เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (25 เม.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อออกรอบตีกอล์ฟร่วมกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า ไม่ได้ไปหารืออะไรกับสมเด็จฮุน เซน แค่ไปเจอกันในฐานะเพื่อนฝูง ท่านคงเห็น ตกงาน จึงชวนไปตีกอล์ฟด้วยกัน ไม่มีวาระอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการหารือกับสมเด็จฮุน เซนเรื่องการร่วมมือแก้ปัญหาเศรษฐกิจหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่รู้ ไม่มีหน้าที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอาจจะฝากตนมาบอกรัฐบาลในเรื่องต่างๆก็จะนำความมาบอกให้
ดึงเศรษฐีอินเดียลงทุนเมืองไทย
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ช่วงนี้จะเดินสายบรรยายเรื่องการศึกษาและเศรษฐกิจเป็นหลัก อยากเล่าให้ฟังถึงเรื่องนายลักษมิ มิตตาล เศรษฐีอันดับ 1 ประเทศอังกฤษ และอันดับ 4 ของโลก ที่เป็นชาวอินเดีย สัญชาติอังกฤษ ที่สนใจจะมาลงทุนในประเทศไทย และจะเดินทางมาเมืองไทยระหว่างวันที่ 8-9 เม.ย.นี้ โดยวันที่ 8 เม.ย. จะไปพบกับนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จากนั้นในวันที่ 9 เม.ย. เวลา 15.00 น. จะไปบรรยายเพื่อจูงใจให้นักธุรกิจไทยฟังเรื่องการสร้างเนื้อสร้างตัว ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ เพราะอยากให้นักธุรกิจไทยมองไปนอกประเทศว่าโลกไปถึงไหน จะได้มีกำลังใจในการสร้างเนื้อสร้างตัว ส่วนช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 11 เม.ย. และจะมีการเปิดบ้านให้รดน้ำดำหัวด้วย หลังจากนี้ในวันที่ 14 เม.ย. ตอนกลางคืน จะเดินทางไปเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อไปบรรยาย และจะเดินทางกลับเมืองไทยวันที่ 18 เม.ย. เพราะช่วงนี้ว่างงาน เป็นชีวิตที่สบายมาก
“ทักษิณ” จะพูดเรื่องเด็ก 9 เม.ย.
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท. ทักษิณกล่าวว่า วันที่ 9 เม.ย. ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ มูลนิธิไทยคมได้จัดงาน 2 งาน โดยงานแรกจัดขึ้นเวลา 10.00 น. เป็นการปาฐกถาของ พ.ต.ท.ทักษิณเรื่อง “คิดเป็นทำเป็น ปั้นเด็กไทยให้เรียนและรู้โลก” โดยจะมีการเปิดตัวหนังสือที่รวบรวมคำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกี่ยวกับการศึกษาในที่ต่างๆ จากนั้นเวลา 15.00 น. นายลักษมิ มิตตาล นักธุรกิจชื่อดังที่เชิญมาลงทุนในประเทศไทย จะบรรยายพิเศษเรื่อง “สร้างแรงบันดาลใจให้ธุรกิจไทยเข้าใจเข้าถึงธุรกิจโลก” โดยเปิดให้ผู้สนใจเข้าฟัง จองที่นั่งได้ทางเว็บไซต์ของมูลนิธิไทยคม (www.thaicomfoundation.org) เนื่องจากที่มีจำนวนจำกัด
แจงพยานคดี “ยงยุทธ” ถูกขู่ฆ่า
พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ส.ส.สัดส่วน รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานฝ่ายกฎหมาย ชี้แจงสำนวนคดีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงกรณีที่นายเกรียงไกร ฉางข้าวคำ บุตรชายนายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ยื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อขอความคุ้มครองที่บิดาถูกข่มขู่จากการเป็นพยานให้ กกต. ในคดีทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธว่า คงมีเจตนากล่าวหาพรรคพลังประชาชนและนายยงยุทธ เพราะที่ผ่านมาได้มีการจัดฉากรุมสกรัมนายยงยุทธ มีทหาร ตำรวจ และผู้สมัคร ส.ส.บางพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น ถือว่าการยื่นขอความคุ้มครองดังกล่าวว่าถูกข่มขู่จึงเป็นเรื่องเท็จ การออกมาตีโพยตีพายในช่วงนี้ต้องการให้สอดรับที่นายยงยุทธจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่ จ.เชียงราย โดยมีคนตัวดำที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่งอยู่เบื้องหลัง และยังมีความพยายามโยนความผิดให้นายยงยุทธ ถ้าหากนายชัยวัฒน์เสียชีวิต ทั้งที่นายชัยวัฒน์อยู่ในความุมครองของทหาร จึงเป็นไปไม่ได้ที่ถูกข่มขู่ ดังนั้น อยากเรียกร้องให้นายชัยวัฒน์ปรากฏตัว เพื่อให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้าไปดูแล
เสนอยุบสภาชิงตัดหน้าคดีนอมินี
พ.ต.ท.กานต์กล่าวว่า ขอฝากไปถึง ส.ส.พรรคพลังประชาชนบางคนที่ระบุว่า ถ้ายุบพรรคแล้ว ส.ส.สามารถย้ายไปสังกัดพรรคอื่นได้ เป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะมียุบพรรคและยังมีคดีนอมินีรออยู่ ถ้าถูกยุบจากกรณีนี้จะทำให้ ส.ส. 233 คน หายยกคอก ดังนั้น ถ้า กกต.ชี้คดีนอมินีผิดจริง จะเสนอให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้ชิงยุบสภาก่อนที่จะมีการยุบพรรค เพื่อให้มีการล้างไพ่ใหม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ระบบยุติธรรมค่อนข้างใกล้ล้มเหลวแล้ว เพราะเล่นกันแบบนี้ มีคนแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม อยากจะยุบพรรคไหนก็ตั้งธงขึ้นมา เล่นเป็นขบวนการ แล้วไปยุบพรรคการเมืองที่เป็นเสาหลักของประเทศ ประเทศไทยใกล้ถึงกาลอวสานแล้ว จะเกิดกลียุค ถึงเวลาไทยฆ่าไทยให้ชาติอื่นครอง ขอให้มือที่มองไม่เห็นให้หดมือหยุดเสีย ไม่ควรทำต่อเพื่อเห็นแก่ชาติบ้านเมือง ส่วนกรณีที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน วิจารณ์การทำงานของนายกฯนั้น เรื่องนี้ได้เรียนให้นายกฯทราบแล้ว โดยนายกฯบอกว่าได้ออกมาพูดเรื่องการปฏิวัติจริง เพราะมีการก่อตัวแล้ว ท่านจึงสั่งให้ส่วนราชการไปตรวจสอบแล้ว ท่านไม่ถือสาและให้อภัย ร.ท.กุเทพ เห็นว่ายังเป็นเด็ก การข่าวอาจจะไม่ดี
เรียกร้อง กกต.ให้ความคุ้มครองพยาน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กกต.ควรให้ความคุ้มครองความปลอดภัยนายเกรียงไกร ฉางข้าวคำ บุตรชายนายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย พยานในคดีนายยงยุทธ ควรแยกขั้นตอนการพิจารณาและคนออกจากกัน เพราะในส่วนของการพิจารณาของศาล เชื่อว่ามีขั้นตอนการคุ้มครองพยานอยู่แล้ว แต่ในส่วนของ กกต.น่าจะดูแลบุคคลที่เข้ามาเป็นพยาน เพราะถ้า กกต.ปฏิเสธที่จะดูแลพยาน ก็จะไม่ได้รับความร่วมมือในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง และในอนาคตจะไม่มีคนมาแจ้งเบาะแสข้อมูลการกระทำทุจริตของผู้สมัคร ผลที่ตามมาคือ กกต.จะไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมได้ ดังนั้น กกต.ควรมีมาตรการในการดูแลพยาน และคุ้มครองเพื่อให้พยานรู้สึกว่ามีความปลอดภัย เพราะข้อมูลจากบุคคลที่เป็นพยานนั้น ถือว่ามีความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสำนวน และเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องร้องเรียน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ 1 ใน 3 ของผู้ที่ได้รับการสรรหาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เคยเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่พิจารณายุบพรรคไทยรักไทยมาก่อน จะเกิดครหาในการทำหน้าที่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่เคยเห็นว่ามีใครตั้งข้อสงสัยหรือร้องเรียน แต่หากมีการตั้งข้อสงสัยก็สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
ที่มา ไทยรัฐ