ที่มา ข่าวสด
บทบรรณาธิการ
การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็นการแข่งขันทางการเมืองที่รุนแรงที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
แต่ หากต้องการจะให้การแข่งขันระหว่างพรรคและนักการเมืองเป็นประโยชน์ต่อคนส่วน ใหญ่จริงๆ แล้ว สังคมและประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดหรือสร้างบรรยากาศของการแข่งขันขึ้นมา ได้
นั่นคือแทนที่จะปล่อยให้นักการเมืองสนุก สนานกับการป้ายสีโจมตีคู่แข่ง สังคมอาจจะตั้งข้อเรียกร้องหรือคำถามให้พรรคการเมืองต่างๆ นำเสนอนโยบายที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
เปิดเวทีให้กับการถกเถียงประเด็นที่เป็นสาระและกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั่ว ไปอย่างแท้จริง
มิใช่เปิดเวทีการเมืองเพื่อการโต้วาที
อาทิ ในประเด็นสำคัญที่พรรคการเมืองใหญ่เช่นเพื่อไทยและประชาธิปัตย์เสนอขึ้นมาใน ลักษณะที่ใกล้เคียงกันอย่างกรณีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ไม่ว่าจะเป็น 250 หรือ 300 บาทนั้น
มีนักวิชาการออกมาช่วยตั้งคำถามให้แล้วว่า ที่ทั้งสองพรรคยังไม่ได้ให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ก็คือ'วิธี'ที่จะปรับขึ้นค่าแรง
เพราะ อำนาจในการตัดสินใจนั้นเป็นของคณะกรรมการไตรภาคี อันมีตัวแทนของฝ่ายลูกจ้างและฝ่ายนายจ้างด้วย มิใช่อำนาจการตัดสินใจอยู่กับรัฐเพียงฝ่ายเดียว
นอกจากนี้ยังไม่มีการพูดถึงการหาทางลดผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงว่า
จะรับมือราคาสินค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วยอย่างไร
ยัง มีประเด็นที่เป็นคำถามในทำนองเดียว กันนี้อยู่อีกมากมาย และหลายข้อที่ประชาชนหรือนักวิชาการสะท้อนออกมา ก็ ยังไม่ปรากฏอยู่ในแนวนโยบายของพรรคการ เมืองใด
อาทิ การชูนโยบายปรองดองที่พูดกว้างๆ นั้น ไม่มีการลงไปในรายละเอียดว่าจะปรองดองกันแบบใด จะให้ความยุติธรรมอย่างทั่วถึงแก่ทุกฝ่ายที่เป็นเงื่อนไขสำคัญหรือไม่อย่าง ไร
ไปจนกระทั่งถึงการปฏิรูปการเมืองว่าจะให้เดินหน้าต่อไปอย่างไร หากต้องการมีรัฐบาลเข้มแข็ง จะให้ภาคประชาชนมีระบบการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพอย่างไร
เหล่านี้เป็นสิ่งที่พรรคการเมืองควรต้องพูดให้ชัดเจนมากกว่าการโต้คารม