ที่มา ประชาไท
แ ด่ ค ว า ม ต า ย เ มื่ อ เ ดื อ น พ ฤ ษ ภ า ค ม 2553
-อีซา[1]-
วันที่พี่ชาย หายไปจากบ้าน
ดอกตะแบกบาน นานแล้วใช่ไหม
กาเหว่าหลังบ้าน ส่งเสียงพิไร
เขาเดินขบวนใหญ่ ผ่านหน้าบ้านเรา
ข่าวร้ายเดินทาง มาจากทิศใด
หนักหน่วงห้วงใน ให้ได้โศกเศร้า
เสียงปืนเปรี้ยงปร้าง ตะแบกร้างเงา
ไม่ไกลบ้านเรา เขายิงกันตาย
อาบูบาร์ก! กลับมา, อาบูบาร์ก! กลับมา
น้องร้องเรียกหา พี่ได้ยินไหม
ผมชื่ออีซา มาตามหาพี่ชาย
ถนนทุกสาย ช่างไร้วี่แวว
พี่ออกจากบ้าน วันเดินขบวนใหญ่
ติดตามเขาไป รั้งท้ายปลายแถว
ธงแดงแกว่งไกว สุดสายปลายแนว
ลับตาโน่นแล้ว เราแคล้วคลาดกัน
ทหารถือปืน ยืนเต็มถนน
รถถังปืนกล ขนมาเลื่อนลั่น
ผู้ก่อการร้าย ตายลงทุกวัน
ชีวิตแสนสั้น อย่าเพ้อฝันใด
เขาบอกพี่ชาย ไปเก็บของเก่า
เขตแดนสีเทา ห้ามใครเข้าใกล้
พี่ไม่รู้หรอก ประชาธิปไตย
ตามกลิ่นขยะไป เก็บขายแลกเงิน
ในวันฟ้าแดง แข่งแสงตะวัน
พี่บอกทหาร หุ้มเกราะเหาะเหิน
แล้วร้องเพลงเศร้า ก่อนออกก้าวเดิน
“ประชาชนยับเยิน ท.ทหารเพลินใจ”
-อาบูบาร์ก[2]-
วันที่น้องชาย หายไปจากบ้าน
เสียงปืนที่นั่น ดังขึ้นใช่ไหม
โธ่เอ๋ย! อีซา ตามหาพี่ชาย
เดินสู่ความตาย ถนนสายนั้น
ข่าวร้ายเดินทาง มาถึงล่าช้า
น้องชายถูกฆ่า ในเขตสังหาร
เจ้าจากไปแล้ว เราแคล้วคลาดกัน
วันคืนแสนสั้น ไม่พอฝันใด
อีซา! กลับมา, อีซา! กลับมา
พี่ร้องเรียกหา เจ้าได้ยินไหม
เขาชื่ออีซา เดินตามหาพี่ชาย
แล้วถูกยิงตาย กลางสายลมแล้ง
ตะแบกดอกนั้น บานแล้วร่วงหล่น
ทิ้งกลีบลงบน แผ่นดินโหยแห้ง
เลือดบนถนน แม้ข้นขื่นแดง
ก็มิเปลี่ยนแปลง ชะตากรรมใด
พระเจ้ากำหนด อนาคตเรา
เดินทางเปลี่ยวเหงา เจ้าอย่าร้องไห้
คืนสู่โลกหน้า อย่างผาสุกใจ
พระเจ้าบอกร่างกาย...ไม่ใช่
หลังรอยเลือดแห้ง ชะแรงลมฝน
หางนกยูงหม่น ปนกลิ่นแดดเศร้า
เหลือรู้สึกใด ที่เป็นของเรา
ซาบซึ้งนั้นเล่า แปลว่า “เหงาจับใจ”
กาเหว่าหลังห้อง คิดถึงน้องเช่นกัน
มันร้องเพลงหวาน แต่บางวันร้องไห้
คอยเหลียวมองทาง อยู่อย่างห่วงใย
อีซาไปไหน ทำไม...ไม่กลับมา