ที่มา ไทยรัฐ
คาบลูกคาบดอกฉบับนี้ส่งท้ายปี 2552 ท่ามกลางบรรยากาศเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่แสนจะว้าเหว่ ซึ่งอันที่จริงตั้งแต่ปลายปี 2549 หลังเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจเป็นต้นมา หรือจะว่าไปแล้ว ตั้งแต่มีการยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน ของ เหล่าพันธมิตรฯ
ความสุขของคนไทยก็หดหายไปโดยปริยาย
เปลี่ยนสภาพจากความสงบสุขร่มเย็น เป็นความขัดแย้งที่ไม่มีวันสิ้นสุด เศรษฐกิจ สังคม การเมืองย่อยยับไปพร้อมกับรอยยิ้มของคนไทย
การเมืองที่ผ่านมาไม่ต้องไปบรรยายให้เมื่อยตุ้ม คนไทยเอือมระอานักการเมืองไปเยอะ วิกฤติการเมืองกลายเป็นวิกฤติ ของบ้านเมืองถาวร ถ้าจะถามว่าวิกฤติการเมืองจะมีโอกาสคลี่คลายหรือเจรจากันโดยสันติวิธีหรือไม่ ก็คงพอจะตอบได้ว่า โอกาสน้อยมาก
เพราะช่องทางการเจรจากันแบบสันติถูกปิดตายหมดแล้ว
ก็ยังเหลือวิธีเดียวคือ เอาชนะกันด้วยกำลัง ปี 2553 ไม่พ้น ที่จะเห็นคนไทยเลือดนองแผ่นดินอีกกระทอก ประเทศไทยจะย่อยยับ ไปพร้อมกับระบบเศรษฐกิจที่ล้าหลัง
สงครามแตกหักที่จะมีขึ้นใน ปลายเดือนมกราคมไปจนถึงเดือนเมษายน 2553 ถูกนำมาวิเคราะห์จากขั้วอำนาจทุกฝ่าย รวมทั้งกองทัพ
ที่จะเป็นผู้ออกมาปิดเกม
ต้องยอมรับว่าในกองทัพเองก็มีแนวคิดที่แตกต่าง ส่วนหนึ่งเป็นทหารมืออาชีพ คิดและมองการเมืองในอีกมุมมองหนึ่งเป็นมุมมองที่ไม่ต้องการให้การเมืองล้ำเส้นจนเกินไป
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นทหารการเมือง ยึดโยงระหว่างอำนาจในกองทัพกับขั้วอำนาจทางการเมือง จึงต้องโฟกัสไปที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. รวมไปจนถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว. กลาโหม และกลุ่มการเมืองสีน้ำเงินบนแนวนโยบายอุดมการณ์
ที่สอดคล้องต้องกัน ปกป้องสถาบันเป็นหลัก ซึ่งก็ตรงกับอุดมการณ์ ของกองทัพพอดี
กลายเป็นกองกำลังบูรพาพยัคฆ์
ความยึดโยงระหว่างอดีตนายทหารที่มีบทบาททางการเมืองกับทหารมืออาชีพก็ มีความพร้อมไม่แพ้กัน แม้จะยังไม่ปรากฏภาพให้เห็นความชัดเจนออกมา แต่ก็มีความเคลื่อนไหวอย่างลับๆ
บวกกับปัจจัยการครองอำนาจของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่จะเกษียณอายุในเดือนตุลาคมปี 2553 และเห็นเค้ารางของผู้ที่จะขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งซึ่งมีแนวทางที่ชัดเจนจะส่งผลให้
ขั้วอำนาจมีการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปได้ว่า ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น จะต้องมีการปิดเกมให้เรียบร้อยในช่วงเวลาไตรมาสแรกของปีหน้า
ไม่ยุบก็ยึด.
หมัดเหล็ก