ที่มา ข่าวสด
ลูกสาวเหยื่อปืนเร่งรวบรวมภาพถ่าย-คลิปวิดีโอ เป็นหลักฐานเข้าแจ้งความหาตัวคนยิงพ่อบังเกิดเกล้าเสียชีวิตในเหตุการณ์กระชับพื้นที่ย่าน "ราช ปรารภ" เมื่อ 15 พ.ค. ยอมรับอาจมีผลกระทบกับงานที่ทำอยู่ แต่ปรึกษาครอบครัวแล้วยืนยันเดินหน้าเอาเรื่องถึงที่สุด นักข่าวชาวเยอรมันรับปากพร้อมช่วยเป็นพยาน เสื้อแดงนับพันคนร่วมพิธีทำบุญอุทิศ 6 ศพวัดปทุมฯ ลุงอายุ 67 ชาวชัยภูมิเล่านาทีถูกยิงเท้าทะลุ ก่อนโขยกเขยกเข้าแจ้งความที่สน.ปทุมวัน ยืนยันเห็นกับตาทหารเป็นคนยิงแน่นอน "แม่น้องเกด"ฉะนายกฯ รับปากจะหาตัวคนยิงลูกสาวให้ได้ แต่ผ่านไป 1 เดือนยังไม่มีอะไรคืบหน้า ลั่นจะเดินหน้าค้นหาความจริงไปทุกรัฐบาล ไม่ยอมให้ลูกตายฟรีแน่ มูลนิธิกระ จกเงาเผยตัวเลขคนหายยังเหลืออีก 39 ราย
อาลัย - กลุ่มคนเสื้อแดงและญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ ร่วมงานรำลึกครบรอบ 1 เดือนการสลายม็อบ 19 พ.ค. ที่วัดปทุมวนาราม โดยผู้อยู่ในเหตุการณ์หลายคนมาเล่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุ
ลูกเหยื่อปืนขอสู้เพื่อพ่อ
จากผลกระทบการกระชับวงล้อมขอคืนพื้นที่กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงของรัฐบาลช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีคนตาย 90 คน บาดเจ็บอีกราว 2,000 คน และสูญหายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งล่าสุดบรรดาผู้บาดเจ็บและครอบครัวของผู้สูญเสียได้ทยอยเปิดตัวพร้อม เล่าถึงเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตามที่ "ข่าว สด" ได้นำเสนอข่าวมาเป็นลำดับต่อเนื่องนั้น
เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. น.ส.มนชยา หรือส้มโอ พลศรีลา อายุ 25 ปี พนักงานราชการ กองทัพอากาศ บุตรสาวนายชาญณรงค์ พลศรีลา อายุ 45 ปี ผู้เสียชีวิตจากการกระชับพื้นที่บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ถ.ราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังได้รับทราบเหตุการณ์การเสียชีวิตของบิดาจากปากของนายนิก นอสติทซ์ นักข่าวชาวเยอรมัน ว่า ขณะนี้ได้หารือกับทางครอบครัวและญาติพี่น้องว่าอยากแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่ทำให้พ่อต้องเสียชีวิต เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพ่อ ซึ่งทุกคนต่างก็เห็นด้วยว่าจะต้องดำเนินการ โดยเฉพาะคุณย่าและคุณยายบอกว่ายอมไม่ได้ เพราะชีวิตของพ่อมีค่า ดังนั้น ตนเองจะดำเนินการหาผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของคุณพ่อ ซึ่งตอนนี้ก็รออีเมล์ภาพเหตุการณ์ที่นายนิก นอสติทซ์ สามารถถ่ายเอาไว้ได้ด้วย
ระดมหลักฐานแจ้งความ
