ที่มา Thai E-News
โดย คุณรักเอ็นโตดี ห่วงประชาชน
ที่มา ประชาไท
26 ธันวาคม 2552
บทความที่เกี่ยวข้อง:ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน:เอ็นโตดี NGO พวกเขาไม่ได้โง่และไม่ได้บ้าแต่ว่าเพี้ยน..
หมายเหตุ:อันเนื่องมาจากผู้ใช้นามสุรีย์ มิ่งวรรณลักษณ์ ได้เขียนบทความเรื่อง"ขุนนาง NGO กป.อพช.และวิธีคิดอำมาตยาธิปไตย"ลงในหนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท เป็นการวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของขบวนองค์การพัฒนาภาคเอกชน หรือ(NGOs)ว่าอยู่ตรงกันข้ามกับฝ่ายประชาธิปไตย
ต่อมามีผู้ใช้นาม"รักเอ็นโตดี ห่วงประชาชน"ได้เขียนวิพากษ์ขบวนการNGOsอย่างเผ็ดร้อนในความเห็นท้ายบทความนี้ ไทยอีนิวส์เห็นว่าเป็นการวิพากษ์ในลักษณะของ"คนวงใน"วิพากษ์กันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนให้ได้เข้าใจว่าเพราะเหตุใดNGOsจึงมีบทบาทความเคลื่อนไหวในลักษณะต่อต้านประชาธิปไตย อิงแอบแนบชิดกับอำมาตย์เผด็จการ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ และไทยอีนิวส์ยินดีเผยแพร่ให้ หากผู้ที่ถูกพาดพิงจะมีปฏิกริยาโต้ตอบกลับมา
กรูเห็นพวกเมิง เอ็นโตดี ทั้งหมดทั้งมวลทะเลาะกัน อ่านแล้วรู้สึกมันดี จึงอยากร่วมแจมกะเค้ามั่ง…
ก่อนอื่นพวกเมิงต้องมาเข้าใจพวกมันให้ถึงรากถึงโคน ถึง ริดสีดวงดาก ของพวกมันก่อนอะนะ “สำนักข่าวผ้าปูเตียง” ได้จัดทำรายงานใส่แฟ้ม “ลับสุดยอด” ไว้แฟ้มหนึ่ง เผอิญกรูไปแอบถ้ำมองพวกมันมา....จึ่งได้ของดีมาเล่าสูกันฟัง ดังความว่า
ในใต้หล้าของยุทธจักรบู้ลิ้ม คนที่เคยทำงานทั้งบนดิน ใต้ดิน ในรู หรือ ใต้ผ้าปูเตียงของพวกมัน จะเรียกขานมันว่า “พวก NGOs โลก” ก็คือว่า ใครคิดแบบพวกมันจึงจะอยู่ในบู้ลิ้มได้ว่างั้นเถอะ.....พวกมันก็มี “บิดา” เหมือนพวกเมิง พวกกรูนี่แหละ อย่ากระนั้นเลย ขอเปิดตัว “ละคร” สำคัญ ๆ เพื่อทำความเข้าใจเบื้องต้นร่วมกันก่อนอะนะ.....ครือว่าเรื่องของเรื่องแม่งเป็นอย่างงี้วะ….
เริ่มจากนี่ก่อนเลยอะนะ.....
1. “ป๋วยปีแปกอ” : NGOs ตัวพ่อ !!!
ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ พาลูกศิษย์ธรรมศาสตร์ออกชนบทเริ่มโครงการพัฒนาแห่งแรกในจังหวัดชัยนาท เป็นการเบิกฤกษ์วงการเอ็นจีโทยเมื่อราวปี2512
ต้องขออำภัยสำหรับผู้ที่เคยเสพสำราญจากข้อเขียนของ คุณรักในหลวงห่วงลูกหลานมาแล้ว ในที่นี้จะขอเพิ่มเติมบางประเด็นเกี่ยวกับป๋วยปีแปกอเท่านั้น
ราว ๆ ปี 2512 ขณะนั้นป๋วยปีแปกอ ยังอยู่ที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ อยู่มาวันหนึ่งตามประสาคนกำลังจะแก่ตัวอะนะ แกก็ฝันเห็นยมทูตจากนรกขุมใหนก็ไม่รู้มาหาแก แล้วก็สั่งแกว่า หากจะล้างบาปจากที่รับใช้เผด็จการผ้าขะม้าแดง ไอ้เหี้ยมหนอม ละก็ ต้อง เป็นคนดีมีคุณธรรม ให้ทำความดี ๆๆๆๆ
พอแกตื่นจากฝัน แกก็เรียกลูกศิษย์ลูกหาเข้าพบ ลูกศิษย์ลูกหาของแกก็เช่น ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม (คนหัวล้าน ๆ ได้ดีเป็นเสนาบดีเพราะช่วยเผด็จการ คมช.นั่นงัย...ทุด สาดดดด !!!) พิเชียร คุระทอง (มติชน) คุณหญิงสุพัตรา มาศดิษฐ์ (ประชาธิปัติย์) เดช พุ่มคะชา (ก็อยู่หลายที่ ครป.ขี้เหลืองอ๋อย, มอส. / ฟอสเตอร์-แพลนอีสาน) พรรณยุพา นพรัก (ม.นเรศวร –คนนี้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของ “เสี่ยเป๋ง-สมพันธ์ เตชะอธิก ก่อนอยู่ RDI.,” ม.ขอนแก่น เดี๋ยวนี้ก็ยังสอนสอนอยู่ ม.ขอนแก่น ที่เรียกเสี่ยไม่ได้เรียกผิดหรอกเรียกตามเนื้อผ้า เพราะเขาได้เงินจากภาษีบาป แหล่งทุนหน้าโง่ สสส. มา 40 กว่าล้านบาทอะนะ-เดี๋ยวเรื่องนี้ขอข้ามไปก่อน จะมาเล่าให้ฟังทีหลัง) และอีกหลาย ๆ คน
พอป๋วยปีแปกอ ประชุมลูกศิษย์เสร็จสรรพเรียบร้อย เพื่อเป็นการไถ่บาปจึงจัดทำโครงการพัฒนาชนบทขึ้นแถว ๆ ลุ่มน้ำแม่กลอง แถว ๆ ชัยนาท (เรื่องนี้ต้องถามลูกศิษย์แกประเภท เรือง สุขสวัสดิ์ หรือ สมพงษ์ แขนด้วนดู พวกมันยังทำมาหาแดกเขียนโครงการหลอกแดกแหล่งทุนหน้าโง่อย่าง พอช.ภาคกลาง อยู่ทุกวันเลยอะนะ)
เด็ก ๆ เหล่านี้ที่เป็นลูกศิษย์ของป๋วยปีแปกอสมัยโน้น ก็ลงพื้นที่ชนบท ออกค่าย สร้างโน่นสร้างนี่กันอยู่หลายปี (ขอโทษด้วยเจ้าคะ อกอีแม้นจะแตก พอพวกเด็กของแกเดินทางกลับ มห’ลัย ชาวบ้านแบกจอบแบกค้อนไปทุบสิ่งปลูกสร้างของเด็ก ๆ ซะเละเทะเลยครับพี่น้อง-เอาฮา ๆๆๆ)
บรรดาเด็ก ๆ สานุศิษย์ของแก บัดเดี๋ยวนี้เป็นใหญ่เป็นโตเต็มบ้านเต็มเมือง ก็ทำอะไรออกเหลืองไปหมดอะนะ....
