ที่มา thaifreenews
ที่ว่าเป็นซีรี่ส์เรื่องยาว ก็เพราะมันกั๊กๆ กันอยู่ยังไงชอบกล สำหรับเรื่องนี้
1.เมื่อมีคนไปฟ้องโดยตรงต่อศาล ศาลก็ไม่รับฟ้อง เพราะเห็นว่าไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
2.ผู้เสียหายโดยตรงอย่างกรมป่าไม้ไม่คิดที่จะขยับดำเนินการอะไร
3.ร้ายไปกว่านั้นคือ ตำรวจหลายโรงพักที่มีประชาชนไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ ก็ไม่ได้ทำให้คดีมีความคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น
ทั้งที่กรณีนี้เป็นความผิดชัดเจน เนื่องจากมีการสรุปผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป แล้ว ชาวบ้านที่ถือครองที่ดินอยู่ในละแวกเดียวกันหลายราย ก็ถูกดำเนินคดีไปแล้ว
บางรายศาลตัดสินให้จำคุก 10 ปี แต่ปรานีลดให้เหลือแค่ 4 ปี
แต่สำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.สุรยุทธ์ กลับไม่มีความคืบหน้าด้วยประการทั้งปวง
ได้เขียนไปแล้วครั้งหนึ่งว่า กรณีนี้ พล.อ.สุรยุทธ์มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ จะเป็นสุภาพบุรุษเก็บข้าวของเดินออกจากบ้านพักที่ไปสร้างไว้แล้ว คืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ หรือจะเลือกแนวทางเป็นจำเลย ขึ้นต่อสู้คดีความในชั้นศาล
วันนี้ผลสอบออกมาชัดเจนแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะคืน
กรณีของ พล.อ.สุรยุทธ์ถือว่า ท้ายทายจริยธรรมเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งจริยธรรมในตัวของ พล.อ.สุรยุทธ์เอง ที่เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี และนั่งเป็นองคมนตรีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่สมควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อประชาชน
ที่สำคัญคือ ท้าทายรัฐบาลเด็กดื้อข้างโพเดียม ที่จีบปากจีบคอพูดทุกวันนี้ จะไม่ยอมให้ใครละเมิดกฎหมายบ้านเมือง จะทำหน้าที่รักษากฎหมายอย่างเต็มที่
เรื่องนี้จึงเป็นการท้าทายอย่างที่สุดว่า “ดีแต่ปาก” หรือว่า “ทำได้จริง”
อยากเตือนว่า กรณีนี้ทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์และรัฐบาล ต้องตัดสินใจให้ไวว่า จะดำเนินการอย่างไร หากปล่อยทิ้งเนิ่นนานไปจะไม่ดี เพราะจะเป็นการตอกย้ำความ 2 มาตรฐานในสังคมไทย
จะเป็นเงื่อนไขให้คนที่คิดว่าถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่แล้ว ไม่พอใจมากขึ้น การเคลื่อนไหวต่างๆ ก็จะพลอยเข้มข้นขึ้นตามไปด้วย
นี่ก็เห็นว่า หลังปีใหม่จะมีคนเสื้อแดง ขึ้นไปเยี่ยมเที่ยวชมบ้านพักของท่านที่เขายายเที่ยง
ขอย้ำว่า ทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์และรัฐบาล ควรรีบตัดสินใจในเรื่องนี้ก่อนที่จะสายเกินไป
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
ปธ.กมธ.วิสามัญส่งเสริมการสร้างคุณธรรมฯ กล่าวต่อว่า ตนจะขออภิปรายใน 2 เรื่อง คือเรื่องที่พักของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา หรือที่เรียกว่า เขายายเที่ยง ซึ่งตนได้ตรวจสอบพื้นที่ทั้งภาพถ่ายทางอากาศ ทางภาคพื้นดิน และภาพถ่ายทางดาวเทียม โดยเฉพาะแผนที่จากกรมแผนที่ทหารบก ไม่ได้ทำเอง ซึ่งทั้งหมดยืนยันว่าเป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ป่าสงวน พ.ศ.2507