น.ส.มนชยากล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ทาง สน. พญาไท เรียกตนไปสอบปากคำว่าจะดำเนินคดีในเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งตนก็อยากจะดำเนินคดีแต่ในสำนวนระบุว่าไม่มีคู่กรณี เลยไม่รู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปเพราะตนเองเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้รู้จักคนมีสี ขณะนี้เลยพยายามค้นหาภาพหรือคลิปวิดีโอจากทางเว็บไซต์ หรือเครือข่ายอื่นๆ โดยตลอด ตอนนี้มีเพียงคลิปที่คุณพ่อถูกยิงขณะหลบอยู่ในบังเกอร์เท่านั้น ซึ่งมีหลายคนทักเหมือนกันว่าแน่ใจหรือไม่ว่าเป็นพ่อของตนจริงๆ เพราะภาพไม่ค่อยชัดเจน อาจนำไปฟ้องร้องเอาผิดได้ยาก แต่ตนมั่นใจว่าคนในคลิปที่ถูกยิงเป็นคุณพ่อแน่นอน เพราะเราเป็นลูก จดจำรูปพรรณสัณฐานได้ชัดเจน
น.ส.มนชยากล่าวอีกว่า ขณะนี้ญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิทก็โทรศัพท์มาให้กำลังใจ หลังจากเห็นภาพที่ตนให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ทุกคนบอกตรงกันว่าให้ตนพูดหรือแสดงความรู้สึกออกไปให้หมด ซึ่งตนก็พูดในส่วนที่รู้สึกในฐานะของผู้เสียหายและผู้สูญเสีย แต่ก็เป็นกังวลเหมือนกันว่าสิ่งที่พูดออกไปอาจมีผลกระทบกับงานหรือต้นสังกัด แต่ได้ปรึกษาทางผู้บังคับบัญชาแล้ว ท่านก็บอกว่าอาจจะมีผลกระทบหรืออาจจะไม่มีก็ได้ เพราะสิ่งที่พูดออกไปเป็นการแสดงความรู้สึกที่มีต่อพ่อเท่านั้น
นักข่าวฝรั่งพร้อมเป็นพยาน
วันเดียวกัน นายนิก นอสติทซ์ นักข่าวอิสระชาวเยอรมัน เปิดเผยว่า หลังจากได้พบและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนายชาญณรงค์ ให้กับน.ส.มนชยารับทราบแล้ว ก็รู้สึกสงสาร น.ส.มนชยาและครอบครัวที่ต้องเสียหัวหน้าครอบครัวไป ทั้งนี้ ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ตนไปเป็นพยานในคดีนายชาญณรงค์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีหมายเรียกมา ซึ่งตนพร้อมจะเดินทางไปให้ปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา อย่างไรก็ตามช่วงนี้มีผู้ใหญ่หลายคนเตือนว่าให้ระมัดระวังตัวมากขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง แต่ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของนายชาญณรงค์นั้น เพราะต้องการความเป็นธรรมให้กับผู้ตายและครอบครัวของเขา จนถึงทุกวันนี้ตนยังนึกถึงภาพที่เคยได้พูดคุยกับนายชาญณรงค์ บริเวณจุดที่มีการชุมนุมแยกราช ปรารภ และจะไม่มีวันลืมตลอดชีวิตนี้
นายนิกกล่าวต่อว่า หลังจากเหตุการณ์วันที่ 15 พ.ค. ตนได้ไปเก็บนำหัวกระสุนขนาดเอ็ม 16 ที่ทหารใช้ยิงประชาชนมาเลี่ยมห้อยคอจนถึงทุกวันนี้ เพราะเห็นว่ากระสุนดังกล่าวเป็นเครื่องเตือนใจ และเป็นความทรงจำที่ครั้งหนึ่งได้มาทำข่าวการชุมนุมของไทย และยังเป็นการรำลึกถึงเหคุการณ์วันนั้นอีกด้วย
แดงทำบุญ 6 ศพวัดปทุมฯ
ช่วยชีวิต - นายณรงค์ศักดิ์ สิงห์แม ชาวจ.ขอนแก่น โชว์เหรียญ 10 บาทในกระเป๋าเสื้อที่รับกระสุนแทน รอดชีวิตมาได้หวุดหวิดเมื่อครั้งถูกยิงเข้าหน้าอกที่วัดปทุมวนาราม กทม.