กระนั้นก็ดี แกก็สร้างอะไรไว้เยอะก่อนจะถูก “ให้ไปตายต่างประเทศ” แถมก่อนไปยังถูกแถมท้ายจากนายตำรวจตัวเหี้ยเอาปืนตบบ้องหูจนหูแกหนวกจนตายอะนะ (ไม่รู้วิญญาณแกจะรู้มั๊ยหน้อว่า มันผู้ใดส่งแกไปตายต่างประเทศ ฮา ๆๆๆ)
เอาหละสิ่งที่แกสร้างในแวดวงการพัฒนาชนบท/สังคม ก็เช่น โครงการบัณฑิตอาสาสมัคร ที่ทำมะสาด ซึ่งเดี๋ยวนี้กลายเป็น “สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร” เทียบเท่า “คณะ” และคนที่เป็นแขนเป็นขาอย่างแข็งขันก็คือ บัณฑร อ่อนดำ (เจ้าสำนักบู้ลิ้ม CO อันโด่งดังคนหนึ่ง) และ เดช พุ่มคะชา และบรรดาครูที่ยังสอนในสำนักนี้อยู่ นั่นแหละ
ต่อมาสานุศิษย์เหล่าโน้น ก็ “ขยายปีก” นำแนวคิดแบบ “บัณฑิตอาสาสมัคร” ไปขยายทั่วใต้หล้า ทำให้ยุทธจักรบู้ลิ้มสั่นสะเทือน เช่น บัณทร กับ ร.ต.อ. รศ. ดร. มรว.อคิน รพีพัฒน์ (ชื่อยาวฉิบหายเลย) ก็นำไปสร้าง “โครงการ / สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร” ที่ มหา’ลัย ขอนแก่น และสร้าง RDI. (สถาบันวิจัยและพัฒนา ม.ขอนแก่น) ที่มี “หลานศิษย์” เติบใหญ่ในที่นี้หลายคน เช่น เสี่ยเป๋ง, วิเชียร แสงโชติ (คนนี้พวก กป.อพช.อีสาน และ พอช.อีสาน มันชอบใช้บริการ-เรียกว่า “นักวิชาการบริการ” ก็คงจะได้-ฮา ๆๆๆ) ซึ่งสาธุชนทั้งหลายจึงไม่แปลกใจที่ RDI. แม่งเหลืองเกือบทั้งตึก ก็ “ไอ้หมอเหี้ยมๆ” ลูกกะโปก “ไอ้ลิ้ม” มันเป็น “ผู้อำนวยการ” อยู่นั่นงัย...สาดดดด !!!
ส่วน “เปี๊ยก” บำรุง บุญปัญญา นี่จบ ม.เกษตรศาสตร์ช่วงหลังนิดหน่อยก็เข้าไปทำนากับเรือง ที่ชัยนาท แล้วพระอาจารย์ป๋วยปีแปะกอ ก็ส่งไปเรียนที่อังกฤษ (แต่ข่าวว่าเรียนไม่จบเพราะชอบไปประชุมลับในร้านเงียบ ๆ ที่ไม่มีเด็กเสิร์พบ่อย ๆๆ เอ้าฮาๆๆๆ)
และในใต้หล้า ยุทธรจักรบู้ลิ้ม แม้ป๋วยปีแปกอไม่ได้อยู่เมืองไทยตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2519 แล้ว แต่สายของแกก็ถูกวางไว้ทั่วประเทศแล้วครับท่าน
มิพักต้องพูดถึง.....อยู่ ๆ ยุทธจักรบู้ลิ้มก็ปั่นป่วน เกิดวิกฤติศรัทธาใน พคท. ช่วงตั้งแต่ 2521 -2525 (ป่าแตก)....ช่วงดังกล่าว จอน อึ้งภากรณ์ อันเป็นทายาทของป๋วยปีแปกอ ก็ผันตัวเองจากครูสอนหนังสือที่รั้วจามจุรี มาสร้าง “โครงการอาสาสมัครเพื่อสังคม” ที่ต่อมาเป็น “มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสัง” (มอส.) อันโด่งดัง โดยมีคู่หูดูโอ้แรก ๆ คือ รศ.ดร.โคทวย เอ้ย โคมทม อารียาร่วมด้วยช่วยกัน (มอส. เนี๊ยะนะเปรียบเหมือโรงเรียนนายร้อย จปร. ของนักพัฒนา คือ พวกเอ็นโตดี หรือ พวก NGOs โลก นี่ก็แปลก ใครไม่ผ่าน มอส. แม่งก็บอกว่า เป็นเอ็นโตดีของปลอมบ้าง เป็นพันธุ์ทางบ้าง-ก็ มอส.นี่แหละ ที่ช่วงแรก ๆ มี จอน เป็น ผอ. และมี เอ็นจีอ้วน ภูมิธรรม เป็นรอง ผอ. .....เอ๊ะ ๆ ๆๆ ชักงง ๆๆ แล้ว เหลืองกับแดง เคยอยู่ร่วมกันมาก่อนนี่หว่า-อย่าเพิ่งฮา...จะขยายความข้างล่าง)
