ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
ช่วงค่ำวันจันทร์ที่ผ่านมา ถ้าใครดูทีวีช่อง 11 อาจนึกว่ารายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ฟื้นคืนชีพ
ทั้งที่เป็นการแถลงเกี่ยวกับการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนฯ ที่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 10 พ.ค.เป็นต้นไป
ใน มาตรา 3 และมาตรา 4 ของพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว บัญญัติให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค.อย่างที่หลายคนรู้กันแล้ว
ในการแถลง นอกจากนายกฯอภิสิทธิ์ จะชี้แจงเหตุผลการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่
เพื่อต้องการให้ประเทศไทยเริ่มต้นเดินหน้า หลังจมปลักอยู่ในวิกฤตซ้ำซ้อนมากว่า 6 ปี
นายกฯอภิสิทธิ์ ยังถือโอกาสนี้สาธยายผลงานด้านต่างๆ ของรัฐบาลที่ดำเนินการมา 2 ปีเศษนับแต่เข้ามาบริหารประเทศต้นปี 2551
ไม่ ว่าการแก้ปัญหาคนว่างงาน ปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านการส่งออก การท่องเที่ยว และการฟื้นฟู ตลาดหลักทรัพย์ การเริ่มต้นนโยบายเรียนฟรี
เบี้ย ยัง ชีพผู้สูงอายุ โครงการประกันรายได้เกษตรกร การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ปัญหายาเสพติด ปัญหาคอร์รัปชั่น ปัญหาค่าครองชีพ การเพิ่มค่าแรง
นายกฯอภิสิทธิ์ ยังพยายามจะบอกว่าแม้ปัญหาส่วนใหญ่ดังกล่าวยังแก้ไขไม่สำเร็จ หรือผลงานบางอย่างยังไม่อยู่ในขั้นน่าพอใจ
แต่รัฐบาลชุดนี้ได้เริ่มต้นปูพื้นฐานนโยบาย อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้สำเร็จลุล่วงในอนาคตไว้แล้ว
ส่วนหลักในการบริหารบ้านเมือง นายกฯอภิสิทธิ์ บอกว่าจากวันนี้ไปการเมืองการปกครองไทย ต้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย
ต้องไม่เดินออกนอกเส้นทางรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
ทั้งหมดนี้สรุปเอาจากถ้อยแถลงของนายกฯอภิสิทธิ์ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาแบบคร่าวๆ ซึ่งหลายคนฟังแล้วถึงกับเคลิ้มไปเลยทีเดียว
แต่กับคนที่มีชีวิตอยู่ในโลกความเป็นจริงโดยเฉพาะบรรดาประชาชนระดับหาเช้ากินค่ำ
ฟังแล้วคงรู้ดีว่าอะไรคือความจริง อะไรคือความไม่จริง
เนื่องจากในช่วง 2 ปีเศษที่ผ่านมา การกระทำต่างหากคือเครื่องพิสูจน์รัฐบาลชุดนี้อย่างประจักษ์ชัดที่สุด
เศรษฐกิจดีจริงหรือไม่ การเมืองเป็นประชา ธิปไตยจริงหรือไม่
เพียงคำพูดเอาหล่อเอาเท่แค่ไม่กี่คำ อย่านึกว่าประชาชนเขาจะเชื่อ