WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, April 10, 2008

‘นิวส์วีค'ขึ้นปก‘ทักษิณ' หนึ่งในแบบอย่างผู้นำเอเชียที่ปชช.โหยหา!

​นิวส์วีค​ ​นิตยสารชื่อดังของสหรัฐที่วางจำ​หน่าย​ทั่ว​โลก​ฉบับ​ล่าสุด​ ​ขึ้นปก​ 4 ​ผู้​นำ​ใน​เอเชีย​...​สะดุดตาตรงหนึ่ง​ใน​นั้น​มีรูปของ​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ชินวัตร​ ​อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย​ ​รวม​อยู่​กับ​ ​นายหม่า​ ​อิง​ ​จิ่ว​ ​ผู้​นำ​หมาดๆ​ ​ของไต้หวัน​ ​นายลี​ ​เมียง​ ​บัก​ ​ประธานาธิบดีนักธุรกิจของเกาหลี​ใต้​ ​และ​ ​นายอันวาร์​ ​อิบราฮิม​ ​อดีตรองนายกรัฐมนตรีมา​เลเซีย​ ​ซึ่ง​นำ​พรรคฝ่ายค้านผงาดขึ้นท้าทายพรรคอัมโน​เป็น​ครั้งแรก

​ประ​เด็นที่นิวส์วีคนำ​เสนอก็คือ​ The Politics of Practical Nostalgia ​หรือ​ ​การเมืองแห่งการโหยหาอดีตที่ทำ​ได้​จริง​...​ฟังชื่ออาจวกวน​ ​แต่ประ​เด็นของประ​เด็นก็คือ​ ​การเลือกตั้งที่ผ่านมาของ​ทั้ง​ 4 ​ประ​เทศ​ ​(​ซึ่ง​ลงเอย​ด้วย​ความ​ปราชัยของฝ่ายอำ​นาจเก่า) ​สะท้อน​ให้​เห็นว่า​ ​ใน​ห้วงยามที่ปัญหา​เศรษฐกิจกำ​ลังบีบรัด​ทั้ง​ใน​บ้าน​และ​นอกบ้าน​ ​สิ่งที่ชาวเอเชียกำ​ลังโหยหาก็คือ​ ​วันคืนเก่าๆ​ ​ที่​เศรษฐกิจของประ​เทศขยายตัวอย่างรวด​เร็ว​ ​ชาวบ้านชาวเมืองมีการงานมั่นคง​ ​มีการเลื่อนชั้นทางสังคม​ ​และ​ผู้​นำ​ที่สัญญาว่า​จะ​นำ​ Good Old Days ​เหล่า​นั้น​กลับมาก็คือ​ ​คนที่ประชาชน​จะ​เทคะ​แนน​ให้

​ใน​เอเชียเวลานี้ดู​เหมือนว่า​ ​การกำ​หนดนโยบายที่มองโลก​ใน​แง่​ความ​เป็น​จริง
และ​มีการเปลี่ยนแปลง​ได้​เพื่อผลลัพธ์ที่สร้าง​ความ​พึงพอใจ​ให้​แก่ประชาชน​ ​กำ​ลัง​อยู่​เหนืออุดมการณ์​และ​นโยบายที่​ไม่​ยืดหยุ่นของอำ​นาจเก่า​ใน​อดีต

​ใน​ช่วงทศวรรษ​ 1980 ​เศรษฐกิจของเกาหลี​ใต้​และ​ไต้หวันเคยขยายตัว​ถึง​ 8-9% ​แต่​ใน​ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา​ ​เศรษฐกิจของสองดินแดนนี้​เติบโตเฉลี่ยแค่​ 5% ​ล้าหลังอัตรา​เฉลี่ยของตลาดเกิด​ใหม่​ซึ่ง​อยู่​ที่​ 6.5%

​นายลี​ ​เมียง​ ​บัก​ ​ให้​คำ​มั่นสัญญา​แบบเห็นภาพ​เป็น​ตัวเลข​ด้วย​แผน​ 747 ​ว่า​ ​เขา​จะ​ผลักดัน​ให้​เศรษฐกิจเกาหลี​ใต้​ขยายตัว​ 7% ​ประชาชนมีราย​ได้​ต่อหัว​ 40,000 ​ดอลลาร์ภาย​ใน​หนึ่งทศวรรษ​ ​และ​เศรษฐกิจเกาหลี​จะ​มีขนาด​ใหญ่​เป็น​อันดับ​ 7 ​ของโลก

​ขณะที่​ ​นายหม่า​ ​อิง​ ​จิ่ว​ ​ก็มา​แนวเดียว​กัน​ด้วย​แผน​ 633 ​ซึ่ง​ตั้งเป้าตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่​ 6% ​ต่อปี​ ​ประชาชนมีราย​ได้​ต่อหัว​ 30,000 ​ดอลลาร์​ใน​ปี​ 2016 ​และ​ลดอัตราการว่างงาน​ให้​เหลือ​ 3%

