ที่มา ข่าวสด
การ เลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. ถึงในภาพรวมจะราบรื่น หลายประเทศที่ส่งตัวแทนเข้าร่วมสังเกตการณ์ใกล้ชิด รวมถึงประเทศที่จับตาดูอยู่ห่างๆ ต่างให้การยอมรับ
แต่สำหรับประเทศ ไทย การเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. ได้ทิ้งหลายสิ่งหลายอย่างไว้ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนำกลับไปทบทวนถึงจุด อ่อน-จุดแข็งและข้อผิดพลาด
ไม่ว่ากกต.ในฐานะเจ้าภาพจัดการเลือกตั้ง รวมไปถึงพรรคการเมืองต่างๆ ที่ส่งผู้สมัครลงสู้ศึก โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ 2 พรรคใหญ่ที่มีบทบาทสูงต่อการเมืองไทย
โดยผล เลือกตั้งที่ออกมาคือเครื่องบ่งบอกถึงฉันทามติประชาชนเสียงส่วนใหญ่ ว่าต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการเมืองและพรรคการเมืองควรเคารพ
สำหรับกกต.นั้น การเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. แม้จะน่ายินดีที่มีประชา ชนออกมาใช้สิทธิ์สูงถึง 35.2 ล้านคน คิดเป็น 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิ์ทั่วประเทศ 46.9 ล้านคน
แต่ก็มีจำนวนบัตรเสียถึง 2 ล้านใบ มากเป็นประวัติการณ์เช่นกัน เป็นการบ้านของกกต. ต้องนำกลับไปทบทวนสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร
รวม ถึงกรณีมีประชาชนอีก นับล้านที่อดไปลงคะแนนครั้งนี้ เนื่องจากไม่ได้ไปถอนชื่อออกจากทะเบียนผู้ขอใช้สิทธิ์ล่วงหน้าที่ลงชื่อไว้ เมื่อครั้งเลือกตั้งปี 2550
ยังมีข้อสังเกตของคณะกรรมาธิ การติดตามสถานการณ์บ้านเมืองของวุฒิสภา ที่สงสัยทำไมตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์ในระบบบัญชีรายชื่อกับระบบเขต ถึงได้ต่างกันมากกว่า 83,000 คน
ถึงการเลือกตั้งจะจบไปแล้ว แต่งานกกต.ยังไม่จบ การพิจารณาข้อร้องเรียน รวมทั้งการแจกจ่ายใบเหลือง-ใบแดง ยังเป็นสิ่งที่สังคมเฝ้าจับตามองว่า กกต.จะยึดหลักความเป็นธรรม โปร่งใส หรือจะเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่
ทั้งพรรคที่กำลังเข้ามามีอำนาจหรือพรรคที่กำลังจะพ้นจากอำนาจ
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับเลือกเข้ามา 159 ที่นั่ง
ถึงจะนับเป็นพรรคอันดับ 2 แต่ก็ห่างจากตัวเลข 265 ของพรรคเพื่อไทยถึง 106 ที่นั่ง
ความ ยับเยินครั้งนี้ส่งผลให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องประกาศยอมยกธงขาวหลังปิดหีบไม่กี่ชั่วโมง และต่อมายังได้ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อรับผิดชอบต่อความถดถอยของพรรค
แต่ขณะเดียวกันยังมีลูกพรรคบางคน ที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ ได้ยื่นคำร้องต่อกกต.ให้ยุบพรรคเพื่อไทย กรณีนำเอาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายจาตุรนต์ ฉายแสง บุคคลซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง มาช่วยหาเสียงเลือกตั้ง
ทั้งยังมี บางคนแอบไปยื่นกกต.นครราชสีมา งัดเอาเรื่อง"ผัดหมี่โคราช"ขึ้นมาเป็นประเด็นเล่นงานน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หวังจะให้ตกเก้าอี้เช่นเดียวกับนายสมัคร สุนทรเวช ที่พ้นจากนายกฯ เพราะทำกับข้าวออกทีวี
พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องนำผลเลือกตั้งนี้ มาศึกษาอย่างละเอียด โดยเฉพาะทีมยุทธศาสตร์ต้องวิเคราะห์ให้ได้ อะไรคือสาเหตุความผิดพลาดที่นำมาสู่ความยับเยิน ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมานานถึง 2 ปี
ถึงแม้พรรคจะ สามารถ"พลิกโพล" เอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ในสนามกรุงเทพฯ รวมถึงภาคใต้ที่พรรคคู่ต่อสู้ไม่สามารถเจาะเข้ามาได้แม้แต่ที่นั่งเดียว
แต่ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ก็มี"จุดอ่อน"อย่างหนักในภาคอีสานและภาคเหนือ ที่มีเก้าอี้ส.ส.ให้ช่วงชิงจำนวนมาก
ตรงจุดนี้เองถึงจะมีการวิเคราะห์ว่า ภาคอีสานและภาคเหนือเป็นพื้นที่สีแดงและกระแสทักษิณ บวกกับกระแสยิ่งลักษณ์ ที่มาแรง
แต่ส่วนหนึ่งก็สะท้อนว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังเข้าไม่ถึงชาวรากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
ส่วนจะมีรายละเอียดอื่นมากกว่านี้หรือไม่ เป็นหน้าที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องหาข้อสรุปให้เจอโดยเร็ว
ทางด้านพรรคเพื่อไทย ถึงจะไม่เข้าเป้า 300 เสียง แต่ 265 เสียงก็มากพอจะเป็นเครื่องการันตีการเป็นพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล
และการก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดทางการเมืองของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกฯคนที่ 28 และเป็นนายกฯหญิงคนแรกของไทย
เพียง แค่ข้ามวันหลังเลือกตั้ง ว่าที่นายกฯหญิงนัดแนะหัวหน้า และแกนนำ 4 พรรค เปิดแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน พลังชล และมหาชน
โดยมีประชาธิปไตยใหม่ร่วมสมทบภายหลัง ออกมาเป็นรัฐบาลผสม 6 พรรค 300 เสียง ก่อนเดินหน้าเข้าสู่โหมดการจัดโผครม.
"งานยาก"ชิ้นแรกของน.ส.ยิ่งลักษณ์
ด้วย 265 เสียงในมือทำให้พรรคเพื่อไทยมีอำนาจจัดสรรตำแหน่งในรัฐบาลแบบเต็มไม้เต็มมือ ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นแทบไม่มีพลังต่อรองใดๆ
แต่ปัญหาไม่ได้จบแค่นั้น เพราะที่ปรากฏให้เห็นคือคนในพรรคเพื่อไทยต่างเปิดศึกแย่งชิงเก้าอี้กันฝุ่นตลบ
มีทั้งการปล่อยข่าวผลักดันคนในกลุ่มตนเองในลักษณะโยนหินถามทาง บ้างก็ให้สัมภาษณ์ทวงบุญทวงคุณกันแบบซึ่งหน้า
แต่ละคนแต่ละกลุ่มอ้างว่าตนเองมีส่วนสำคัญในชัยชนะของพรรค
ทั้ง ยังมีปัญหาในส่วนแกนนำนปช.ที่ได้รับเลือกตั้ง ว่าสมควรได้รับผลตอบแทนขนาดไหนถึงจะเหมาะสม เพราะหากจัดการไม่ ได้ก็อาจทำให้กลุ่มคนเสื้อแดง ผู้สนับสนุนหลักของพรรคไม่พอใจได้
ทั้งยังมีข่าวสะพัดการวิ่งเต้นครั้งนี้เล่นเอาฝุ่นตลบไปทั้งเมืองดูไบ"ทักษิณ"กลายเป็นคนหล่อ โทรศัพท์มือถือ 3-4 เครื่องดังไม่หยุด
แม้น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเบี่ยงซ้ายเบี่ยงขวา ยืนยันยังไม่มีการหารือเรื่องจัดโผครม. เนื่อง จากต้องรอกกต.รับรองผลเลือกตั้งเป็นทางการก่อน
พร้อมย้ำว่าคนจัดโผครม.ตัวจริงอยู่ในไทย ไม่ได้อยู่ดูไบก็ตาม แต่ก็มีข่าวลูกพรรคแห่จองตั๋วเครื่องบินกันไว้แล้ว
จึง ต้องจับตากันต่อไปว่าครม."ยิ่งลักษณ์ 1" จะออกมาหน้าตาอย่างไร ซึ่งแน่นอนจะมีผลต่อการทำงานของรัฐบาลในอนาคตและตัวของน.ส.ยิ่งลักษณ์เอง ด้วยว่า
จะสลัดหลุดจากเงาคนที่อยู่ดูไบได้ หรือไม่