WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, May 17, 2011

กันกระสุน ไม่กันกกต.! หน่วยคุ้มกันยังราบ 11เหมือนเดิม

ที่มา บางกอกทูเดย์



รถยนต์กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนในสังคมไทยไปแล้วในทุกวันนี้
ยิ่งบริการซื้อรถยนต์เงินผ่อน บริการไฟแนนซ์รถยนต์ มีประสิทธิภาพและมีเงื่อนไขที่ล่อใจให้คนสามารถซื้อรถได้ง่ายมากขึ้นเพียงใด คนก็ยิ่งอยากซื้อรถยนต์กันมากขึ้นเท่านั้น
เด็กเรียนจบมาใหม่ๆ เพิ่งเริ่มต้นทำงาน บ้านยังไม่มีจะอยู่ ที่จอดรถยังไม่มีจะจอด ก็ดาวน์รถผ่อนรถเอามาจอดข้างบ้านข้างตึก หรือในซอยกันเกร่อไปหมด
ขณะที่รถยนต์หรูก็เป็นอีกค่านิยมหนึ่งที่กำลังมาแรงสำหรับกลุ่มคนที่มีโอกาส
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่กลุ่มนักการเมืองที่มีโอกาสเป็นรัฐบาล จะล่อกันอย่างสนุกสนานในเรื่องของงบประมาณจัดซื้อรถยนต์ประจำตำแหน่ง
ล่าสุดในเมนูเปิบพิศดาร ของการประชุม ครม.ฉาวกระฉ่อนโลก ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็มีการล่องบประมาณในเรื่องรถยนต์ประจำตำแหน่งกันหลายคัน ท่ามกลางความงุนงงสงสัยเป็นอย่างมากว่า

รถยนต์ประจำตำแหน่งนั้นเร่งด่วนขนาดไหน ถึงได้รอรัฐบาลใหม่ไม่ได้?!?
แต่แม้ว่างบประมาณรถยนต์ประจำตำแหน่งจะหอมหวานสักเพียงใดก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าคนได้ไปจะปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์เสียเมื่อไหร่ อาจเจอะเจอรายการรถยนต์เป็นพิษ หรือรถยนต์ชง ไม่ถูกกับดวงตนเองก็ได้
ในอดีตที่ผ่านมาจึงมีคนที่ดวงดับ ถูกทำร้ายถูกฆาตกรรมให้เห็นก็เยอะ โดยเฉพาะในแวดวงการเมือง เวลาที่แข่งกันดุเดือดมากๆ ก็มีการไล่ยิงไล่ถล่มกันคารถยนต์ให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ
แต่นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 เป็นต้นมา ยังไม่มีการใช้รถยนต์กันกระสุนสำหรับนายกรัฐมนตรี และสำหรับรัฐมนตรีกันมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย เพราะในอดีตคนที่ขึ้นมากุมอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ได้ขึ้นมาเพื่อทำลายล้างคู่แข่งทางการเมืองเหมือนอย่างเช่นในทุกวันนี้
ในอดีตคนที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง คนที่เป็นายกฯ คนที่เป็นรัฐมนตรี จึงไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงว่าจะต้องโดนทำร้าย จะไปไหนก็ไม่กล้าไป หรือถ้าไปก็ต้องมีกองกำลังป้องกัน มีการใช้รถยนต์กันกระสุน

หรือแม้แต่กระทั่งมีเฮลิคอปเตอร์ เตรียมรอเอาไว้เพื่อหลบหนีอย่างฉุกเฉิน
ซึ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าเฮลิคอปเตอร์ กำลังทหารตำรวจนับร้อย หรือแม้แต่รถยนต์กันกระสุน ในวันที่เป็นนนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ประชาชนมองด้วยความสังเวชใจ แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ใช้ได้อย่างเต็มที่
แต่ในยามที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ในยามที่จะต้องลงพื้นที่ไปหาเสียง ซึ่งเป็นผลประโยชน์ส่วนตน ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประเทศแล้ว สมบัติของชาติที่เคยใช้ได้สบายมือ ก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะใช้ได้เหมือนอย่างเคย
เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาระบุห้ามนายกรัฐมนตรี ใช้รถยนต์กันกระสุนประจำตำแหน่ง และทีมรักษาความปลอดภัยจากหน่วยงานราชการมาใช้หาเสียงนอกเวลาราชการ

ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักการ ว่าทรัพย์สินของทางราชการ จะนำไปใช้ส่วนตัวได้อย่างไร???
เมื่อ ปลายสัปดาห์ที่แล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องหันมาใช้รถยนต์ส่วนตัว ยี่ห้อเบนซ์ S500 ทะเบียน กท 654 นครปฐม ซึ่งเป็นรถยนต์ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยืมจากเพื่อนมาให้ใช้ แทนรถยนต์กันกระสุน ยี่ห้อเบนซ์ S600 ทะเบียน ษห 3834 ที่ใช้อยู่เป็นประจำ

ซึ่งสำหรับเบนซ์คันใหม่ที่นายสุเทพยืมมาให้ ใช้ นายอภิสิทธิ์ได้ตอบคำสัพยอกเรื่องรถเบนซ์คันใหม่ที่นำมาใช้กันกระสุนหรือไม่ ขณะที่เดินทางไปยังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค แบบทีเล่นทีจริงว่า
“ไม่รู้ ยังไม่ได้ลองเลย”
แต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน กฎหมายกระซิบว่า เสื้อเกราะ รถยนต์กันกระสุน ถือเป็นยุทโธปกรณ์ที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถจะมีไว้ในครอบครองโดยถูกต้องตาม กฎหมายได้
ขืนให้มีได้แบบเสรี มีหวังพวกคนร้ายก็คงซื้อเสื้อเกราะมาใส่ แล้วก็ขับรถยนต์กันกระสุนไปปล้นแบงก์กันเป็นแน่ เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องโดนตำรวจซัลโวเพราะกระทำผิดกฎหมาย

ฉะนั้นหาก เป็นไปตามกฎหมายแล้ว รถยนต์คันดังกล่าวที่นายอภิสิทธิ์ใช้อยู่ในขณะนี้ เวลาที่ไม่ได้ไปราชการ จึงไม่น่าจะกันกระสุนได้เหมือนรถยนต์ประจำตำแหน่ง
ซึ่ง เรื่องนี้มีการตั้งคำถามที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยจะแฮปปี้กับมุมมองของ กกต. กันมากพอสมควร โดยเฉพาะจากขั้วของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งบางคนพูดแบบเป็นลางว่า ทำแบบนี้ก็เหมือนกับต้องการส่งนายกรัฐมนตรี หรือส่งรัฐมนตรีไปตาย!!!
นี่คือการโพล่งแบบที่คนโบราณถือนักถือหนา เด็กคนไหนโพล่งออกมาแบบนี้มีหวังโดนตบปาก เพราะถือว่าแช่งผู้ใหญ่
แต่ที่บางคนในพรรคประชาธิปัตย์พูด ก็เพราะต้องการให้ กกต.อะลุ้มอะล่วยให้ยังคงใช้รถยนต์กันกระสุนได้ 24 ชั่วโมง

ปัญหา คือ กกต.เองก็ลำบากใจ เพราะหากมีใครร้องเรียนขึ้นมาว่าทำไมไม่เอาผิดกรณีเอาทรัพย์สินราชการไปใช้ ส่วนตัวนอกเวลาราชการ และเป็นการใช้ในการช่วยหาเสียงด้วย ซึ่งแน่นอนว่าหากมีใครร้องเรียนขึ้นมาเช่นนี้ กกต.ก็จะลำบากใจ
หรือหากไม่ทำอะไร กกต.นั่นแหละที่จะโดนเสียเองในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่
ดังนั้น กกต. จึงต้องยืนยันว่า เรื่องของการใช้รถกันกระสุนของทางราชการในการหาเสียงนอกเวลาราชการคงทำไม่ได้
รถ กันกระสุนประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของทางราชการจากศูนย์รักษาความปลอดภัย แห่งชาติ(ศรภ.) ยี่ห้อเบนซ์ S600 สีดำ ทะเบียน ษห 3834 กทม. จะต้องเก็บเอาไว้ใช้ในเวลาราชการเท่านั้น!!!