​ทั้ง​นายลี​และ​นายหม่าต่างก็สนับสนุนการลดกฎระ​เบียบด้านเศรษฐกิจ​และ​การลดภาษีธุรกิจ​ ​เพื่อดันตัวเองขึ้น​เป็น​ศูนย์กลางทางการเงิน​ใน​ภูมิภาค​ ​และ​ทั้ง​คู่​ยัง​มี​เมกะ​โปรเจ็กต์​เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ​และ​ขยายการลงทุน​ ​นั่นคือ​ ​นายลีมี​โครงการสร้างคลองเชื่อมภาคเหนือ​และ​ภาค​ใต้​มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์​ ​ขณะที่นายหม่ามี​โครงการปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน​ ​การขยายสนามบิน​และ​สถานีขนส่งมูลค่า​ 130 ​ล้านดอลลาร์​ ​รวม​ทั้ง​การเปิดสัมพันธ์มิติ​ใหม่​กับ​จีนแผ่นดิน​ใหญ่​เพื่อผลประ​โยชน์ทางเศรษฐกิจ

​อย่างไรก็ดี​ ​การย้อนกลับไปหาอดีตอันรุ่งเรืองก่อนวิกฤติต้มยำ​กุ้งเมื่อปี​ 1997 ​อาจ​จะ​ไม่​ใช่​เรื่องง่ายสำ​หรับเศรษฐกิจของเกาหลี​ใต้​และ​ไต้หวัน​ ​ซึ่ง​อิ่มตัวเกินกว่า​จะ​ขยายตัว​ได้​รวด​เร็ว​เท่า​กับ​ประ​เทศกำ​ลังพัฒนา​อื่นๆ​ ​ยกตัวอย่าง​ ​เกาหลี​ใต้​ซึ่ง​ตอนนี้มีมูลค่า​ GDP ​หรือ​ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาย​ใน​ประ​เทศ​อยู่​ที่​ 950 ​ล้านดอลลาร์​ ​การ​จะ​ผลักดัน​ให้​เศรษฐกิจขยายตัว​ให้​ได้​ถึง​ 7% ​อย่างที่​ ​นายลี​ ​เมียง​ ​บัก​ ​สัญญิงสัญญา​ไว้​ ​นั่นหมาย​ถึง​ว่า​ ​เกาหลี​ต้อง​สร้างผลผลิต​ใน​ประ​เทศเพิ่มอีก​ 67 ​พันล้านดอลลาร์ต่อปี​! ​แต่​ถ้า​เป็น​เมื่อ​ 10 ​ปีก่อน​ ​การขยายตัว​ใน​อัตรา​เดียว​กัน​นี้​ ​ต้อง​เพิ่ม​ GDP ​อีกแค่​ 25 ​พันล้านดอลลาร์​เท่า​นั้น

​กล่าว​กัน​ถึง​ปฏิกิริยา​ใน​มา​เลเซีย​และ​ไทย​ ​ผู้​เขียนบท​ความ​ชิ้นนี้ของนิวส์วีคบอกว่า​ "ดราม่า​" ​และ​เห็น​ได้​ชัดกว่ากรณีของไต้หวัน​และ​เกาหลี​ใต้​เสียอีก

​ใน​มา​เลเซีย​ ​พรรคฝ่ายค้าน​ 3 ​พรรค​เล็กๆ​ ​เกือบ​จะ​โค่นพรรคพันธมิตรรัฐบาลที่ครองอำ​นาจมาตั้งแต่ครั้งประกาศเอกราชเมื่อเกือบ​ 40 ​ปีก่อน​ได้​อย่างหวุดหวิด​ ​ขณะที่​ ​นายอันวาร์​ ​อิบราฮิม​ ​ซึ่ง​เคยงัดข้อ​กับ​อดีตนายกรัฐมนตรีมหา​เธร์​ ​โมฮัมหมัด​ ​ใน​หลายประ​เด็น​ ​รวม​ทั้ง​เรื่องการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ​ ​ก็ผงาดขึ้นมาท้าทายรัฐบาลอีกครั้ง​ ​และ​นโยบายต่างๆ​ ​ที่​เคยถูกมองว่า​เป็น​ประ​เด็นอ่อนไหวทางการเมือง​ ​อาทิ​ ​นโยบาย​ "ภูมิบุตร" ​ที่​เอื้อประ​โยชน์​ให้​แก่ประชาชนเชื้อสายมา​เลย์​ ​ก็กำ​ลังถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณา​ใหม่

