ที่มา ประชาไท
ศาล ชั้นต้นมีคำพิพากษาคดี 6 การ์ด พธม. ใช้อาวุธยึดรถเมล์สาย 53 เมื่อ 24 พ.ย. 51 โดยศาลตัดสิน 5 จำเลยให้จำคุก 3 ปี ฐานกักขังหน่วงเหนี่ยว และปรับ 100 บาทฐานพกอาวุธ แต่เห็นว่าจำเลยให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 3 ปี ปรับ 66 บาท ส่วนจำเลยอีก 1 ราย ศาลให้จำหน่ายคดีเพราะเพิ่งเสียชีวิต
ตามที่เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2551 ระหว่างการชุมนุม 193 วันของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีชาย 6 คน เป็นการ์ดพันธมิตรฯ ประกอบด้วยนายธีรเดช วรรณา นายชัยวัฒน์ ทับทอง นายธานี อาจสว่าง นายสมชาย ทองเกียรติ นายพงษ์พันธ์ กาจันทร์ และนายสมชัย หงสา ได้บุกยึดรถเมล์สาย 53 หมายเลข 11-9242 กรุงเทพมหานคร บริเวณหน้ากรมแผนที่ทหาร ซึ่งรถเมล์สายนี้ วิ่งผ่านกรมแผนที่ทหาร บริเวณแยก จปร. ย่านนางเลิ้ง และเมื่อขับไปสักพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงยางรถจนแตกและยึดรถกลับคืนมาได้ พร้อมจับกุมชายทั้ง 6 คนเพื่อดำเนินคดีนั้น (อ่านข่าวย้อนหลัง)
ล่าสุดวันนี้ (10 พ.ค. 54) มติชนนออนไลน์ รายงานว่า ศาลอาญาพิพากษาคดีดังกล่าวแล้ว ตามที่อัยการยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 6 ฐานพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ หน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขืนใจผู้อื่น และข้อหาอื่นรวม 6 ข้อหา
โดยศาลได้จำหน่ายคดีในส่วนของ นายธานี อาจสว่าง จำเลยที่ 3 ออกจากสารบบเนื่องจากนายธานีถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา
ศาล พิเคราะห์พยานหลักฐานและคำเบิกความของทั้ง 2 ฝ่ายแล้วเห็นว่า พวกจำเลยได้บังคับผู้เสียหายที่เป็นพนักงานของ ขสมก. จริง พิพากษาจำคุกในความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนใจผู้อื่น คนละ 3 ปี ปรับในความผิดฐานพกพาอาวุธ คนละ 100 บาท แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์กับการพิจารณา เห็นสมควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ 66 บาท
ส่วนข้อหาพกพาอาวุธปืนนั้น อาวุธปืนอยู่ในกระเป๋าสะพายของจำเลยที่ 3 จำเลยอื่นไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยจึงให้ยกฟ้องในความผิดดังกล่าว สำหรับ จำเลยที่ 1 ให้ปรับในความผิดฐานพกพาวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต 4,000 บาท รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือปรับ จำเลยที่ 1 ในความผิดดังกล่าว 2,000 บาท