ที่มา Thai E-News
เมื่อวันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายบารัก โอบามา ได้พบปะสนทนากับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย โดยทั้งสองได้หารือในประเด็นการฟื้นฟูหลังน้ำท่วมของประเทศไทย และโอบามาได้กล่าวแสดงความยินดีสำหรับชัยชนะการเลือกตั้งของยิ่งลักษณ์ที่ เป็นแรงบันดาลใจด้วย
เอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีโอบามากล่าวแสดงความยินดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในชัยชนะของการเลือกตั้งที่เป็น "แรงบันดาลใจ" ส่วนกรณีที่ไทยประสบอุทกภัยร้ายแรงจนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 600 รายนั้น ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า "เราจะขยายความช่วยเหลือให้ไทยเท่าที่ทำได้ สหรัฐฯ และไทยเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดในมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหยื่อในอุทกภัยครั้งนี้"
สื่อต่างประเทศชี้ว่า ท่าทีการยืนเคียงข้างกันระหว่างยิ่งลักษณ์และโอบามา มีนัยสำคัญสำหรับการเมืองไทย และระบุว่า การเลือกใช้คำของโอบามาที่จัดว่าดีเกินกว่ามาตรฐานทางการทูตทั่วไป ส่งสัญญาณการสนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างชัดเจน
ยิ่งลักษณ์เพิ่งถูกฝ่ายต่อต้านในประเทศไทยวิจารณ์ว่าพูดภาษาอังกฤษด้วย สำเนียงที่แย่ แต่ภาพการสนทนากับโอบาม่า ก็น่าจะเป็นคำตอบว่า ทั้งสองคุยกันรู้เรื่้องดี ทั้งนี้ยิ่งลักษณ์เคยไปเรียนจบระดับปริญญาโทที่คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคนทักกีสเตท ประเทศสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ดีบรรดาผู้ที่ต่อต้านเธอหาเรื่องตำหนิตามโซเชียลเน็ตเวิร์คได้อีก ว่า การจับมือกับโอบาม่านั้นแย่ผิดธรรมเนียม และบางรายไปไกลถึงขั้นว่ามีจริตมารยาแบบผู้หญิงขายบริการเวลาสนทนากับโอบา ม่า ซึ่งเป็นการขยายความต่อเนื่องจากที่เอกยุทธ อัญชัญบุตร เคยยัดเยียดให้นายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้
มติชนออนไลน์ เสนอรายงานเรื่อง น่าอับอายแทนประเทศไทย? เขียนโดย โดย ณัฏฐ์ หงษ์ดิลกกุล นักศึกษาปริญญาเอก คณะเศรษฐศาสตร์, Simon Fraser University ว่า
เหมือนเช้าทุกๆ วัน เมื่อผมตื่นขึ้นมาเมื่อวานสิ่งแรกๆ ที่ผมจะทำก็คือเปิดเฟซบุคเพื่อดูความเคลื่อนไหวและข่าวสารต่างๆ ตลอดวันในเมืองไทย และประเด็นร้อน ที่เพื่อนบนเฟซบุคของผมพร้อมใจกันแชร์ ก็คือคลิปการแถลงข่าวร่วมระหว่างนายกฯ และ Hillary Clinton จาก youtube พร้อมกับคำโปรยต่างๆ นานา จับความได้ว่า "นายกฯ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่อง น่าอับอายแทนประเทศไทย ฯลฯ"
เมื่อฟังคำวิจารณ์เหล่านี้ผมก็เกิด "คัน" ขึ้นมา นึกสนุกอยากทดสอบว่าถ้าให้คนต่างชาติฟังเขาจะฟังรู้เรื่องกันกันรึเปล่า จึงทดสอบโดยการแชร์คลิปการแถลงข่าวร่วมนั้น และตั้งคำโปรยเพื่อเชิญเพื่อนซึ่งไม่ใช่คนไทยให้มาดูคลิป แล้วตอบว่าเข้าใจที่นายกฯ แถลงรึไม่
ผมทิ้งแชร์เอาไว้หนึ่งวัน มีเพื่อนมาตอบทั้งหมด 6 คน เกือบทั้งหมดใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก และมิได้มีเพื่อนเป็นคนไทยนอกจากผมเท่านั้น (นั้นหมายความว่าไม่ได้คุ้นเคยกับสำเนียงแบบไทยๆ) ทุกคนตอบเป็นทิศทางเดียวกันว่า "เข้าใจแถลงการณ์ที่นายกฯ พูดได้เป็นอย่างดี มีปัญหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น" เช่น บางคนตอบว่าเข้าใจ 95% บางคนตอบว่าไม่เข้าใจเฉพาะช่วงต้นๆ ของสุนทรพจน์ แต่โดยรวมเข้าใจได้ดี
จากผลการทดสอบนี้ รวมกับข้อสังเกตของผมเอง ผมขอสรุปดังนี้ครับ
1) เป็นความจริงที่ว่าอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์พูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งก็ควรเป็นเช่นนั้นเพราะอดีตนายกฯ ใช้ชีวิตในต่างประเทศเป็นระยะเวลานานกว่า (แต่แน่นอนว่าแม้แต่อดีตนายกฯ ก็ยังมีสำเนียงไทย เมื่อพูดภาษาอังกฤษเช่นกัน)
2) แต่จากผลการทดสอบก็ยืนยันว่าคนต่างประเทศสามารถเข้าใจสุนทรพจน์ของนายกฯ ได้ ฉะนั้นภาษาอังกฤษของนายกฯ ถือว่าไม่มีปัญหาครับ มาตรฐานการพูดภาษาอังกฤษในปัจจุบันนั้นถือ จุดประสงค์สำคัญคือการสื่อสารให้เกิดความเข้าใจ ส่วนการพูดติดสำเนียง (accent) นั้นมิได้ถือเป็นปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นธรรมชาติที่เมื่อภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษาสากลมากกว่าภาษาประจำ ชาติ การพูดติดสำเนียงจึงถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งท่ามกลางกระแสค่านิยมการไม่เลือกปฏิบัติ (nondiscrimination) ด้วยแล้ว มาตรฐานในโลกตะวันตก (อย่างน้อยก็เป็นมารยาทในสังคม) คือ การพูดติดสำเนียงไม่เป็นปัญหา แต่การดูถูกคนที่พูดติดสำเนียงนั่นแหละเป็นปัญหา
3) ย้อนกลับมาดูวิถีปฏิบัติของประเทศไทยเราเองบ้างก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมหลายๆ คนถึง "อายแทนประเทศไทย" กับกรณีการพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทยของนายกฯ คนไทยเรายังยึดค่านิยมว่า "สำเนียงกลางเท่านั้นที่ถูกต้อง" อย่างแข็งขัน เราเห็นตลกล้อเลียนภาษาไทยสำเนียงอื่นบ่อยครั้ง และที่แน่ๆ เราจะไม่มีทางได้เห็นพิธีกร ผู้ประกาศข่าว หรือแม้แต่นักแสดงพูดด้วยสำเนียงอื่นนอกจากสำเนียงมาตรฐานเลย (ยกเว้นมุ่งให้เกิดความตลก) น่าสังเกตว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าคนกรุงเทพฯ เอาวิธีวัด "ความถูกต้องทางภาษา" เช่นนี้ไปขยายผลกับ "ความถูกต้อง" ในกรณีอื่นๆ ด้วย
4) ถ้าจะเอาประเด็นเรื่องสำเนียงการพูดไปตัดสินคุณสมบัตินายกฯ ยิ่งไม่สมเหตุสมผลมากขึ้นไปอีกครับ ถ้าใช้ตรรกะเดียวกันแล้ว ประธานาธิบดีหู จิ่น เทา ของจีนสอบตกการเป็นประธานาธิบดี ตั้งแต่อยู่ที่มุ้งเลยครับ เพราะท่านมิได้พูดภาษาอังกฤษแม้แต่คำเดียวในพิธีการที่ต้องเกี่ยวข้องกับ ต่างชาติ ท่านจะใช้ล่ามตลอด แต่ประธานาธิบดีหู ก็ยังเป็นที่ยอมรับของคนจีนจำนวนมาก แน่นอนว่าการพูดภาษาอังกฤษได้แบบไม่ติดสำเนียงเลยย่อมถือเป็น "โบนัส" แต่จะถือเป็นคุณสมบัติจำเป็นของนายกฯ ไม่ได้ครับ
5) สุดท้ายแล้ว จากมุมมองที่คนต่างประเทศ เขาไม่ได้เห็นว่าสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์พูดไปในการแถลงการณ์ร่วมนั้นเป็นสิ่งที่น่าอับอายของประเทศไทยเลย "ความน่าอับอาย" นั้นเป็นสิ่งที่คนไทย "คิดไปเอง" โดยการเอาค่านิยมของตัวเองเป็นตัวตั้งครับ
At Vancouver, Canada, Nov 18, 2011, 5:42 pm (GMT -8:00)
ป.ล. ตามไปดูผลการทดสอบได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
http://www.facebook.com/natt.hongdilokkul/posts/312848618725340
**********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:Before & After ผู้นำไทยในเวทีโลก ระหว่างอัปยศกับเกียรติภูมิของชาติอยู่ที่ภาษาหรือที่มา มีคำตอบ