แม้ว่าวาทกรรมที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประดิดประดอยออกมาจะไร้น้ำหนักลงทุกวัน เพราะคนส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายในเนื้อหาสาระที่ขาดข้อเท็จจริง มีแต่การสร้างถ้อยคำเพื่อให้ร้ายรัฐบาลก็ตาม
แต่ก็ดูจะไม่เป็นธรรมกับบ้านนี้เมืองนี้สักเท่าไร ที่ปล่อยให้คนแค่ 4-5 คน ออกมากล่าวหา ชักจูงด้วยความพยายามให้ประชาชนหลงเชื่อว่าบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย หลงเชื่อว่ารัฐบาลกำลังทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำ
ทั้งที่หากแกะรอยแถลงการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เคยออกมาทั้ง 5 ฉบับแล้ว จะเห็นได้ชัดว่ามีความเท็จอยู่เป็นกระบุง แถมบางเรื่องก็เป็นเพียงการคาดเดาอย่างคนมองโลกในแง่ร้าย
ทั้งที่บางเรื่องราวยังไม่เกิดขึ้น และหลายเรื่องราวไม่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงดังที่พยายามกล่าวหาด้วยซ้ำไป
ยิ่งมาถึงแถลงการณ์ฉบับที่ 6 "ต่อต้านรัฐประหารเงียบ" ยิ่งแทบไม่มีเค้าความจริงแม้แต่บรรทัดเดียว
ว่ากันตั้งแต่ชื่อเรื่องก็ผิดเสียแล้ว เพราะสิ่งที่รัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชาชน ออกปากเรียกร้องคือการได้คืนมาซึ่งระบอบประชาธิปไตย และไม่เอาเผด็จการ
แต่ใครกันแน่ที่เชื้อเชิญให้เกิดการยึดอำนาจ และออกท่านิยมชมชอบการ "รัฐประหาร" ความจริงแล้วผมไม่อยากจะหยิบเรื่องราวนี้มาเขียนถึงเสียด้วยซ้ำไป เพราะอาจจะเป็นการใช้พื้นที่อย่างไม่คุ้มค่า
แต่ก็ไปสะดุดเอาเนื้อหาในแถลงการณ์ที่ว่า การมีมติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับของรัฐบาลเป็นเล่ห์เพทุบายหลอกประชาชน
ในขณะที่ก่อนหน้าที่ขณะที่หลายฝ่ายมีการพูดถึงการแก้ไข มาตรา 237 และ มาตรา 309 ก็กล่าวหาว่ารัฐบาลจะทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง
เลยไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญกันแบบไหนพันธมิตรฯ ถึงจะเห็นด้วย หรือหากเป็นผลงาน เป็นแนวคิดของรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ให้ตั้งธงไว้ก่อนว่าผิดทั้งหมดอย่างนั้นหรือเปล่า
แล้วข้อความต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จมากน้อยแค่ไหนกันแน่...
"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่เคยปฏิเสธที่จะให้มีการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตราบใดที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย ไม่ขัดต่อหลักนิติธรรมและความเสมอภาคในการใช้กฎหมาย ไม่มุ่งประสงค์ลบล้างความผิดของตัวเองและพวกพ้องให้มีอภิสิทธิ์อยู่เหนือกฎหมาย ไม่ขัดต่อหลักธรรมาภิบาล..."
ซึ่งคงจะต้องตั้งคำถามย้อนกลับไปว่า แล้วสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่มันผิดเงื่อนไขดังที่ว่าตรงไหน มีอะไรที่ชี้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ส่วนรวม มีอะไรบ้างที่ส่อว่าจะขัดต่อหลักนิติธรรม
ทั้งที่กระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่เกิด รูปแบบ แนวทางในการแก้ไขยังไม่ได้ถูกกำหนด แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ออกมาหาเหตุกล่าวหาเสียก่อนล่วงหน้า
รวมทั้งประเด็นที่ระบุว่า "ต้องไม่มุ่งลบล้างความผิดของตัวเองและพวกพ้อง" ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ตีความ มาตรา 309 ตามรัฐธรรมนูญ 2550 ว่าอย่างไร
หรือคิดแค่ว่า "อะไรที่เป็นประโยชน์กู พวกกู ถูกทั้งหมด"
ยิ่งได้ฟังต่อมาถึงจุดยืนของกลุ่มพันธมิตรฯ ยิ่งอ่อนอกอ่อนใจไปกันใหญ่ เพราะไม่คิดว่าพันธมิตรฯ จะดูถูกประชาชนด้วยการเอาความเท็จมาบอกเล่าถึงขนาดนี้
กลุ่มพันธมิตรฯ อ้างเสียงประชามติ 14 ล้านเสียงที่รับร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันความเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุด โดยไม่พูดถึงอีก 10 ล้านเสียงที่ไม่เห็นด้วย
ไม่พูดถึงแผน "ประชาธิปไตยสีขาว" ไม่พูดถึงทหารที่ลงไปเดินในภาคเหนือ ภาคอีสาน และไปให้ข้อมูลผิดๆ กับประชาชน จนเกิดการไข้วเขว
ยังไม่รวมถึงการสร้างความหวั่นไหว ด้วยการบอกว่าหากผลออกมาประชาชนไม่รับร่าง รธน.50 จะมีการหยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้ ซึ่งไม่ได้การันตีว่าจะเป็น รธน.40 หรือไม่
ที่สำคัญมีการหลอกลวงจากรัฐบาลขณะนั้นที่พูดเอาง่ายๆ ว่า "รับไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ไขทีหลัง" ซึ่งก็ทำให้ได้คะแนนสนับสนุนไปอีกมหาศาล
เพราะประชาชนอยากจะให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เพื่อให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไป และเมื่อมีการเลือกตั้งประชาชนก็เลือกพรรคพลังประชาชน ที่ชูนโยบายในการแก้ไข รธน.50 มาอย่างถล่มทลาย
เท่านี้ก็เป็นการสะท้อนชัดแล้วว่าความต้องการที่แท้จริงของประชาชนเป็นอย่างไรกันแน่
ขณะที่ประการสุดท้ายพันธมิตรฯ อ้างว่าประชาชนทั้งประเทศเหลืออดกับรัฐบาล ที่ไม่ให้ความสนใจกับการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ก็ยิ่งเป็นเรื่องตลก
เพราะรัฐบาลชุดนี้มีการลดราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ที่จำเป็นตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้ามาทำงาน ยาวเป็นบัญชีหางว่าว
แถมล่าสุดก็ยังแก้ไขปัญหาราคาปุ๋ยให้เกษตรกร ออกมาแก้ปัญหาราคาข้าว และยังมีเรื่องของโครงการ SML ที่อีกไม่กี่วันเงินจะลงไปถึงชาวบ้านงวดแรกหมื่นล้านบาท
ลำพังแค่ทำงานได้ไม่กี่วันก็น่าจะมีผลงานมากกว่ารัฐบาล 1 ปี 5 เดือน ที่มาจากเผด็จการด้วยซ้ำไป
เห็นชัดเช่นนี้แล้วเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและตัดสินได้ว่า...
ใครกันแน่ที่ "ตอแหล" หลอกลวงประชาชน...!!