ที่มา ประชาไท
ตัวปื้ม (บทสนทนาบ่รู้จบ)
1.
“มาหาหน่อย เมื่อคล้อยตะเว็นต่ำ ก่อนแลงลงมืดค่ำ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ”
“ไปหาบ่ได้ดอกอ้าย จะไปชุมนุม”
ลมร้อนเดือนมีนาคมโหมสะบัด
กระหน่ำสาดฝนเดือนมีนาคมซัด
เยือกหนาวเดือนมีนาคมอัดสะท้านสั่นทดทัว
2.
“ระแวดระวัง ฟากฝั่งยังมองเห็น หมู่เฮาเป็น ฝากความคิดฮอดถึงทุกคน”
“บ่แวะเข้ามาหาบ้างหรืออ้าย?”
“บ่”
ดอกมันปาอวลหอม
งัวควายไปไหนต่อไหนในทุ่งท่ามจรดเหนือใต้
ข้าวปลูกนาปรังเงื่องหงอยอยู่ยุ้งฉาง
น้ำเลี้ยงเขื่อนบ่เพียงพอ
คลองน้ำจึงแห้งกรัง
แหละข้าวปลูกจึงถูกงัดลงจากยุ้งฉางสู่ลานรับซื้อผลิตผล
กำเงินใบร้อยใบพันจนชุ่มเปียก
ปลาร้าปลาแดก แนวอยากแนวกิน ข้าวสารเตรียมพร้อม
ไปด้วยบ่ได้ก็ช่วยกันไป
เงินบาทเงินสิบเงินร้อยตามมีตามเกิด
โชคหมานคิดอ่านปลอดโปร่ง
ให้ชนะเดอ
3.
“กลับบ่ได้ดอกอ้าย จะให้คืนถอยหลังได้อย่างไร หมู่เฮาถูกยิงตายแล้ว”
“กลับออกมาก่อน ห้องหับหลับนอนยังรอท่า วันเวลา ให้รอคอยได้รักษาชีวิต”
“คงบ่ได้แล้วหละอ้าย เห็นคนตายลงต่อหน้า มือยังกำคันธงชาติคา”
“ระแวดระวัง ฟากฝั่งยังมองเห็น หมู่เฮาเป็น รักษาเนื้อรักษาตัว”
“แวะเข้ามาไหม?”
“บ่”
ลมร้อนเดือนเมษายนโหมสะบัด
กระหน่ำสาดฝนเดือนเมษายนซัด
เยือกหนาวเดือนเมษายนอัดสะท้านสั่นทดทัว
พวงพั้วดอกมันปาดกหนาบานสะพรั่ง
ยังอวลหอมบ่สร่างคลาย
ร่างกายสูงใหญ่ยืนแนวราบ
ทุกอย่างหยุดทำงานอวัยวะประกอบสร้าง
ทั้งหมู่บ้านเป็นเจ้าภาพตลอดสามคืน
กองฟอนไม้ป่าสงวนลุกไหม้
บ่มีอะไรให้วิตก
หากสุมรุมรุกเร้าให้ผ่าวยูท่างบ่เป็น
จึงขึ้นเข้าไปสมทบเท่าที่ทำได้
4.
“ถอนออกมา ลูกปืนบ่มีตาจะปลิดปลง ล้มตายลง สูญเปล่าบ่ได้อะไร”
“ปังปังปัง ปัง ปัง ปัง...”
“หลบออกไปบ่ได้ทุกซอกซอยตรึงกำลังแน่นหนา”
“ลองมองหา สอดส่ายตาตรวจสอบ แล้วลักลอบ หาหนทางออกมาสิ!”
“บ่มีดอกอ้ายถูกโอบล้อมมาทุกทางตีขนาบ”
“ลองหาดูก่อน อย่าเพิ่งถอนถอดใจ อาจมีที่ไป ซอกซอยว่างบ่มีกองกำลัง”
“จะลองดูเดออ้ายคันบ่ตายคงได้พบหน้า บอกอีพ่ออีแม่ด้วย”
ลมร้อนเดือนพฤษภาคมโหมสะบัด
กระหน่ำฝนเดือนพฤษภาคมสาดซัด
เยือกหนาวเดือนพฤษภาคมอัดสะท้านสั่นทดทัว
“มึงต้องหนี วันนี้เอาตัวรอดไว้ รอมื้อหน้าวันใหม่ ชัยชนะอยู่บ่ไกลให้ไปถึง”
“บ่ได้ดอกอ้าย มาปานนี้แล้ว บ่สู้วันนี้จะไปสู้วันไหน?”