มอส. เนี๊ยะ เขากะผลิตคนเป็น “นักพรต” เลยอะนะ กะให้เป็นประเภท “กินน้อย ๆ ขี้มาก ๆ” จะได้ผอม ๆ แบบว่าพอเพียงงัยไอ้สัด ไม่เข้าใจหรืองัยสาดๆๆๆๆ แถมเด็ก ๆๆๆ ที่เข้าไปเป็นอาสาสมัครจะถูกบังคับให้ “เชื่อ” แนวทางวัฒนธรรมชุมชน (ประเภทชนบทล้อมเมือง เอ้ยลืมไป ผิดคิว ๆๆๆ ก็ครือภายใต้คำขวัญ “คำตอบอยู่ที่บนเตียง เห้ยอีกแว้วกรู คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน”และสุดชั่วก็คือ บังคับให้อ่าน “สมอลอีสบิวต้ฟูล-จิ๋วแต่แจ๋ว ของชูมัคเกอร์” หากใครไม่อ่าน หรือ อ่านไม่จบ จบแล้วไม่เชื่อก็ต้องให้ไปอยู่นอกด่านครับท่าน....ดูมันทำๆๆๆๆ
มอส. นี่มันเป็นยุทธศาสตร์ต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างหนึ่งของพวก “ซากเดนศักดินา” เลยนะมึงอย่าเอะไป....ก็ประมาณว่า ดักเก็บเอาพวกนักศึกษาจะจบแหล่มิจบแหล่มาอยู่ในอุ้งเท้า พร้อมกันนั้นก็เก็บตกบรรดา “พคท.อกหัก” ที่เข้าป่าเพราะขายลูกชิ้นปิ้งแถว ๆ สนามหลวงไม่รู้อีโหน่อีแหน่ แล้วเอามาใส่ตระกร้าล้างน้ำว่างั้นเหอะ “รีออแกไน” แหะ ๆๆ หุๆๆๆ ใช้แนวทางวัฒนธรรมชุมชน ทางเลือก ผสมผสาน ยั่งยืน และล่าสุดพอเพียง โคตรพ่อโครงแม่งมันเป็น “เข็ทมุ่ง” ฮา ๆ ๆๆ
บรรดาเหล่าสานุศิษย์ มอส. รุ่นแรก ๆ จึงยังใส่กางเกงขาก๊วย เสื้อพื้นเมือง แถมมีผ้าขาว (จะขาวม้าหรือไม่ม้าก็แล่นแต้) พาดบ่า เวลาประชุมก็เดินไปเดินมา พร้อมกับถ้วยกาแฟงัยสาดดดดด....
เอะแล้ว มอส. รุ่นแรก ๆ ก็มีหน้าตาอย่างไรบ้างนะ เอ้าก็พวก เสี่ยชัชวาลย์ ทองดีเลิศ เจ๊สุนทรี เซ่งกิ่ง เสี่ยพลากร วงศ์กองแก้ว เสี่ยอกนิษฐ์ (โอ้พระเจ้ายร์อจ) ป้องภัย เทื่อก ๆ นี้แหละ.....แล้ว พคท.ตกทุกข์ได้อยาก หรือ นักกิจกรรมในมหาวิทยาลัยฝ่ายซ้าย ๆ ก็เช่น นิกร วีสเพ็ญ, อู๊ด ยโสธร เป็นอาทิ
ขอรวบรัดตัดตอน จนมาถึงที่ คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน เธอว่าไว้ คือ ยุครุ่งเรืองก็ยุคเขมรอพยพ เอ็นโตดีในอีสาน มีเงินเยอะมาก และช่วงต้นทศวรรษที่ 2520-30 แหล่งทุนหน้าโง่จากตะวันตก เสือกใจดีให้เงินพวกมันมาทำโครงการโน่นโครงการนี่เต็มบ้านเต็มเมือง ว่ากันว่าทั่วประเทศนั้นแหละ.....(แม่งเงินเหลือ หรือว่า อมเค้าก็ไม่รู้สายข่าวไม่รายงาน ก็เอาไปสร้างตึกขาวที่ทำการพวกมัน...