ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด
เวียนมาครบรอบ 1 ปีแล้ว สำหรับเหตุการณ์สลายม็อบแดง 19 พ.ค.ที่แยกราชประสงค์
การชุมนุมเพื่อรำลึก 91 ศพของคนเสื้อแดงเป็นข่าวกระหึ่มไปทั่วโลก
สำนักข่าวต่างประเทศให้ความสนใจติดตามทำข่าวนี้กันถ้วนหน้า
โดย เฉพาะสำนักข่าวเอพีของสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่สกู๊ปข่าวเรื่อง "บาดแผลที่ยังไม่เยียวยา" ของ นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด 1 ใน 6 ศพที่ถูกสไนเปอร์สังหารในวัดปทุมวนารามฯ
ตีแผ่ถึงหัวอกของผู้เป็นแม่ที่ทวงถามถึงความยุติธรรมที่ยังไม่ได้รับหลังผ่านไป 1 ปีเต็มๆ
กรณีของน้องเกดเป็นแค่ 1 ใน 6 ศพที่ถูกฆ่าในวัดปทุมฯ ซึ่งเป็นเขตอภัยทาน
เป็นเพียงแค่ 1 ใน 91 ศพเหยื่อสังหารหมู่ใจกลางเมืองหลวง
ฉะนั้น การรายงานข่าวของเอพีครั้งนี้
ถือเป็นการตอกย้ำความไม่ยุติธรรมและความ 2 มาตรฐานในเมืองไทย
ประจานไปทั่วโลกถึงเหตุการณ์การสูญเสียของพลเรือนที่เรียกร้องประชาธิปไตย
ประจานการใช้กำลังพร้อมอาวุธสงครามเข้าปราบปรามประชาชน
และเมื่อเกิดการสูญเสียแล้ว
รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นอกจากไม่ยอมรับผิดชอบ
ยังโยนความผิดให้คนชุดดำ โยนความผิดให้คน เสื้อแดง
แต่ข้อเท็จจริงก็คือคดีความ 91 ศพ คดีผู้บาดเจ็บอีกเกือบ 2 พันคนไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
คณะ กรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อแนวทางปรองดองแห่งชาติ หรือ (คอป.) ซึ่งแต่งตั้งโดย นายอภิสิทธิ์ก็ยังไม่สามารถสรุปได้เลยว่าใครเป็นคนสั่งฆ่า 91 ศพ
ทั้งหมดนี้ นายอภิสิทธิ์ต้องตอบสังคมโลกให้ได้ ไม่ใช่มัวแต่ปัดความรับผิดชอบ
ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่ การสังหารหมู่ครั้งใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้น ผู้สั่งการแทบไม่มีใครพ้นมลทินไปได้เลย
ล่า สุดเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาชญากรรมสงครามรวันดาแห่งสหประชาชาติ (ICTR) ตัดสินจำคุก ออกุสติน บิซิมุนกู อดีตผู้บัญชาการกองทัพของรวันดา เป็นเวลา 30 ปี
ในความผิดฐานบัญชาการให้เกิดการสังหารหมู่ทางเชื้อชาติในรวันดาเมื่อปี 2537 ซึ่งเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่สะเทือนขวัญไปทั่วโลก
การตัดสินคดีสังหารหมู่ที่รวันดา น่าจะเป็นบทเรียนให้ ผู้นำเผด็จการหลายคนได้ฉุกคิด
และน่าจะเป็นบทเรียนสำหรับไทยด้วยเช่นกัน
เพราะหากมีการนำคดีสังหารหมู่ 91 ศพขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศได้จริงๆ
2-3 คนในเมืองไทยต้องหนาวๆ ร้อนๆ แน่นอน