เมื่อเวลา 07.00 น. ที่วัดปทุมวนาราม กลุ่มคนเสื้อแดงพร้อมญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 พ.ค. กว่า 1,000 คน ทั้งในกรุง เทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมาร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล ถวายภัตตาหารพร้อมเครื่องสังฆ ทาน อุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต เนื่องในวันครบรอบ 1 เดือน ส่วนใหญ่สวมเสื้อหลากสี แต่บางคนก็สวมเสื้อสีแดงและติดสัญลักษณ์กลุ่ม นปช.มาร่วมพิธี พร้อมนำดอกกุหลาบ ดอกคาร์เนชั่นสีแดง พวงมาลัย ตีนตบ หัวใจตบสีแดงมาวางเป็นรูปหัวใจ นอกจากนี้ยังมีการนำป้ายชื่อผู้ถูกยิงเสียชีวิต 6 ศพในวัดปทุมวนาราม มาวางไว้บริเวณประตูทางเข้าอุโบสถของวัดด้วย
เวลา 09.50 น. กลุ่มคนเสื้อแดงร่วมกันยืนล้อมวงจับมือรอบจุดที่วางดอกไม้เพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก บางรายถึงกับน้ำตาไหล ขณะที่บางรายนำโกศกระดูกของผู้เสียชีวิตมาร่วมพิธีครั้งนี้ด้วย จากนั้นทั้งหมดได้ร่วมถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์และสามเณร ก่อนจะล้อมวงกินอาหารร่วมกัน
ช่วงบ่าย ผู้ที่มาร่วมงานต่างจับกลุ่มพูดคุย วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลกรณีกล่าวหาคนเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้าย ทำให้ประเทศชาติเกิดความวุ่นวาย ประเทศได้รับความเสียหาย รวมถึงการเสนอข่าวของสื่อสารมวลชนที่ไม่เป็นกลาง เข้าข้างรัฐบาล ไม่มีจรรยาบรรณ นอกจากนี้หลายคนยังได้แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ และอีเมล์กันด้วย
อย่าห่วงวันงาน"เสธ.แดง"
สำหรับแกนนำ นปช.ที่เข้าร่วมพิธีมีเพียงนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกเวทีคนเสื้อแดง ซึ่งได้กล่าวว่า การมาร่วมพิธีวันนี้ต่างคนต่างมา ไม่นัดหมายล่วงหน้า เป็นเรื่องของมวลชนจัดงานกันเอง แกนนำทราบข่าวจึงมาร่วม เวลานี้แกนนำไม่ได้นำมวลชนแล้ว ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ที่ไม่มานั้น เนื่องจากจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องการถอนประกันตัว
นายวรวุฒิกล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้ถูก ศอฉ. เรียกไปสอบปากคำ หรือถูกดำเนินคดี หรือถูกข่มขู่คุกคาม อาจมีผ่านๆ มาดู มาถามบ้าง แต่ไม่ได้ข่มขู่ แต่มีคนโทรศัพท์มาปรึกษาและบอกกับตนว่า คนเสื้อแดงในต่างจังหวัดและ กทม. ถูกข่มขู่คุกคามจริง สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอย่างที่ ศอฉ.และรัฐบาลวิตก ที่ผ่านมาการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่มีเหตุรุนแรงจนกระทั่งมีคำสั่งสลายการชุมนุม และขณะนี้คนเสื้อแดงก็เฝ้าดูแผนปรองดองของรัฐบาลอยู่
