WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, April 7, 2008

ยุบพรรค กติกที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

โดย​ ​จาตุรนต์​ ​ฉายแสง​

ระบบกฎหมายเกี่ยว​กับ​การยุบพรรคการเมืองของประ​เทศไทย​ใน​ขณะนี้​ ​เป็น​ระบบที่ล้าหลัง​ ​ไม่​เหมือนที่​ใช้​กัน​ใน​อารยประ​เทศ​ ​ไม่​ได้​เป็น​ประ​โยชน์ต่อการป้อง​กัน​การซื้อเสียง​ ​มี​ไว้​เพื่อทำ​ลายพรรคการเมืองบางพรรค​ ​และ​เพื่อ​ให้​ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ​ ​เป็น​ระบบที่ขัดต่อหลักนิติธรรม​ ​และ​ไม่​เป็น​ประชาธิปไตยอย่างยิ่ง​ ​เมื่อมีการนำ​กฎหมายนี้มา​ใช้​ ​จะ​นำ​ไปสู่วิกฤตการทางการเมืองที่หนักหนาสาหัส​ ​เกิด​ความ​เสียหายต่อการพัฒนาประ​เทศ​ ​และ​จะ​ทำ​ให้​ประชาธิปไตยถอยหลังอีกก้าว​ใหญ่

ใน​อารยประ​เทศที่​เป็น​ประชาธิปไตย​ ​มี​เรื่องยุบพรรคน้อยมาก​ ​เหตุผล​ใน​การยุบพรรคที่​เคยเกิดขึ้นคือ​ ​การที่พรรคการเมือง​นั้น​มีนโยบาย​และ​การกระทำ​ที่ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย​ ​ใช้​ความ​รุนแรง​ใน​การเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง​ ​เช่น​ ​กรณีของพรรคนาซี​เยอรมัน​ ​เป็น​ต้น

กติกา​เกี่ยว​กับ​การยุบพรรคของประ​เทศ​ ​มีปัญหาตั้งแต่​เมื่อรัฐธรรมนูญ​ 2550 ​ใช้​บังคับ​อยู่​แล้ว​ ​ระบบกฎหมาย​ใน​ขณะ​นั้น​เปิดโอกาส​ให้​มีการยุบพรรคการเมือง​ได้​โดย​ไม่​ยากเย็นนัก​ ​เมื่อเกิดการรัฐประหาร​ 19 ​กัน​ยายน​ 2549 ​คณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่​เป็น​ผลิตผลของการรัฐประหารก็​ได้​ใช้​ช่องทางของระบบกฎหมายที่มี​อยู่​ก่อน​แล้ว​ ​ตัดสินยุบพรรคการเมืองบางพรรค​โดย​ไม่​ต้อง​พิสูจน์การกระทำ​ผิด​ ​หากแต่อาศัยตรรกะการ​ใช้​เหตุผลแบบ​ "ฟัง​ได้​ว่า​" ​หรือ​ "​เชื่อว่า​" ​เป็น​ทอดๆ​ ​ชนิดที่​เต็มไป​ด้วย​ปัญหา​เกี่ยว​กับ​วิธีพิจารณาอย่างมาก​ ​และ​ไม่​สอดคล้อง​กับ​กระบวนการยุติธรรมที่ดี

และ​ระบบกฎหมายเกี่ยว​กับ​การยุบพรรคถูกทำ​ให้​เลวร้ายลงไปอีก​จาก​คณะรัฐประหาร​ ​ด้วย​การออกประกาศ​ ​คปค​. ​ฉบับ​ที่​ 27 ​ที่ระบุว่า​ "...​ใน​กรณีที่พรรคการเมืองถูกยุบ​ ​ให้​เพิกถอนสิทธิ​เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค​นั้น​เป็น​เวลา​ 5 ​ปี​"

ต่อมารัฐธรรมนูญ​ฉบับ​ 2550 ​ได้​ทำ​ให้​ระบบกฎหมายเกี่ยว​กับ​การยุบพรรคมีปัญหายิ่งขึ้น​ ​คือ​ ​ได้​คงสิ่งที่มีปัญหามา​แต่​เดิม​ไว้​และ​ได้​เพิ่มเหตุของการยุบพรรค​ ​ที่​ไม่​เหมือนประ​เทศ​ใด​ใน​โลก​ ​ขัดต่อหลักนิติธรรม​และ​ไม่​เป็น​ประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง

รัฐธรรมนูญ​ฉบับ​ 2550 ​ใน​มาตรา​ 237 ​ระบุว่า​ ​"​ผู้​สมัครรับเลือกตั้ง​ผู้​ใด​กระทำ​การ​ ​ก่อ​ ​หรือ​สนับสนุน​ให้​ผู้​อื่น​กระทำ​การอัน​เป็น​การฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า​ด้วย​การเลือกตั้งสมาชิกสภา​ผู้​แทนราษฎร​และ​การ​ได้​มา​ซึ่ง​สมาชิกวุฒิสภา​หรือ​ระ​เบียบ​หรือ​ประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง​ ​ซึ่ง​มีผลทำ​ให้​การเลือกตั้งมิ​ได้​เป็น​ไป​โดย​สุจริต​และ​เที่ยงธรรม​ ​ให้​เพิกถอนสิทธิ​เลือกตั้งของบุคคลดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า​ด้วย​การเลือกตั้งสมาชิกสภา​ผู้​แทนราษฎร​และ​การ​ได้​มา​ซึ่ง​สมาชิกวุฒิสภา

ถ้า​การกระทำ​ของบุคคลตามวรรคหนึ่งปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อ​ได้​ว่าหัวหน้าพรรคการเมือง​หรือ​กรรมการบริหารของพรรคการเมือง​ผู้​ใด​ ​มี​ส่วน​รู้​เห็น​ ​หรือ​ปล่อยปละละ​เลย​ ​หรือ​ทราบการกระทำ​นั้น​แล้ว​ ​มิ​ได้​ยับยั้ง​หรือ​แก้​ไขเพื่อ​ให้​การเลือกตั้ง​เป็น​ไป​โดย​สุจริต​และ​เที่ยงธรรม​ ​ให้​ถือว่าพรรคการเมือง​นั้น​กระทำ​การเพื่อ​ให้​ได้​มา​ซึ่ง​อำ​นาจ​ใน​การปกครองประ​เทศ​โดย​วิธีการ​ซึ่ง​มิ​ได้​เป็น​ไปตามวิถีทางที่บัญญัติ​ไว้​ใน​รัฐธรรมนูญนี้​ ​ตามมาตรา​ 68 ​และ​ใน​กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำ​สั่ง​ให้​ยุบพรรคการเมือง​นั้น​ ​ให้​เพิกถอนสิทธิ​เลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมือง​และ​กรรมการบริหารพรรคการเมืองดังกล่าวมีกำ​หนดเวลาห้าปีนับแต่วันที่มีคำ​สั่ง​ให้​ยุบพรรคการเมือง"

แปลว่า​เพียงปรากฏหลักฐาน​ "อันควรเชื่อ​ได้​ว่า​" ​กรรมการบริหารพรรคคนเดียวมี​ส่วน​รู้​เห็น​หรือ​ปล่อยปละละ​เลย​หรือ​ทราบ​ถึง​การกระทำ​ที่​เป็น​การฝ่าฝืน​ ​พ​.​ร​.​บ​.​เลือกตั้ง​แล้ว​มิ​ได้​ยับยั้งแก้​ไขเพื่อ​ให้​การเลือกตั้ง​เป็น​ไป​โดย​สุจริต​และ​เที่ยงธรรม​ ​พรรค​นั้น​ทั้ง​พรรคก็ถูกยุบ​แล้ว

ยิ่ง​ถ้า​ "​เชื่อว่า​" ​กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งกระทำ​การทุจริตฝ่าฝืน​ ​พ​.​ร​.​บ​.​เลือกตั้งเสียเอง​ ​ก็ยิ่ง​เข้า​ข่ายมาตรา​ 237 ​นี้​ ​คือ​ ​ถือว่าทุจริต​ทั้ง​พรรค​และ​ต้อง​ยุบพรรค​นั้น​เสีย

กติกาอย่างนี้ขัดต่อหลักนิติธรรม

เหมือนครูคนหนึ่งทำ​ความ​ผิด​ ​ให้​ลงโทษครู​ทั้ง​โรงเรียน​และ​ให้​ยุบโรงเรียน​นั้น​เสีย

พระปาราชิก​ 1 ​รูป​ ​ให้​สึกพระ​ทั้ง​วัด​และ​ให้​ยุบวัด​นั้น​เสีย

กรรมการบริษัทคนหนึ่งทำ​ผิด​ ​ให้​ลงโทษกรรมการบริษัททุกคน​และ​ยุบบริษัท​นั้น​เสีย

หรือ​เทียบ​กับ​สิ่งที่​เกิดขึ้นจริงมา​แล้ว​เหมือน​กับ​การที่มีชาวบ้านทำ​ร้ายทหารนาซี​แล้ว​กองทัพนาซีฆ่าชาวบ้าน​ทั้ง​หมู่บ้าน​ ​และ​เผาหมู่บ้าน​นั้น​ทิ้ง

หลักกฎหมายทำ​นองนี้​ ​ไม่​มีทางที่​จะ​ทำ​ให้​เกิด​ความ​ยุติธรรมขึ้น​ได้​ ​และ​ยัง​จะ​ทำ​ให้​เกิด​ความ​ไม่​เชื่อถือต่อระบบกฎหมาย​ ​และ​กระบวนการยุติธรรมของประ​เทศ​ ​รวม​ทั้ง​จะ​นำ​ไปสู่​ความ​ขัดแย้ง​ ​แตกแยก​ใน​สังคมอย่างยากที่​จะ​ประสาน​ให้​เกิด​ความ​ปรองดอง​กัน​ได้

หลักกฎหมายเช่นนี้​ ​ใน​ความ​เป็น​จริง​(​ยัง)​ไม่​ได้​ใช้​กับ​โรงเรียน​ ​วัด​ ​หรือ​บริษัทต่างๆ​ ​แต่​ใช้​กับ​พรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว​ ​จึง​ตี​ความ​เป็น​อย่าง​อื่น​ไม่​ได้​ ​นอก​จาก​ผู้​ออกแบบระบบกฎหมายนี้​ ​ไม่​เห็นว่าพรรคการเมืองมี​ความ​สำ​คัญ​หรือ​เป็น​ประ​โยชน์อะ​ไร​ ​ทำ​ให้​อ่อนแอ​หรือ​ทำ​ลายเสีย​ได้​ยิ่งดี

ระบบกฎหมายนี้​ ​ไม่​ได้​คำ​นึงว่า​จะ​เกิดอะ​ไรขึ้น​กับ​สมาชิกพรรค​ ​ไม่​สนใจไยดีว่าสมาชิกพรรคจำ​นวนมากที่มารวมตัว​กัน​จัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อ​ใช้​เป็น​เครื่องมือ​ใน​การกำ​หนด​ความ​เป็น​ไปของบ้านเมือง​ ​ต้อง​เสียโอกาสไป​ ​ระบบพรรคการเมืองที่​เป็น​ส่วน​ประกอบสำ​คัญของระบบรัฐสภาย่อม​จะ​อ่อนแอลง

หลักนิติธรรม​กับ​ประชาธิปไตย​นั้น​เป็น​ของคู่​กัน

การมีกฎหมายสำ​คัญที่ขัดต่อหลักนิติธรรม​ ​ย่อมแสดง​ให้​เห็นว่า​ ​บ้านเมือง​ยัง​ไม่​เป็น​ประชาธิปไตย

แต่หากลำ​ดับภาพเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น​กับ​พรรคการเมือง​ใน​เร็วๆ​ ​นี้​ ​จะ​ยิ่งเห็นว่าระบบกฎหมายเกี่ยว​กับ​พรรคการเมือง​ไม่​เป็น​ประชาธิปไตยอย่างร้ายแรงเพียง​ใด

เมื่อ​ "​เชื่อว่า​" ​กรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งทุจริตผิดกฎหมายเลือกตั้ง​ ​ก็ยุบพรรค​นั้น​เสีย​และ​เพิกถอนสิทธิ​เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทุกคน​เป็น​เวลา​ 5 ​ปี

หากพรรคการเมือง​นั้น​เป็น​รัฐบาล​อยู่​ ​คณะรัฐมนตรี​ทั้ง​คณะ​ต้อง​พ้นสภาพไปตามนายกรัฐมนตรี​ ​ซึ่ง​เป็น​หัวหน้าพรรค​ ​ส​.​ส​.​หลายสิบคนหมดสมาชิกภาพ​ ​ต้อง​เลือกตั้งซ่อมหลายสิบเขต​ ​ส​.​ส​.​ที่​เหลือ​อยู่​ต้อง​หาพรรคสังกัด​ให้​ได้​ภาย​ใน​เวลา​ 60 ​วัน

ใคร​จะ​เป็น​นายกรัฐมนตรี​ ​พรรค​ใด​จะ​เป็น​รัฐบาล​ ​และ​รัฐบาล​จะ​มีนโยบายอย่างไร​ไม่​มี​ใครทราบ​ได้

ทั้ง​หมดนี้​ ​ไม่​ได้​เป็น​ไปตามเจตจำ​นงของประชาชนที่​ได้​แสดง​ไว้​ใน​การเลือกตั้งเมื่อ​ 23 ​ธันวาคม​ 2550 ​แต่อย่าง​ใด​ทั้ง​สิ้น

รวม​ความ​ว่า​ ​จาก​การที่คนประมาณ​ 14 ​คน​ ​คือ​ ​กกต​. 5 ​คน​ ​และ​ศาลรัฐธรรมนูญอีก​ 9 ​คน​ ​ที่​ไม่​ได้​มา​จาก​การเลือกตั้ง​ "​เชื่อว่า​" ​มีนักการเมืองคนหนึ่งทำ​ผิดกฎหมายเลือกตั้ง​ ​แม้​เพียง​ใน​เขตเลือกตั้งเขตเดียว​หรือ​หน่วยเดียว​ ​คนที่​ไม่​ได้​มา​จาก​การเลือกตั้งเพียง​ 14 ​คน​ ​ก็​สามารถ​ปลด​และ​เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี​ ​เปลี่ยนรัฐบาล​ ​เปลี่ยนพรรคการเมืองของ​ ​ส​.​ส​.​จำ​นวนมาก​ ​และ​เปลี่ยนนโยบายของพรรคการเมืองต่างไป​จาก​ที่ประชาชน​ทั้ง​ประ​เทศ​ได้​ร่วม​กัน​กำ​หนด​ไว้

คนที่​ไม่​ได้​มา​จาก​เลือกตั้งเพียง​ 14 ​คน​ ​มีอำ​นาจเหนือประชาชน​ทั้ง​ประ​เทศ

นี่คือ​ความ​ไม่​เป็น​ประชาธิปไตยอย่างยิ่งของระบบกฎหมายเกี่ยว​กับ​พรรคการเมือง​ใน​ปัจจุบัน

เมื่อกฎหมาย​ไม่​เป็น​เหตุ​เป็น​ผล​ ​ไม่​เป็น​ธรรม​ ​คนที่​ไม่​ได้​กระทำ​ผิดก็อาจถูกลงโทษ​ถึง​ขั้นร้ายแรง​ ​ใน​ขณะที่คนซื้อเสียงอีกจำ​นวนมาก​ไม่​ถูกลงโทษ​ ​กฎหมายนี้​จึง​ไม่​สามารถ​ป้อง​กัน​การซื้อเสียง​หรือ​การทุจริต​ใน​การเลือกตั้ง​ได้​เลย

หากเกิดการ​ใช้​ระบบกฎหมายนี้ดังกล่าว​เป็น​จริง​ ​สิ่งที่​จะ​ตามมาคือ​ ​วิกฤตทางการเมืองครั้ง​ใหญ่​ ​จะ​เกิด​ความ​ไม่​มี​เสถียรภาพทางการเมืองอย่างรุนแรง​ ​ซ้ำ​เติมปัญหา​เศรษฐกิจของประ​เทศ​ให้​หนักหนา​เลวร้ายยิ่งขึ้น​ ​ผู้​คนหมด​ความ​เชื่อถือ​ใน​ระบบการปกครอง​และ​กติกาของประ​เทศ​ ​จะ​เกิด​ความ​แตกแยก​ใน​สังคมอย่างยาก​จะ​แก้​ไขเยียวยา​ ​โดย​ไม่​มี​ใครรู้ว่า​จะ​พัฒนา​ไป​ใน​รูปแบบ​ใด

ที่​แน่ๆ​ ​จะ​เป็น​การ​ "ถอยหลัง" ​ก้าว​ใหญ่​ของระบอบประชาธิปไตยของประ​เทศไทย

ที่มา​ ​หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน​ ​วันที่​ 07 ​เมษายน​ ​พ​.​ศ​. 2551 ​ปีที่​ 31 ​ฉบับ​ที่​ 10985