สร้างศูนย์เนท.....สร้างอาศรมดอนแดง ตอนนี้ก็ให้ เสี่ยแขก นอนแดกเหล้าขาวเฝ้ายามอยู่นั่นงัย...บางวันพี่แกงัวเงียตื่นขึ้นก็ได้ข่าวดีนึกว่าฝันไป-เฮ้ยแขก ได้เงินหมู่ พอช.อีสาน ภาคประชาสังคม ให้เมิงไปหาขุดสมุนไพรต่อแล้ววะ...อ้าเหรอ กรูเลิกทำไปนานแล้ว แกนนำกรูไปตัดอ้อยเมืองกาญจน์หมดแล้ว และกรูก็ไม่เคยเขียนโครงการขอเค้าด้วย แล้วกรูได้มายังงัยวะ เออเหล้าขาวหมดพอดี-เสี่ยแขกรำพึงรำพันในบางวันที่เบลอ-แล้วมันก็เอาเงินก้อนนั้นเหมารถพาชาวบ้านไปเลียกะโปไอ้แป๊ะลิ้ม-สาดๆๆๆๆๆ)
อย่ากระนั้นเลย วันดีคืนดีมันก็คิดเรื่อง “เครือข่าย” เน็ทเวิร์กขึ้นมา หันไปรวบรวมไพล่พลเหล่าเอ็นโตดีทั่วประเทศ และอาสาสมัครของ มอส. ที่ไปทำงาน 5-6 ปี เริ่มปีกกล้าขาแข็งแล้วมาร่วมกันก่อตั้ง กป.อพช.ชาติ ขึ้นมา เรียกหรู ๆๆๆ ตามแม่งว่า เอ็นจีโอคอต งัยสาดดดด......ความจริงเค้ามีชื่อยาว ๆ ของเค้าอยู่นะ
แรก ๆ เนื่องจากแม่งทำงานแต่ในชนบทชูคำขวัญ “คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน” มีรูปคนแก่ๆผอม ๆ ถือไม้เท้ายักแย่ยักยันเป็นรูปเคารพอะนะ (หน้าคลับคล้ายคลับคลามหาตมะ คาทวย เอ้ย คานที นั่นแหละ...เออหนอเหล่แถวที่ทำงาน สำนักงานพวกแม่งแขวนป้ายบิดามันอยู่คลับคล้ายคลับคลา 2-3 คน อ้อ นั่นรูป ส.ศิวยั๊วนี่หว่า เอ้านั่นรูปป๋วยปีแปะกอวะ เอ้านั้นรูปใครนะคุ้น ๆๆเห็นกันทุกวันเวลาจ่ายค่าเบียร์-สาดๆๆๆๆ) เค้าใช้ชื่อ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนชนบท(กป.อพช.) ต่อมาสถานการณ์เปลี่ยนก็เลยเปลี่ยชื่อให้สอดคล้อมกับยุคสมัยที่บ้านเราเป็นทุนนิยมแล้วพวกเมิงยังจะใช้ความไถ่นาอยู่หรือสาดดดด ....จึงมีชื่อว่า คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (เฉย ๆ ชื่อย่อตัวเดิม ก็ กป.อพช.)
และแล้วนับแต่บัดนั้น ในยุทธจักรบู้ลิ้มก็เริ่มเกิดเจ้ายุทธจักร มีกระบี่มือหนึ่งสังกัดสำนัก เกิดการผูดขาดทั้งความคิด เงินงบประมาณ ประมาณว่าทำตัวเป็น “ขุนนาง NGOs” ตามที่สุรีย์เขาด่าเป๊ะเลยตั้งแต่บัดนั้น....จนบัดเดี๋ยวนี้
อ้าว....แล้วใครบ้างละเป็นตัวตั้งตัวตีในการก่อสร้าง กป.อพช. ก็เช่น บัณฑร อ่อนดำ เดช พุ่มคะชา บำรุง บุญปัญญา ชัชวาล ทองดีเลิศ นี่งัย ถึงบ้างอ้อหรือยังคะ....
เฮ้อ...เล่าเรื่องพวกมันแล้ว เดี๋ยวตีรถไปอาศรมดอนแดง ขอถอนเหล้าขาวกับเสี่ยแขกก่อนอะนะ
ปล.โปรดอย่ารอคอย แต่จงติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัย ของ ตอนที่ 2 เอ็นโตดีศักดินาตัวพ่อ...ประเวศ วะศรี พลัน!!!!