​ใน​ประ​เทศไทย​ ​นิวส์วีคบอกว่า​ ​ประชาชน​ผู้​มีสิทธิออกเสียง​ได้​ทำ​ลายวงจรของการปฏิวัติที่ล้าหลัง​ ​โดย​ใน​อดีต​นั้น​ ​ผู้​นำ​ทหาร​จะ​อยู่​ใน​อำ​นาจ​ให้​นานที่สุด​เท่า​ที่​จะ​ทำ​ได้​ ​แล้ว​ค่อยตั้งรัฐบาลพลเรือนที่​เป็น​พรรคพวก​กัน​ขึ้นมาสืบทอดอำ​นาจ​ ​แต่​ใน​ปัจจุบัน​ ​เพียงแค่​ 14 ​เดือนหลัง​จาก​ทำ​รัฐประหารอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ​ ​ชินวัตร​ ​ฝ่าย​ผู้​นำ​ทหารก็ถูกกดดัน​โดย​กระ​แสสังคม​ให้​จัดการเลือกตั้ง​ใน​วันที่​ 23 ​ธันวาคม​ ​ที่ผ่านมา​ ​ซึ่ง​ผลปรากฏว่าชัยชนะ​เป็น​ของฝ่ายที่สนับสนุนอดีตนายกฯ​ ​ทักษิณ

​บท​ความ​ของนิวส์วีคอ้างคำ​กล่าวของ​ ​ธิตินันท์​ ​พงศ์สุทธิรักษ์​ ​จาก​คณะรัฐศาสตร์​ ​จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย​ ​ซึ่ง​ระบุว่า​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ได้​เปลี่ยนแปลงวิถีที่​เคย​เป็น​ใน​ประ​เทศไทย​ ​ตอนนี้กระ​แส​ทั้ง​ใน​ประ​เทศ​และ​นอกประ​เทศ​อยู่​ข้างทักษิณ

​บท​ความ​ของนิวส์วีค​ยัง​บรรยายต่อว่า​ ​ความ​สำ​เร็จ​ใน​การ​ใช้​นโยบายเศรษฐกิจเพื่อตอบรับกระ​แสโลกาภิวัตน์คือปัจจัยหลักที่ทำ​ให้​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​ขึ้นสู่อำ​นาจ​ ​และ​เป็น​เครื่องอธิบายการกลับมาของ​เขา​ ​ใน​ช่วง​ 5 ​ปีภาย​ใต้​การบริหารของ​ ​พ​.​ต​.​ท​.​ทักษิณ​ ​เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวอย่างรวด​เร็ว​ ​ชนบทเติบโตขึ้น​ ​และ​ไทย​เป็น​เพียงประ​เทศเดียว​ใน​เอเชียที่​สามารถ​ลดช่องว่างระหว่างคนจน​กับ​คนรวย​ ​พรรคไทยรักไทย​ได้​รับ​ความ​นิยม​จาก​การทุ่มงบประมาณด้านสาธารณูปโภค​และ​การ​ช่วย​เหลือคนจน​ ​เช่น​ ​การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน​ ​และ​การประ​กัน​สุขภาพ​ ​แต่ขณะ​เดียว​กัน​ ​ก็​ยัง​เปิด​ให้​นักลงทุนต่างชาติ​เข้า​มาลงทุน​ ​และ​ส่งเสริมการค้าอย่างแข็งขัน​...​จาก​นั้น​ ​รัฐบาลทหารก็​เข้า​มา​ ​ซึ่ง​ทำ​ให้​นักลงทุนหนีหาย​ ​อีก​ทั้ง​ยัง​ชู​แนวนโยบาย​ "​เศรษฐกิจพอเพียง" ​ซึ่ง​เน้น​ความ​มี​เสถียรภาพมั่นคงมากกว่าการเติบโต​...​ภาย​ใต้​การนำ​ของรัฐบาลทหาร​ ​เศรษฐกิจของไทย​ใน​ปีที่​แล้ว​ขยายตัวเพียงแค่​ 4.8% ​เท่า​นั้น

​บท​ความ​ของนิวส์วีคสรุปว่า​ ​ตอนนี้​ยัง​เร็ว​เกินไปที่​จะ​ฟันธงว่า​ ​การเกิดขึ้นของ​ผู้​นำ​หน้า​ใหม่​ที่​เป็น​นักปฏิบัติ​และ​มองโลกแง่​ใน​ความ​เป็น​จริง​ ​จะ​เป็น​การเปลี่ยนกรอบ​ความ​คิดครั้ง​ใหญ่​ใน​เอเชีย​ ​หรือ​เป็น​แค่​แฟชั่นที่​จะ​ผ่านไป​ใน​ฤดูกาลหน้า​ ​ทั้ง​นี้ก็ขึ้น​อยู่​กับ​ว่า​ ​พวก​เขา​เหล่า​นั้น​จะ​ทำ​อะ​ไร​ให้​เกิดขึ้น​ได้​จริงบ้าง​ใน​ทางปฏิบัติ

​และ​งานนี้คง​ไม่​นานเกินรอ

hi-thaksin