าน ไม่สามารถแจงนับเป็น%ได้


8.ท่านผู้อ่านของเราเทใจให้พรรคเพื่อไทยท่วมท้น

และเมื่อสำรวจภายใต้หัวข้อว่า "ถ้ามีการจัดเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ ท่านจะเลือกพรรคใด?" มีผู้ตอบแบบสำรวจทั้งสิ้น 4,122 ท่าน ผลสำรวจออกมาเป็นดังนี้

-พรรคเพื่อไทย 3,856 ท่าน คิดเป็น 93%ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด
-พรรคประชาธิปัตย์ 107 ท่าน คิดเป็น 2% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด
-พรรคการเมืองใหม่ 50 ท่าน คิดเป็น 1% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด
-ใช้สิทธิ์ไม่ลงคะแนนให้พรรคใด 57 ท่าน คิดเป็น 1%
-ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 22 ท่าน ไม่ถึง1%
-พรรคภูมิใจไทย 9 ท่าน พรรคเพื่อแผ่นดิน 3 ท่าน พรรคชาติไทยพัฒนา 2 ท่าน พรรคอื่นๆ 16 ท่าน ไม่ถึง 1%


ผลการสำรวจนี้ ชี้แนวโน้มไปในทิศทางที่ว่าท่านผู้อ่านไทยอีนิวส์ เป็นกลุ่มที่นิยมพรรคเพื่อไทยอย่างท่วมท้น ขณะที่นิยมพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองใหม่รองลงมา แต่ในสัดส่วนที่ห่างกันลิบลับ

วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 31, 2009

"เหลิม"ประกาศเปิดศึก กกต.ทุกรูปแบบ ขู่ฟ้องกลับ"ประชัย"

ที่มา มติชน

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย(พ.ท.) กล่าวตั้งข้อสังเกตถึงการพิจารณาคดียุบ ปชป.ของ กกต.ว่า เรื่องดังกล่าวสังคมรู้ความจริงกันทั้งหมด แต่เหตุใด กกต.ถึงไม่เคยเอ่ยถึงเงินจำนวน 23 ล้านบาท ที่เป็นเงินสำหรับพัฒนาการเมือง นอกจากนี้สำนวนที่ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ส่งมานายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองเคยอ่านหรือไม่ หรืออนุกรรมการตัดตอน เพราะในสำนวนระบุชัดว่า เงินที่อ้างว่าบริจาค 258 ล้าน ไม่ใช่เงินของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตผู้บริหารบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) แต่มาจากตลาดหลักทรัพย์ โดยนำเงินบางส่วนไปทำป้ายหาเสียงให้กับสภากรุงเทพฯ สภาเขต และผู้ว่าฯกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสามารถประเมินเป็นทรัพย์สินได้ จึงไม่ทราบว่าเหตุใด กกต.ถึงระบุว่า ปชป.ไม่ได้ประโยชน์ในเรื่องนี้โดยตรง


"ผมไม่ยอมหรอก จากนี้ต่อไปจะเปิดศึกทุกรูปแบบกับ กกต. ส่วนที่นายประชัยฟ้องผมและศาลยกฟ้องนั้น ผมจะฟ้องกลับนายประชัยข้อหาฟ้องเท็จ และเรียกค่าเสียหายจำนวน 500 ล้านบาท โดยไม่มีการรอมชอมโดยเด็ดขาด รบกันให้เต็มพิกัดไปเลย" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว