WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, May 10, 2011

"นพ.นิรันดร์" รับปากตรวจสอบการใช้ ม.112 ละเมิดสิทธิ

ที่มา ประชาไท

(9 พ.ค.54)เวลา 15.00น. ตัวแทนประชาชน 3 กลุ่มประกอบด้วยโครงการมาตรา 112 รณรงค์เพื่อการตื่นรู้ เครือข่ายสันติประชาธรรม และกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เข้าร้องเรียนต่ออนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการ เมือง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมี นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระเป็นประธาน ให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิโดยใช้มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา โดยมีทั้งการคุมคาม ละเมิดสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เสรีภาพการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพในทางวิชาการ สิทธิในการได้รับการประกันตัว รวมทั้งปัญหาเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินคดี

โดยสุธารี วรรณศิริ ตัวแทนจากโครงการมาตรา 112 รณรงค์เพื่อการตื่นรู้ กล่าวแสดงความกังวลถึงการออกมาให้ข่าวของภาครัฐและฝ่ายการเมืองที่ว่ากำลัง ดำเนินการออกหมายจับคนที่เข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา 112 โดยเปิดเผยตัวอักษรนำหน้าชื่อ สร้างให้เกิดความกลัวและไม่กล้าแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์

นอกจาก นี้ โดยทั่วไป สิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์เป็นเรื่องสำคัญ แต่ส่วนใหญ่ในการดำเนินคดี 112 มักถูกสันนิษฐานว่าผิดจริงและจัดเป็นคดีร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งส่งผลให้ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้รับการประกันตัว ทำให้สิทธิของเขาหายไป รวมถึงชี้ว่า การสืบหาพยานหลักฐานควรหาทุกด้านไม่ใช่พุ่งไปที่การพยายามบ่งชี้ว่าเป็นผู้ กระทำผิด

ทั้งนี้ สุธารีเน้นว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับสังคมไทยในภาวะความขัดแย้ง คือการให้มีการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก เพื่อขับเคลื่อนสังคม โดยประเด็นมาตรา 112 ควรเป็นประเด็นสาธารณะ ถกเถียงได้ ไม่เฉพาะในวงวิชาการ และเจ้าหน้าที่รัฐไม่ควรข่มขู่ให้คนหวาดกลัวในการพูดคุยและอภิปรายเรื่องนี้

เกษม เพ็ญภินันท์ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ในฐานะตัวแทนจากเครือข่ายสันติประชาธรรม กล่าวถึงกรณีการคุกคามนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังนายสมศักดิ์อภิปรายเรื่องสถาบันกษัตริย์และรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 10 ธ.ค.53 โดยเร็วๆ นี้ นายสมศักดิ์ได้แถลงว่า มีชายสองคนขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาในหมู่บ้านของนายสมศักดิ์และบอกว่าจะมารับ นายสมศักดิ์ โดยทราบภายหลังว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นทหาร และยังมีผู้โทรศัพท์มาคุกคามด้วย ทั้งนี้เกษมเน้นว่า นี่ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล แต่เป็นหลักการเรื่องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ที่ควรได้รับการคุ้มครอง

เกษมระบุว่า ในการแถลงข่าวที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ยืนยันว่ายินดีเข้าสู่กระบวนการตามปกติ หากมีการฟ้องร้อง ซึ่งล่าสุด ทราบข่าวว่านายสมศักดิ์ได้รับหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาความผิดตาม มาตรา 112 ซึ่งฟ้องโดยกองทัพบก ที่สน.นางเลิ้ง ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ โดยเกษมแสดงความเห็นว่า การดำเนินคดีและการสืบสวนควรเป็นไปตามกระบวนการปกติ ไม่ใช่ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ โดยชี้ว่าคดี 112 ส่วนใหญ่เป็นคดีการเมือง ซึ่งมักไม่มีการพิสูจน์ตามกระบวนการอย่างชัดเจน

เกษมเสริมด้วยว่า นอกจากมาตรา 112 ของกฎหมายอาญาแล้ว ยังมีการใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์บังคับใช้เป็นลูกโซ่ต่อกันด้วย ซึ่งกฎหมายเหล่านี้เอื้อให้ผู้ที่เห็นต่างทางการเมืองละเมิดสิทธิของอีกฝ่าย จึงเสนอให้คณะกรรมการสิทธิฯ พิจารณาว่า การบังคับใช้กฎหมายระดับใดจึงจะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน

ด้าน สุวรรณา ตันเหล็ก ผู้ประสานงานกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีการจับกุมนายสมยศ พฤษภาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาฯ และบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ออฟทักษิณ เมื่อเร็วๆ นี้ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า เป็นการจับกุมที่ไม่โปร่งใสและเป็นการคุกคามสื่อ โดยก่อนหน้านั้น มีเจ้าหน้าที่บุกค้นสำนักพิมพ์ คุกคามสายส่ง โดยห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับสื่อเสื้อแดงด้วย

ทั้งนี้เธอทราบมาว่า หมายจับลงวันที่ 15 ก.พ.54 ซึ่งในช่วงวันที่ 20-22 ก.พ. นายสมยศยังปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะทัวร์เที่ยวกัมพูชา ไปขึ้นเวทีปราศรัย แถลงข่าวตามปกติ ตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่มีการจับตามหมายจับ แต่กลับปล่อยจนถึงวันที่ 30 เม.ย. และมาจับตัวที่ด่านอรัญประเทศ โดยดีเอสไอระบุว่า มีเจตนาจะหลบหนี ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้ว เป็นการออกนอกประเทศตามขั้นตอน โดยถือหนังสือเดินทางเข้าแถวตามปกติ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน นายสมยศยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ด้วยเหตุผลว่าเกรงจะหลบหนีและไปจัดการกับพยานหลักฐาน ซึ่งเธอมองว่านี่เป็นการใช้มาตรา 112 เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อจับกุม คุมขัง และไม่ให้ประกันตัว

ขณะที่ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กล่าวว่า อนุกรรมการฯ จะตรวจสอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวว่ามีการใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 ละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ พร้อมกล่าวว่าเรื่องนี้สำคัญเพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเคยตรัสว่า ต้องระวังเรื่องคดีหมิ่นฯ เพราะจะกระทบกับสถาบันฯ โดยมีการอ้างมาตรา 112 เพื่อเป็นเครื่องมือเพื่อทำลายกันทางการเมืองซึ่งไม่ถูกต้อง

"การ ตรวจสอบเรื่องนี้จึงเป็นทั้งเรื่องสิทธิและทำให้สถาบันอยู่กับสังคม ไทยได้โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง" นพ.นิรันดร์กล่าวและว่า หลังจากนี้ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคดีของนายสมศักดิ์มาให้ข้อมูล ส่วนกรณีของนายสมยศ ก็จะไปเยี่ยมเพื่อรับทราบข้อเท็จจริงต่อไป