เมื่อถามว่าในวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันครบรอบการเปลี่ยนแปลงการปกครองจะมีกิจกรรมอะไรหรือไม่ นายวรวุฒิกล่าวว่า ไม่แน่ใจ อาจมีการจัดกิจกรรมในกลุ่มของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนายน ส่วนที่รัฐบาลเป็นห่วงความเคลื่อนไหวในวันพระราชทานเพลิงศพพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดงนั้น ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง เพราะการไปร่วมพิธีศพก็เหมือนเป็นการไปทำบุญเท่านั้น
อส.เผยถูกตามข่มขู่ถึงบ้าน
ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. นายวสันต์ สายรัศมี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่เข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม แถลงชี้แจงเหตุการณ์ในวัดเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ว่า ตนมาทำงานตรงนี้ด้วยจิตอาสา ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ช่วยเหลือคนไทยทุกคน แม้แต่การชุมนุมคนเสื้อเหลืองเมื่อเดือนต.ค.51 ช่วงที่มีการปะทะกันตนก็เข้าไปช่วยเหลือเพราะเป็นหน้าที่ และยืนยันว่าจะทำหน้าที่นี้ต่อไป และไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น พร้อมจะต่อสู้จนตัวตายเพื่อให้นายอัครเดช หรือออฟ ขันแก้ว และน.ส. กมนเกด หรือเกด อัคฮาด ที่เสียชีวิตในวัดปทุมฯ ได้รับความเป็นธรรมในสังคม
"ตอนนี้ผมไม่กลัวตายแล้ว พร้อมจะเปิดเผยความจริงให้สังคมได้รู้ ชีวิตผมเหมือนแขวนบนเส้นด้าย ช่วงที่ผ่านมาก็มีคนไปถามหาผมที่บ้านแต่ก็ไม่กลัว ได้โทร.ไปบอกแม่ที่บ้านให้ทราบแล้วว่าอยู่ที่ไหน ตอนนี้ที่บ้านทราบหมดแล้ว และหากใครมาถามหาก็บอกว่าไม่ได้กลับบ้านมานานกว่า 10 ปีแล้ว ตอนนี้ต้องการแค่ทำเพื่อความถูกต้อง ทำเพื่อเพื่อนและน้องที่ตายไปให้ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้น" นายวสันต์กล่าว
ย้ำทหารยิงมาจากบนราง
นายวสันต์กล่าวยืนยันว่า ทั้ง 6 ศพที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารที่ยิงปืนจากบนรางรถไฟฟ้าหน้าวัด เข้าใส่ประชาชนในวัด ตนเป็นคนช่วยผู้บาดเจ็บจากการถูกยิง และช่วยลำเลียงผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คนเข้าไปในวัด การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และ ศอฉ.ระบุว่าคนที่เสียชีวิตถูกยิงจากนอกวัดและปีนเข้ามาตายในวัด ไม่เป็นความจริง นายสุกัน ศรีรักษา อายุ 31 ปี ถูกยิงตกจากต้นไม้เพราะกำลังปีนขึ้นไปดูเหตุการณ์และความเคลื่อนไหวของทหาร กระ ทั่งถูกทหารยิงตกลงมา ทุกศพที่เสียชีวิตถูกยิงในวัดแน่นอนและเป็นฝีมือทหาร ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายอย่างที่กล่าวอ้างและใส่ร้ายแน่นอน