รวมทั้งบรรดารถประจำ ตำแหน่งนายกฯ ที่มีหลายคันสลับผลัดเปลี่ยนกัน ไม่ว่าจะเป็น รถเบนซ์ S600 ทะเบียน ชพ 1420 ซึ่งหน่วยรักษาความปลอดภัยจัดมาให้ รวมทั้งรถขับเคลื่อน 4 ล้อกันกระสุน ยี่ห้อเรนจ์โรเวอร์ ทะเบียน ฌอ 5999 ซึ่งรับช่วงต่อมาจากผู้นำชาติอาเซียนในช่วงการประชุมอาเซียนซัมมิทที่ไทย เป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2552 ด้วย
นอกจากนี้ยังมีรถฝาแฝดกับรถเบนซ์ ทะเบียน ษห 3834 อีก 2 คัน ประกอบด้วย หมายเลขทะเบียน ษห 3835 และ ษห 3836 ซึ่งทั้งหมดเป็นรถเบนซ์ S600 เหมือนกันทั้งหมด เป็นรถเบนซ์แฝดสาม ที่มีราคาคันละ 21 ล้านบาท
และแม้จะมีการพยายามตั้งประเด็นว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีหรือนรักษาการนายกรัฐมนตรีนั้นต้องเว้นตามช่วงเวลา ราชการด้วยหรือ? แต่ก็มีเสียงสะท้อนออกมาจากคนใน กกต. ว่า ก็ต้องย้อนถามกลับไปว่า

ทำไมปัญหานี้จึงไม่เคยเกิดขึ้นกับอดีตนายกรัฐมนตรีคนใดๆมาก่อนเลย
ทำไมนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ จึงไม่ต้องใช้รถยนต์กันกระสุนเวลาที่ไปลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง
ซึ่งเรื่องนี้นายอภิสิทธิ์ สามารถสอบถามจากนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ดูได้
แม้ แต่กระทั่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในอดีตที่เคยเป็นรัฐมนตรีมาหลายครั้ง ก็ไม่เคยต้องใส่เสื้อเกราะ และใช้รถยนต์กันกระสุน เหมือนเช่นในยุคสมัยนี้เลยสักนิด
นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ต่างหากที่สมควรจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้น และทำอะไรไว้ จึงทำให้ต้องหวาดระแวงระแวดระวังขนาดนี้ แล้วในอนาคตจะอยู่กันอย่างไร
ทำไม อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รุ่นก่อนๆ อย่างนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือบรรดาอดีตเลขาธิการพรรคคนก่อนๆ จึงสามารถใช้ชีวิตแบบปุถุชนคนไทยธรรมดาในเวลาหาเสียงเลือกตั้ง

เพราะ คนเหล่านั้นไม่เคยกระทำอะไรที่ผิดไปจากครรลองของการแข่งขันต่อสู้ ทางการเมืองปกติใช่หรือไม่ จึงทำให้ไม่ต้องหวาดกลัวไม่ต้องหวาดระแวง
ดัง นั้นคำถามจึงวกมาเข้าตัวนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพเองว่า แล้วไปทำอะไรไว้อย่างนั้นหรือ เมื่อมาถูก กกต. ขอให้เว้นการใช้รถยนต์กันกระสุนนอกเวลาราชการ จึงสะดุ้งกันขนาดนี้
แต่ แม้ว่า รถยนต์กันกระสุน จะกัน กกต. ไม่ได้ ต้องสลับไปใช้รถส่วนตัวนอกเวลาราชการ แต่ว่าบรรดาทีมรักษาความปลอดภัย นายอภิสิทธิ์ยังคงใช้กำลังจากกรมการทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) กองทัพบก และหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (อย.) กองทัพอากาศ ร่วมกับตำรวจจากกองบังคับการตำรวจสันติบาล เป็นกำลังหลักเช่นเดิม
เพราะใช้ กองกำลังจาก ราบ 11 จนทุกวันนี้แบบนี้นี่เอง คนถึงพูดไม่ยอมจบไม่ยอมสิ้นเสียที ว่ารัฐบาลมาร์ค ตั้งขึ้นมาในค่ายทหาร