“...”
5.
นองเนืองไหลคลุ้งคาวแดงพื้น
กุมขังตีตรวนล้วนจองจำ
งึมงำ
งึมงำ
งึมงำ
ตามยถากรรม
6.
“ไปสวนหรือเปล่า ดึกเช้าน้ำหมอกกลั้ว ยังได้ยินเสียงปืนรัว อลอัวอยู่ใช่ไหม?”
“บ่ลบเลือนดอกอ้าย ทำอย่างไรก็บ่หาย”
“รักษาเนื้อรักษาตัว ดีสั่วก็รอคอย คืนวันยังเคลื่อนคล้อย อยู่ดีมีแฮงเดอ”
“ครับอ้าย”
ลมร้อนเดือนมกราคมโหมสะบัด
กระหน่ำสาดฝนเดือนมกราคมซัด
เยือกหนาวเดือนมกราคมอัดสะท้านสั่นทดทัว
เขารอดมาได้หากหมู่เพื่อนล้มตายและบาดเจ็บถูกตีตรวน
หนึ่งเดือนฝันร้ายเร้ารุมกุมโคมบ่สร่างคลาย
ตัดสินใจลาออกจากงาน
คืนกลับบ้าน
ใจสลาย
เหม่อมองออกกว้างไป
เช้าวันใหม่ในวันนี้
บ่มีปรากฏเห็น
กลืนก้อนสะอื้นยืนหยัดยั้ง
มากินข้าวกินน้ำอาหารคาวหวานดูดยากินเหล้า
อยู่เต็มพาโจ้พาหวานเรียกหา
ในส่าลมอวล
7.
“ชาติหน้ามีจริงค่อยพบเจอร่วมทางกันใหม่”
“ยังคิดฮอดและยังเดินไป”
“บ่ถอย”
ภาคผนวก (แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง)
8.
ล้มราบละลายลงตรงถนน
หวีดร้องอึงอลเสียงคนหวาด
แทรกซอนทุกอณูอากาศ
ทว่า..ก็มิอาจแผ่เผย
ยืนแนวราบลงตรงนั้น
กู่เงียบงันกั้นเยี่ยงเคย
ระงมก้องจึงสวดเอ่ย
ค่อยคลี่เฉลยความจริง
เพราะพริ้งเสียงปืนของทหาร
ทั้งคาวหวานบรบวนสิ่ง
ซ่านภาพฝันนั้นด่ำดิ่ง
อบอุ่นปลอดภัยยิ่งคุ้มครอง
ยังรู้สึกเช่นนั้นอยู่ใช่ไหม?
ใครและใครเคยได้โห่ร้อง
ท่ามคาวคลุ้งเลือดยังเจิ่งนอง
ล้วนทั้งผองยังคงตื้นตัน?
9.
แหละพวกเขาก็ยังอยู่ในคุก
ผุดนั่งลุกตรวนครวญสั่น
แสงสีเสียงเดือนตะวัน
แม้หลับฝันก็บ่เคยมี
จึงพี่น้องป้องปายปายก็ติดคุก
เสียงปลอบปลุกจุกล้นปรี่
ใต้เงื้อมหงำของคนดี
เช้าวันนี้จึงเคว้งคว้าง
แหละเวิ้งว้างท่ามกลางการฉลอง
ชัยชนะทั้งผองกล่าวอ้าง
ทว่าแลคลับคล้ายมืดมิดทุกทาง
กลิ่นเลือดแลดูจางลงนับวัน
10.
ตายและติดคุกเพื่อปลุกตื่น
เพื่อยันยืนคนเป็นคนจึงมีฝัน
เสียงยินเสียงใช่เงียบงัน
สิทธิขีดคั่นนั้นเลือกเอง
ยังคิดถึงพวกเขาอยู่ใช่ไหม?
เหล่าผู้ถมทางให้ได้ปลั่งเปล่ง
ให้ได้ร้องลำได้ทำเพลง
หรือก็จ้องข่มเหงบ่ต่างใด?