ร่วมรำลึก - บรรยากาศงานรำลึกผู้เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม โดยตัวแทนหน่วยกู้ภัยนำภาพที่เกิดเหตุมาอธิบาย ขณะที่นายนิก นอสติทซ์ นักข่าวเยอรมันได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงาน ส่วนนายบัวศรี ทุมมา ชาวจ.ชัยภูมิ โชว์แผลที่ถูกยิงขณะหลบในวัด โดยระบุเป็นฝีมือทหาร
"ผมเสียใจมากที่น้องออฟ และน้องเกดต้องมาเสียชีวิตเพราะต้องการช่วยเหลือคนเจ็บ การจะลำเลียงผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาลก็ไม่สามารถทำได้ เพราะออกไปจะถูกยิงใส่ทันที ตอนดึกผมต้องคลานออกมาหน้าวัดหลายสิบรอบ เพื่อมาเอาน้ำและอาหารเข้าไปให้ผู้ชุมนุมในวัดกิน เพราะข้างในไม่มีอาหาร ทุกคนไม่กล้าออกมาเพราะกลัวถูกยิง" เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกล่าวและว่า ช่วงที่พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจน สุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มาชันสูตรศพทั้ง 6 ศพยังย้ำกับพวกเราว่าให้เอากระดาษกาวมาแปะที่แผลที่มีหัวกระสุนคาอยู่ อย่าให้หาย จะได้นำมาเป็นหลักฐาน ตอนจะกลับยังมาพูดกับตนว่า "ให้ระวังตัวให้ดีเพราะเป็นพยานปากสำคัญที่เห็นเหตุการณ์" ตนก็รับฟัง และจะระวังตัวให้ดีเพราะตอนนี้ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ไม่กลัวอะไรแล้ว ขอแค่ความถูกต้องในสังคมเท่านั้น
ลุงอายุ 67 ถูกยิงเท้าทะลุ
ที่ร.พ.รามาธิบดี นายบัวศรี ทุมมา อายุ 67 ปี หนึ่งในผู้ถูกยิงในวัดปทุมวนาราม เดินทางจาก จ.ชัยภูมิ มาตรวจบาดแผลพร้อมยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนมาร่วมชุมนุมตั้งแต่วันแรก และวันที่ 10 เม.ย. ในการสลายการชุมนุมที่ผ่านฟ้าฯ ตนถูกทหารตีด้วยพานท้ายปืนบาดเจ็บ ต้องไปนอนรักษาที่ร.พ.วชิระอยู่ 2 วัน เมื่อออกมาก็ไปร่วมชุมนุมต่อที่ราชประสงค์
นายบัวศรีกล่าวว่า ก่อนหน้าการสลายการชุมนุมวันที่ 19 พ.ค. มีการประกาศให้คนแก่ ผู้หญิงและเด็ก เข้าไปหลบอยู่ในวัดปทุมวนาราม ตนจึงไปรวมกับผู้ชุมนุมรายอื่นๆ ในวัดปทุมฯ กระทั่งวันที่ 19 พ.ค. ทหารเข้าสลายการชุมนุม และแกนนำเสื้อแดงประกาศยุติการชุมนุม สั่งให้มวลชนกลับบ้าน ตนจึงเดินกลับไปที่พักในวัดด้วยความเสียใจ และเตรียมเดินทางกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น ระหว่างนั่งอยู่ลานจอดรถหน้าวัด เห็นทหารเดินมาเป็นแถวบนรางรถไฟฟ้า พร้อมทั้งมีเสียงปืนยิงไล่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณนั้นจึงพากันมุดหลบเข้าไปใต้ท้องรถ ต่อมาตนเห็นกับตาว่าทหารยิงปืนเข้ามาในวัด ทำให้ต้นไม้หน้าวัดสั่นและใบไม้แหวกเป็นช่องเห็นชัดเจน
เห็นกับตาคนถูกยิงล้มอื้อ
นายบัวศรี กล่าวว่า ช่วงเวลานั้นตนกลัวมาก เพราะยิงเข้ามาใกล้ตรงที่นั่งอยู่ จึงตัดสินใจมุดลงไปใต้รถกระบะคันหนึ่ง นึกว่าหลบพ้นแล้วแต่ขาดันยื่นออกมานอกรถ จึงโดนยิงที่เท้า ตอนนั้นรู้สึกเจ็บมาก หันไปมองเห็นมีเลือดไหลมาก จึงหลบขาเข้ามาให้พ้นระยะกระสุนปืน จากนั้นมีทหารตะโกนลงมาสั่งว่าให้คนที่อยู่ใต้ท้องรถออกมาให้หมดแล้วถอดเสื้อออก มิฉะ นั้นจะยิงให้ตาย ตนจำได้ว่าตอนนั้นมีชายคนหนึ่งที่หมอบอยู่ด้านข้าง ลุกขึ้นแล้วยกมือ ชูเหนือหัว แต่ทหารก็ยิงลงมาอีก ถูกมือชายคนดังกล่าว เมื่อล้มลงก็ถูกยิงซ้ำอีก ตนจึงหมอบเอาหน้าแนบกับพื้นใต้ท้องรถ เห็นว่ามีคนถูกยิงล้มลงอีกหลายคน มีเสียงร้องครวญครางขอความช่วยเหลือรอบตัว พักใหญ่มีเจ้าหน้าที่อาสาเข้ามาลากตัวเข้าไปที่เต็นท์พยาบาลในวัดเพื่อทำแผล
นายบัวศรี เปิดเผยอีกว่า ระหว่างรักษาตัวยังได้ยินเสียงพยาบาลพูดว่า รถพยาบาลเข้ามารับผู้บาดเจ็บในวัดไม่ได้ เพราะทหารไม่อนุญาต จากนั้นตนก็หมดสติไป ฟื้นขึ้นมาอยู่ที่ร.พ. รามาฯ ยืนยันว่าคนที่ยิงตนในวัดคือทหารแน่นอนเพราะใส่ชุดพราง ไม่ใช่คนชุดดำ เสีย ใจมากที่ทหารทำแบบนี้แล้วยังโกหกประชาชนว่าไม่ได้ทำ "ยืนยันว่าหากมีการชุมนุมจะอีก กี่ครั้ง ก็จะมาร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสังคม เพื่อประชาธิปไตย" นายบัวศรีกล่าว
โขยกเขยกเข้าแจ้งความตร.
นางจำนงค์ เนียมขุนทด ภรรยาลุงบัวศรี เปิดเผยว่า ก่อนวันเกิดเหตุได้โทรศัพท์ติดต่อลุงบัวศรีตลอดเวลา วันที่ 19 พ.ค. ช่วงเช้ายังติดต่อกันได้อยู่ กระทั่งช่วงเย็นรู้สึกเป็นห่วง ข่าวสารที่ได้รับก็ไม่ชัดเจนว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เพราะทุกช่องรายงานไม่เหมือนกัน จึงได้โทรศัพท์ไปหาลุง แต่ลุงไม่ยอมรับสาย โทร.ไปกี่ครั้งกี่ก็ไม่รับ สัญญาณติดแต่ไม่มีคนรับสาย จึงเป็นห่วง จนวันที่ 20 พ.ค. ได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่บ้าน จึงรู้ว่าลุงถูกยิง ตอนนั้นรู้สึกเสียใจมาก แต่ก็ดีใจที่ลุงไม่ตาย แต่เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยดำเนินการ เขาจึงไปประสานกับส.ส.ให้ช่วยเหลือ พอส.ส.ในพื้นที่ทราบก็ให้การช่วยเหลือเต็มที่
"ตอนนี้รู้สึกใจชื้นขึ้นเยอะ ตอนนั้นไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง ถูกยิงที่เท้าจะเดินได้หรือเปล่า ตอนนั้นสับสนไปหมด แต่พอย้ายมาโรงพยาบาลที่ชัยภูมิ พอได้เจอก็ดีใจจนบอกไม่ถูก หลังจากนี้คงกลับบ้านอยู่กันไปตามประสาคนแก่ แต่หากมีการชุมนุมอีกเชื่อว่าลุงคงไปร่วมชุมนุมอีก เราคงห้ามไม่ได้ คงต้องให้ไป เราอยู่ทางนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้ปลอดภัยกลับมาบ้านเท่านั้น"