และต่อมามีกฎกระทรวง ฉบับที่ 67 พ.ศ.2508 กำหนดให้ป่าเขาเตียน ป่าเขาเขื่อนลั่น ต.จันทึก อ.ปากช่อง และอ.ลาดบัวขาว และอ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เป็นป่าสงวนแห่งชาติ จากนั้นได้มีกฎกระทรวง ฉบับที่ 984 พ.ศ.2525 อีกฉบับออกมาเพื่อประกาศขยายพื้นที่ป่าสงวนเพิ่ม โดยรมว.เกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้นคือนายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่แต่งตั้งนายสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผบ.ทบ. เมื่อสมัยที่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กล่าวต่อว่า พื้นที่ซึ่งเป็นป่าสงวนจึงเป็นพื้นที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ใดๆ ได้ ผู้ที่เข้าไปอยู่คือผู้บุกรุก แม้จะเสียภาษีบำรุงท้องที่ หรือ ภบท.5 แล้ว หรือที่ชาวบ้านเรียกภาษีดอกหญ้า ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เอกสารสิทธิใดๆ ผู้ที่เข้าไปอยู่อาศัยหรือครอบครองผิดตามมาตรา 14, 31 โทษถึงจำคุก ตนจะขอย้อนการได้มาซึ่งบ้านพักเขายายเที่ยงของพล.อ.สุรยุทธ์ โดยเริ่มเมื่อปี 2536 ชาวบ้านรุกที่ป่าสงวนและถูกไล่จับออกมา จากนั้นกฟผ.เขาไปทำอ่างจากลำน้ำลำตะคอง ขออนุญาตกรมป่าไม้ โดยกรมป่าไม้ ไปจัดเป็นพื้นที่หมู่บ้านป่าไม้ ซึ่งเป็นส่วนที่จัดสรรไว้ให้
ยังเคลือบแคลง ''ขายหรือยกให้''
สมาชิก สนช. คนเดิมกล่าวต่อว่า ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรีนั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีการขายจากชาวบ้านโดยนายเบ้า ขายให้กับนายนพดล พิทักษ์วานิช ในราคา 7 แสนบาท เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2538 แต่เป็นเอกสารภาษีบำรุงท้องที่ ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ ขณะนั้นนายกฯ ยังเป็นแม่ทัพกองทัพภาคที่ 2
และในวันที่ 31 มี.ค.2540 นายนพดล ก็เอามาทำเป็นสัญญาซื้อขายให้กับพ.อ.สุรฤทธิ์ จันทราทิพย์ ในราคาเพียง 5 หมื่นบาท และในวันที่ 12 พ.ย. พ.ศ. 2545 พ.อ.สุรฤทธิ์ขายให้กับ พ.อ.หญิงคุณหญิง จิตรวดี จุลานนท์ ภรรยานายกรัฐมนตรี (ขณะนั้นยังไม่ได้เป็นท่านผู้หญิง) โดยไม่ระบุราคาซื้อขาย
น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า แต่จากการตรวจสอบบันทึกของผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 เขายายเที่ยง ในฐานะเจ้าพนักงานสำรวจ ได้มาทำการสำรวจไว้ โดยบันทึกไว้ว่าเพราะเจ้าของเดิมยกให้ ความเป็นมาจึงเป็นที่เคลือบแคลงสงสัย และจากการที่เจ้าหน้าที่ไปดูมา 3 ครั้ง พบหลายอย่าง
วันที่ 25 ธ.ค.2549 ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิตว่า พล.อ.สุรยุทธ์บอกว่า ผมแถลงวันนี้ก็เพื่อความโปร่งใสของผมเอง พื้นที่ดังกล่าวยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ได้ เพราะยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่ได้เสียภาษีบำรุงท้องที่ติดต่อกันมาตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาค 2
พล.อ.สุรยุทธ์รู้ถึงสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าเป็นอย่างดี เพราะอยู่ในป่าสงวนฯ และต่อมาได้พูดว่าการเสียภาษีบำรุงท้องที่ภรรยาเสียภาษีมาตั้งแต่ปี 2545 ถ้าเห็นว่าตนทำผิดกฎหมายสมควรจะออก ผมก็พร้อมออก ไม่ขัดข้อง ซึ่งตนคัดมาเพื่อขอเตือนความจำ
''ในฐานะที่นายกฯ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งด้านคุณธรรม จริยธรรม ถ้าเป็นแบบนี้ผมขอร้องให้นายกฯ สร้างบรรทัดฐานใหม่ ถ้านายกฯ อยู่ได้ ทำไมศาลสีคิ้วตัดสินจำคุกชาวบ้าน พระประจักษ์ตั้งสำนักสงฆ์อยู่ใกล้กันยังถูกจับติดคุก 4 ปี คุณธรรม จริยธรรม ต้องอยู่ในจิตสำนึกของเรา''
images.google.co.th/imgres