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. นายบัวศรี เดินทางเข้าพบร.ต.ท.ทนงศักดิ์ ใสสด พนักงานสอบ สวน สน.ปทุมวัน เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กรณีถูกยิงเท้าซ้ายทะลุ ภายในวัดปทุมวนารามเมื่อเย็นวันที่ 19 พ.ค. นายบัวศรี กล่าวว่า หลังถูกยิงได้เข้ารักษาที่ร.พ.รามาฯ แพทย์วินิจฉัยว่าถูกยิงทะลุ กระดูกแตก ต้องผ่าตัด หลังจากรักษาแล้วตนก็ขอกลับไปรักษาตัวที่ชัยภูมิบ้านเกิดอยู่ร่วมเดือน จึงมาเข้าแจ้งความ ตอนนี้ก็ยังเดินไม่สะดวกเพราะแผลยังไม่หายดี ต้องใช้ไม้ค้ำยันช่วยพยุงเวลาเดิน
"แม่น้องเกด"ฉะยับ"มาร์ค"
วันเดียวกัน นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด หรือเกด อาสาพยาบาลที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ครบรอบ 1 เดือนที่น้องเกดเสียชีวิต ตนและผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงได้ร่วมกันมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ส่วนตนจะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกสาว ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เคยให้สัมภาษณ์และโทรศัพท์มาหาตน บอกว่าจะหาตัวมือปืนมาลงโทษให้ได้ แต่จนบัดนี้แล้วยังไม่เห็นว่าคดีของน้องเกดจะคืบหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้แจ้งความไว้ที่ สน.ปทุมวัน และกองปราบฯ แต่เรื่องยังเงียบ ไม่เห็นเจ้าหน้าที่จะเรียกพยานหรือบุคคลในเหตุการณ์ไปชี้แจงหรือให้ข้อมูล ส่วนนายกฯ ก็ดีแต่พูดและให้ความหวังทั้งที่มีอำนาจล้นฟ้า สั่งการอะไรก็ได้ คดีน้องเกดเป็นคดีเล็กน้อย หากใช้ตำแหน่งนายกฯ ลงมาสั่งการเชื่อว่าไม่นานก็ค้นหาความจริงได้ แต่ตอนนี้ทำเหมือนเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่กล้าลงมาหาความจริง ซึ่งตนก็เข้าใจว่าไม่ใช่ญาติของนายกฯ หากเป็นคนใกล้ชิดหรือญาตินายกฯ คงหาคนผิดมาดำเนินคดีได้เรียบร้อยแล้ว คดีคงจบสิ้นไปตั้งแต่ช่วงแรกแล้ว
ลั่นไม่ยอมให้ลูกตายฟรีแน่
นางพะเยาว์ กล่าวต่อไปว่า กรณีน้องเกดมีพยานหลักฐานครบ หากจริงใจเรียกข้อมูลมาดู ความจริงก็จะปรากฏทันที โดยเฉพาะที่พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยา ศาสตร์ ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นอัจฉริยะของเรื่องนี้ และเป็นผู้เข้าไปชันสูตรศพน้องเกด ก็คงทราบเบื้องต้นแล้วว่าเป็นการยิงด้วยอาวุธปืนชนิดใด ดังนั้น นายกฯ รับปากประชาชนตา ดำๆ แล้วต้องทำให้ได้ ไม่ใช่สักแต่พูดแล้วไม่ยอมทำ เราขอเรียกร้องหาความรับผิดชอบของรัฐบาลชุดนี้ และทวงถามสัญญาที่ให้ไว้ว่าเมื่อไหร่จะทำให้เรา ถ้าน้องเกดไปเย้วๆ แล้วไปร่วมชุมนุม แล้วเสียชีวิต ตนจะไม่ทวงถามเพราะเข้าใจ แต่น้องเกดอาสาเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บล้มตาย แต่ตัวเองกลับถูกยิงเสียชีวิตและใน 6 ศพน้องเกดเป็นผู้ที่ถูกยิงมากที่สุด เป็นการตายที่น่าสงสาร นายกฯและรัฐบาลต้องหาคนผิดมาลงโทษให้ได้
นางพะเยาว์ กล่าวยืนยันว่า จะเดินหน้าค้นหาความจริงให้ปรากฏต่อสังคม ไม่ว่าหน่วยงานไหนจะเกรงกลัวอิทธิพลของรัฐบาล ตนก็จะเสนอความจริงให้ปรากฏให้จงได้ ไม่ว่ารัฐบาลนี้หรือรัฐบาลไหน ต้องมีสักรัฐบาลที่ต้องค้นหาความจริงให้ปรากฏ ดังนั้นการเสียชีวิตของน้องเกดจะไม่เปล่าประโยชน์ ไม่ตายฟรี เพราะยังมีแม่และเพื่อนร่วมงานที่พร้อมจะไปเป็นพยาน
ยังเหลือคนหายอีก39ราย
เวลา 14.30 น. ที่สวนเงินมีมา ถ.เจริญนคร มีการเสวนาเรื่อง "ปากคำผู้สูญเสียและการเยียวยา" นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติความรุนแรงเพื่อสันติภาพ กล่าวว่า จากเหตุการณ์เดือนตุลา 19 พฤษภา 35 มาจนถึงพฤษภา 53 สังคมไทยไม่เคยสรุปบทเรียนและหาทางแก้ไข เพราะเป็นสังคมที่ให้อภัย พอให้อภัยกันง่ายๆ โดยไม่เคยหาความจริงก่อนจะนำมาสู่การให้อภัย จึงเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง และทุกครั้งที่มีการสูญเสียจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ แต่เมื่อทำเสร็จกลับไม่เปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ สุดท้ายจึงไม่รู้ว่าใครต้องรับผิดชอบ ส่วนตัวคิดว่าหัวเรือของทั้งสองฝ่ายต้องหันหน้าเข้ามาพูดคุยกันอย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้นจะเกิดความขัดแย้งรุนแรงกว่าที่ผ่านมา
น.ส.น้ำผึ้ง ไชยรังษี ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า ภายหลังเหตุการณ์ 19 พ.ค. กระจกเงาได้รับแจ้งคนหาย 85 ราย เบื้องต้นเจอแล้ว 46 ราย จากการพูดคุยส่วนใหญ่หลบหนีไปต่างจังหวัด และขาดการติดต่อไปในช่วงนั้น เพราะกลัวรัฐบาลมาจับกุมตัวไปดำเนินคดี ส่วนที่ยังไม่พบ 39 ราย ทางศูนย์ฯจะตามหาทุกราย โดยมี 4 ขั้นตอน คือ 1.ตรวจสอบรายชื่อผู้บาดเจ็บ เพราะบางส่วนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดต่อทางบ้านได้เนื่องจากไม่มีข้อมูล 2.ตรวจสอบรายชื่อผู้เสียชีวิต 3.ตรวจสอบรายชื่อผู้ถูกคุมขัง 4.ถ้ากระทำทั้ง 3 ขั้นตอนแล้วยังไม่พบจะสืบค้นต่อไปว่าหายไปได้อย่างไร เช่น จากการถูกลักพาตัว ถูกล่อลวง ถูกจับกุม เป็นต้น ทางศูนย์ฯ จะต้องตามหาทุกรายเพราะผู้แจ้งเข้ามาคาดหวังเป็นอย่างมาก
เพื่อไทย
Sunday, June 20, 2010
ลูกเหยื่อปืน วอนตร.ล่าคนยิงพ่อ "แดง"ทำบุญ
6ศพในวัดปทุมฯ ครบรอบ1เดือน แม่"เกด"ฉะมาร์ค โทร.ปลอบ-ไม่ทำ